จะวิเศษแค่ไหน ถ้ามีสุดยอดเชฟถึงสองคน มารังสรรค์เมนูมื้อกลางวันสุดพิเศษให้นักชิมอย่างเราได้ทาน เมื่อโรงแรมมีระดับอย่าง The Okura Prestige Bangkok ชวนเรามารับประทานอาหารกลางวันสุดหรู แบบ 4 Hands Michelin ที่การันตีความเลิศรสของเมนู จากฝีมือของเชฟระดับตำนาน อย่างเชฟ Gerard Villaret Horcajo แห่งร้าน Elements inspired by Ciel Bleu ร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน จาก The Okura Prestige Bangkok ร่วมมือกับเชฟ Anarjan Speelma จาก Ciel Bleu Restaurant ร้านอาหารมิชลิน 2 ดาว ที่ Hotel Okura Amsterdam
ถือเป็นประสบการณ์อันดีที่จะได้ลิ้มรสเมนูอันหรูหรา ผ่านศิลปะอันประณีต และความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารที่หาได้ยาก ด้วยการรังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถัน โดยปรมาจารย์ด้านอาหารทั้งสอง ถือเป็นการผสมผสานรสชาติที่น่ารื่นรมย์ ผ่านการนำเสนอที่สร้างสรรค์ จนเกิดภาพรวมที่ควรค่าต่อการเก็บเป็นความทรงจำที่ดีไปอีกแสนนาน
เริ่มต้นประสบการณ์สุดแสนอร่อยกันด้วย Bites เมนู 3 ทหารเสือ จากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เปิดรสสัมผัสด้วยคำแรกจาก Ciel Bleu ที่เชฟเลือกนำมะกอก โป๊ยกั๊ก และเกลือเลม่อน มารังสรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะเข้าสู่คำที่สองและสามจาก Element, inspired by Ciel Bleu โดยคำที่สองถูกรังสรรค์ในสไตล์ญี่ปุ่น กับเกี๊ยวซ่าหมูรูปแบบใหม่ ท็อปด้วยชีสคองเต และปรุงรสด้วยซอส Sanbaizu หรือซอสโชยุ น้ำส้มสายชู และ มิริน ที่ผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นคุ้นเคยกันดี ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำที่สามอย่าง ชูคาเคาฟัวกราส์ รสชาติแปลกใหม่ โดยทั้ง 3 คำผ่านการนำเสนอ ที่แตกต่างด้วยรสชาติ และสีสัน แต่น่าแปลกใจเพราะเมื่อทานในเซ็ตเดียวกัน รสชาติกลับสอดผสานกันได้อย่างลงตัว ถือว่าเชฟทั้ง 2 สร้างความประทับใจที่ดีตั้งแต่เมนูแรกเลยทีเดียว
ต่อกันที่ Ostra Regal Oyster หรือ หอยนางรมออสตรารีกัล ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่เชิดชูรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์แห่งท้องทะเล คงรสชาติที่ดีที่สุดของอาหารทะเล และนำมาจับคู่กับสุดยอดคาเวียร์ ที่ผสมผสานจนได้เมนูที่นักชิมอย่างเราต้องตราตรึง
Maguro Haranaka หรือ มากุโระ ฮารานากะ เปรียบได้กับวงดนตรีซิมโฟนี ที่มีเครื่องดนตรีอันหลากหลาย กำลังบรรเลงเพลงสุดคลาสสิค เช่นเดียวกับความหลากหลายของวัตถุดิบพรีเมียมของเมนูนี้ ไม่ว่าจะเป็น บาฟุนอูนิ มากุโระ และสาหร่าย ในซอสเต้าเจี้ยวบดผสมส้มยูซุ ที่ผสมผสานรสชาติของญี่ปุ่นเข้ากันได้อย่างลงตัว
ผู้ที่ชอบทานเมนูปลา ต้องห้ามพลาดกับเมนู Japanese Sea Bass ที่จานนี้เปรียบได้กับการปลุกเร้าการเต้นรำ ตามทำนองของบทกวี โดยมีเครื่องดนดรีอย่าง อาร์ติโชค องุ่น และกานพลู ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของจาน โดยเชฟสามารถถ่ายทอดความอร่อยของจานอาหารทะเล ให้เกิดความลงตัวในรสชาติ และการนำเสนอที่สุดแสนวิเศษนี้ได้อย่างดี
ขาดไม่ได้กับเมนู White Truffle & Oxtail หรือ ทรัฟเฟิลขาวและหางวัว ซึ่งเป็นการนำเสนอศิลปะผ่านกลิ่นอันเย้ายวนใจ เพราะพระเอกหลักของเมนูนี้คือ ทรัฟเฟิลขาว ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ สอดผสานเข้ากับกลิ่นของกาแฟ และกลิ่นหอมจากเนย ส่งกลิ่นเชิญชวนเหล่านักชิมอย่างเรา ๆ ว่าไม่ควรพลาดที่จะลิ้มรสเมนูสุดหรูนี้ด้วยประการทั้งปวงเลย
หันมาเอาใจสายเนื้อกันบ้าง ด้วย Olive Wagyu Striploin A5 เมนูเนื้อสันนอกวากิวมะกอก A5 อยากจะบอกว่าเมนูนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเชฟทั้งสอง ที่อยากนำเสนอความเป็นเลิศของวัตถุดิบสุดพรีเมียม อย่างเนื้อวากิว A5 ผ่านการนำเสนอที่เรียบง่าย ด้วยรสสัมผัสของเนื้อที่ละลายในปาก ผ่านการปรุงมาได้อย่างดีเยี่ยม รับรู้ได้ถึงความใส่ใจของเชฟทั้งสอง ที่ทำให้เมนูนี้เป็นจานโปรดของนักชิมอย่างเราได้ไม่ยากเลย
พักล้างปากกันด้วย Palate Cleanser กับเนโกรนี (Negroni) หรือที่เราคุ้นเคยกันว่าเป็น ค็อกเทลสุดคลาสสิกจากอิตาลี เรียกว่าเป็นรสชาติที่ค่อนข้างสนุกสนาน ก่อนที่จะบรรเลงเพลงต่อในเมนูขนามหวานถัดไป
Kokonattsu เมนูของหวานที่ดูน่าทานมาก เริ่มต้นด้วยศิลปะแห่งการรับกลิ่นความหอมของมะพร้าว ส่งกลิ่นมาเย้ายวนชวนลิ้มลองมาก ๆ เนื้อสัมผัสเมื่อได้ทานช่างละมุนลิ้น กลมกล่อมหวานกำลังดี ถือเป็นเมนูของหวานที่มี 10 ก็ให้ 10 เต็มจริง ๆ
ปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษด้วย Okashi ที่คัดสรรมาอย่างดี เสิร์ฟมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ชวนทาน มีจุดเด่นในตัวเองของแต่ละชิ้น ทานเพลินชนิดที่ทานไปคุยไป ไม่ทันไรก็เกลี้ยงจาน ถือเป็นการปิดท้ายมื้อแห่งความประทับใจได้เป็นอย่างดี
ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จของเชฟระดับมิชลินทั้ง 2 ในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางอันน่าหลงใหล ผ่านรสชาติและศิลปะการทำอาหาร ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอิทธิพลของญี่ปุ่นและฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี อาหารแต่ละจานถือเป็นผลงานชิ้นเอกอันวิจิตรบรรจง ที่ทำให้ประสบการณ์ในการรับประทานในครั้งนี้ ต้องจดจำไปอีกนาน
Elements, Inspired by Ciel Bleu
- ชั้น 25 โรงแรม The Okura Prestige Bangkok
- Tel. 02 687 9000
- Email [email protected]