ตามมาชิมร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง ADHOC BKK ฝีมือ เชฟป๊อป – พิชชากร รามบุตร ร้านตกแต่งสวย เรียบหรู ให้ความรู้สึกถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีความเป็นส่วนตัว ใครที่จะมาทานต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น เมนูของ ADHOC จัดเสิร์ฟแบบเทสติ้งเมนูทั้งหมด 11 คอร์ส เสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูอาหารไทยตำรับดั้งเดิมที่เน้นปรุงด้วยวัตถุดิบจากเกษตรกรไทย วัตถุดิบหลักบางเมนูอาจจะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่ได้มาในแต่ละครั้ง รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์ เรียบเรียงรสชาติในแต่ละคอร์สได้ดีมาก
เริ่มต้นกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยเมนูแรก W. TAWEE FARM PORK เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากการลงพื้นที่ของทีม ADHOC ที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น อาหารของจังหวัดอุดรธานีจะได้รับอิทธิพลและมีกลิ่นอายของความเป็นเวียดนาม เมนูนี้ทางทีมจึงได้หยิบยกเอาเมนูไข่กะทะมาเป็นแรงบันดาลใจ โดยมีการนำหมูจาก ว. ทวีฟาร์ม ฟาร์มหมูไบโอไดนามิกแห่งขอนแก่น มาทำเป็นเบคอนในแบบฉบับ ADHOC เสิร์ฟพร้อมขนมปังโฮมเมด ซอสไข่กะทะ และท็อปด้วยไข่นกกะทา
และ BIGFIN REEF SQUID เมนูหมึกหอม หรือหมึกตะเภา แรงบันดาลใจมาจากเมนูทางภาคอิสาน น้ำพริกถั่วเน่า เบสของน้ำพริกจะมีส่วนผสมของมะเขือเทศเพิ่มความเปรี้ยวหวานกลมกล่อม เชฟนำไปคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของสมุนไพรที่อยู่ในน้ำพริก เล่นเนื้อสัมผัสกับเนื้อปลาหมึกหอม ผักกาดหอมโอซุ่น ปรุงรสด้วยความเค็มจากถั่วเน่า กระเทียมไทยที่นำไปเจียวปรุงรสกับน้ำปลา รสชาติเปรี้ยวได้จากมะนาวสดและฟิงเกอร์ไลม์ เสิร์ฟมาในแครกเกอร์ที่ทำจากแป้งข้าวสาลี
เมนูเรียกน้ำย่อยจะเสิร์ฟพร้อมคราฟต์โซดาจากจันทบุรี คราฟต์โซดาชุมชนที่ทำจากเปลือกโกโก้ ให้ความสดชื่น
ต่อกันที่ GIANT TREVALLY เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนูสำรับโบราณของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ จากตำราแม่ครัวหัวป่าที่ชื่อว่า แสร้งว่า เชฟจะเปลี่ยนวัตถุดิบหลักไปตามเมนูในแต่ละฤดูกาล ครั้งนี้เชฟเสิร์ฟเมนูหลักเป็นหอยท้ายเภาเสิร์ฟพร้อมกับชมพู่ ได้ความหวานจากลำไย ความเค็มจากสาหร่ายพวงองุ่น ความเปรี้ยวจากส้มซ่า โรยด้วยกรานิต้าที่มีส่วนผสมของปลาเนื้ออ่อนแห้งที่ผ่านการรมควัน วิธีการรับประทานให้คนให้เข้ากันแล้วรับประทานพร้อมกันในคำเดียว รับประทานแล้วได้สัมผัสที่หลากหลายและครบรสพร้อมความสดชื่นจากกรานิต้า
ตามด้วยคอร์ส GOBY เสิร์ฟเป็นเมนูสะเต๊ะในเวอร์ชั่นของ Adhoc กับเมนู สะเต๊ะปลาบู่ ได้แรงบันดาลใจมาจากการออกทริปชองเชฟป๊อปที่ประเทศมาเลเซีย เชฟได้นำเอาสะเต้ะในรูปแบบของมาเลเซียมาผสมให้เข้ากันกับสะเต๊ะของไทย โดยนำปลาบู่ไปหมักสองน้ำคือโยเกิร์ตและเครื่องเทศ เช่นลูกผักชี ยี่หร่า จากนั้นนำไปสโลว์คุกกับถ่านไม้ลำใย เสิร์ฟบนซอสสะเต๊ะออนท็อปด้วยอาจาด น้ำส้มสายชูมะพร้าว รับประทานควบคู่กับขนมปังโฮมเมดที่ใช้เวลาหมักกว่า 2 คืน และซอสทาบาสโก้โฮมเมดที่ปรุงจากพริกสี่ชนิดของไทย
ถัดมาเป็นคอร์สเมนู BLUE CRAB เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูของคุณยายของเชฟป๊อป ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกได้ว่าเชฟโตมากับเมนูนี้เลย นั่นคือ ข้าวยำปักใต้แบบนครศรี ซึ่งจะไม่ทานแบบข้าวกับเครื่องแยกกัน แต่จะทานเป็นข้าวหอมมะลิคลุกกับพริกแกงใต้ ซอสน้ำบูดู และเครื่องสมุนไพรรวมกันกว่า 12 ชนิด เช่น ดอกดาหลา ใบไชยา ใบพาโหม เสิร์ฟกับเนื้อปูม้าสดส่วนกรรเชียง และปลาทู ไก่กรอบ โรยด้วยพื้นสมุนไพรที่นำไปคลุกกับข้าว เสริมรสชาติกันและกันได้ดีมาก
คอ์สต่อมาเป็นการเคลียร์รสชาติความจัดจ้านด้วยเมนูซุป TAPI RIVER PRAWN ที่เชฟตั้งใจเสิร์ฟต่อจากข้าวยำ เพื่อช่วยล้างความเป็นพริกแกง ในเมนูประกอบด้วยเต้าหู้ไข่ ลูกชิ้นกุ้งที่ใช้กุ้งแม่น้ำจากแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อหวานนุ่ม ท็อปด้วยโลคอลคาเวียร์จากหัวหิน เบสของน้ำซุปจะมาจากน้ำมะพร้าวหอมสด ความหวานที่ได้จะมาจากน้ำมะพร้าว ไม่มีการปรุงแต่งรสเพิ่มเติมเลย เพิ่มสีและกลิ่นเล็กน้อยจากเห็ดชิตาเกะและสามเกลอ
มาถึงเมนคอร์สเมนูแรก THAI WAGYU เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ซั่ว เมนูท้องถิ่นของภาคอีสาน ที่มีรสชาติคล้ายต้มแซ่บ แต่มีจุดเด่นที่มีผักแพวเป็นส่วนผสมหลัก เสิร์ฟโดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นวากิวจากประเทศไทย แบ่งออกเป็นสองส่วน เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ในไปเซียร์ในกะทะ และเนื้อซี่โครงนำไปรมควัน เสิร์ฟให้รับประทานควบคู่กับมันแกวดองกับน้ำส้มตำ ตัดกับซุปหน่อไม้ ข้าวทอด และซอสซั่วเนื้อใบย่านาง ให้กลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์
คั่นด้วย REFRESHING เลมอนทีกรานิต้า ท็อปด้วยมูสจากโยเกิร์ตน้ำผึ้ง และน้ำส้ม
เมนคอร์สจานที่สอง LEOPARD CORAL GROUPER จัดเสิร์ฟมาในรูปแบบสำรับ ประกอบไปด้วย แกงเหลืองปลาเก๋าแดงกับสละ ที่เชฟนำปลาเก๋าไปย่างในกะทะจนหอม เสิร์ฟควบคู่กับคอหมูหวานย่าง ชะอมผัดไข่ และข้าวอูดอย ข้าวที่มีรสชาติคล้ายข้าวโพดข้าวเหนียว รสสัมผัสเหนียวนุ่ม หอมละมุน หนึบๆ เม็ดข้าวคล้ายข้าวญี่ปุ่น และ น้ำพริกหัวครก หรือน้ำพริกเม็ดมะม่วงหิมะพานองุ่นดิบ ให้รสชาติเผ็ดถึงใจ ทานคู่กับผักแนมแกล้มกันกำลังดี
ถึงคอร์สขนมหวานจานหลักกันแล้ว MAIN DESSERT ไอศกรีมนมสดจากสหกรณ์โคนมบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เสิร์ฟคู่มากับช็อคโกแลตจากเขาใหญ่ น้ำผึ้งดอกลำไย เป็นเมนูขนมหวานที่อร่อยละมุนอย่างมีมิติ
ปิดท้ายด้วย PETIT FOURS & TEA เมนูขนมหวานที่เชฟชอบป๊อปและอยากให้ทุกคนได้ชิม ได้แก่ ขนมเบื้องแป้งชาร์โคลไส้หวาน ทาร์ตส้มจี้ด ช็อคโกแล็ตจากชุมพร และโรตีซอสน้ำตาลและแมคคาเดเมียจากเชียงใหม่ จิบคู่กับชาอู่หลงที่มีรสหวานปลายจากชะเอมเทศ ปิดท้ายมื้อค่ำนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
ทางร้านมีเมนูคอร์สเมนู Add-on เมนูที่เคยมีในคอร์สก่อนหน้าและมีแขกถามถึงบ่อยครั้ง เชฟได้นำมาเสิร์ฟเป็นเมนูเพิ่มเติมสำหรับคนที่ยังคิดถึงและอยากลิ้มรสเมนูนี้ ประกอบไปด้วยเมนู LON KEM BAK NUT เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหลนของทางจังหวัดอุบลราชธานี โดยคำว่า บักนัท ในเมนูเป็นภาษาอีสานที่หมายถึงสับปะรด เชฟเลือกใช้กะทิที่คั้นสดใหม่วันต่อวัน หลนกับปลาที่นำไปดองกับน้ำเกลือ สับปะรด และกุ้งลายเสือ เสิร์ฟคู่มากับใบชะพลูและแป้งถั่วเขียว ท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์จากหัวหิน
และอีกหนึ่งคอร์สเมนู Add-on คือ THAI CRAB OMELETTE ไข่เจียวปู ฟู กรอบ กรรเชียงปูแน่น เสิร์ฟให้ทานคู่กับซอสพริกศรีราชาโฮมเมด หรือจะทานคู่กับน้ำพริกหัวครกที่เสิร์ฟในเมนคอร์สก็เข้ากันดี
ทางร้านมีเครื่องดื่มให้เลือกดื่มแพริ่งด้วยเช่นกัน วันนี้เราเลือกแพริ่งกับคอมบูชะ มีทั้งคอมบูชะยูซุ สตรอว์เบอร์รี เบอร์นี่ และขิง ยกระดับความอร่อยแบบคูณสอง
ADHOC BKK
- เมนู | 11 Courses 3,900 THB
- ที่ตั้ง | 36, เลี้ยวขวาซอยแรก (ซอยตัน มีที่จอดรถบนอาคารเท่านั้น, 22 ซ. พร้อมศรี 1 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
- โทร | 065-143-1111 (12 pm – 11 pm)
- Line OA | @adhocbkk
- Instagram | https://www.instagram.com/adhocbkk
- Pet Friendly