เดือนแห่งความรักหวนกลับมาอีกครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา แฟนของโซทราเวลเลอร์ต่างก็ออกไปหาบรรยากาศพิเศษเพื่อเติมความหวาน สำหรับวันนี้เราจะชวนทุกคนมาพบกับอีกหนึ่งมุมโรแมนติกแบบหวานๆ กับ Valentines Afternoon Tea หนึ่งในชุดน้ำชายามบ่ายตามฤดูกาล (Seasonal Afteroon Tea) ของโรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ ที่จะรังสรรค์เปลี่ยนไปตามโอกาสพิเศษต่างๆ บอกเลยว่าไม่ว่าคุณจะมากับแก๊งค์เพื่อนสาว สวีทหวานกับคนรัก หรือจะยกกันมาพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ชุดน้ำชายามบ่ายของที่นี่เอาใจทุกคนได้อยู่หมัดแน่นอน แล้วอย่างนี้แฟนโซทราเวลเลอร์จะพลาดเก็บชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) ของโรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในลิสต์ร้านโปรดประจำตัวคุณได้ยังงัย
ทุกๆเมนูที่บรรจุอยู่ในชุดน้ำชายามบ่าย ผ่านการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีและเทคนิคสไตล์ฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์โดยเชฟขนมประจำโรงแรม เชฟ เควิน ลี (Pastry Chef Kevin Lee) ผู้เปี่ยมด้วยความหลงใหลในเบเกอรี่และขนมหวาน สรรหาลูกเล่นเทคนิคต่างๆมาใส่ลงไปในขนมทุกๆชิ้นที่เค้าทำ เกิดเป็นรสชาติและสัมผัสที่ใครได้ชิมต่างต้องหลงใหลเหมือนต้องมนต์สะกด
สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย Valentines Afternoon Tea ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยเมนูของคาวและขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสทั้งหมด 10 เมนู ที่คุณมิอาจคาดเดารสชาติและความหอมในแต่ละคำได้แม่นยำ เพราะเชฟแฝงความพิเศษไว้ในทุกๆเมนู ทำให้แม้ว่าเราจะเคยทานเมนูนี้จากที่อื่นมาก่อน เมื่อมาทานที่นี่เราจะได้รับสัมผัสที่ถูกยกระดับขึ้นได้อย่างชัดเจน
ชุดน้ำชายามบ่ายของโรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในทีเฮาส์สุดหรู ชาและกาแฟที่เลือกเสิร์ฟคู่กับชุดน้ำชาพรีเมี่ยมมาก โดยชุดน้ำชาจะมาพร้อมกับ ชามาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) ชาชั้นสูงระดับตำนานสัญชาติฝรั่งเศส หรือหากอยากได้เป็นกาแฟก็มีกาแฟพรีเมี่ยมระดับโลกจากอิตาลีแบรนด์อิลลี่ (illy) ให้เลือกสั่ง
ว่ากันด้วยเรื่องของพรีเซนเทชั่น ชุดน้ำชายามบ่ายของพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ ถือได้ว่าเป็นผู้นำเทรนด์เจ้าแรกๆ ที่เสิร์ฟขนมพร้อมควันพวยพุ่งจากดรายไอซ์ สร้างความน่าสนใจและดีต่อการแชร์รูปและวิดิโอบนโซเชียลมีเดียได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งมีเพื่อนของเราเห็นเราแชร์คลิปนี้บนไอจีสตอรี่ เค้าก็ตามรอยมาทานในไม่ช้าพร้อมกับสั่งว่าเอาชุดน้ำชายามบ่ายชุดที่มีควัน
โมเมนต์ของการถ่ายภาพคู่ควันพวยพุ่งจบลงไป ก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการละเมียดละไมกับเหล่าคานาเป้ที่อยู่เบื้องหน้า หน้าตาแต่ละชิ้นราวกับส่งเสียงร้องว่า “หยิบฉันก่อนสิ” โดยไม่มีใครยอมใคร เริ่มที่ชิ้นใหญ่สุดก่อนแล้วกัน Parma ham wrap, focaccia, truffle cream ขนมปังฟอคคาเซียเนื้อนุ่มท็อปด้วยครีมเห็ดทรัฟเฟิล ห่อให้เป็นคำด้วยพาร์มาแฮม เมื่อกัดเข้าไปทั้งคำแล้วจะสัมผัสได้ถึงรสชาติหวานมันเค็มพร้อมกับกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลเป็นการเริ่มต้นที่ดีงาม ต่อกันด้วย Tuna honey ponzu, avocado, sesame, salmon roe ปลาทูน่าสดหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าพอดีคำ เนื้อนุ่มละลายในปากสุดๆ เชฟยังนำไปชุบซอสพอนสึน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวหอมชื่นใจ คลุกงาดำและงาขาววางเสิร์ฟมาพร้อมกับอโวคาโด้และท็อปด้านบนด้วยไข่ปลาแซลมอนที่ให้รสเค็มอ่อนๆ ยอมให้กับความช่างคิดของเชฟ
เพิ่มความอิ่มท้องมากขึ้นกับ Blue swimmer crab roll, beetroot bun, avruga caviar ขนมปังบีทรูดสอดไส้สลัดเนื้อปูม้า ท็อปด้านบนด้วย Avruga Caviar เนื้อปูอัดแน่น ตอนกัดโดนควาเวียร์แล้วได้ความกรุบเค็มอ่อนๆแผ่ซ่านในปาก ลงตัวเกินบรรยายได้หมด และยังมีอีกหนึ่งคำที่สร้างความสดชื่นได้ดีมาก Heirloom tomato salsa tartletts, coconut gel, herbs ซัลซ่ามะเขือเทศแฮร์ลูมผสมสมุนไพรและเจลมะพร้าว คำนี้สร้างความสดชื่นในปากได้ดีมาก หากจะทานเป็นคำแรกก็เหมาะที่จะเป็นคำที่ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี ด้วยรสเปรี้ยวหวานกำลังดี หากจะทานเป็นคำสุดท้ายของเมนูคาวก็จะเป็นคำที่ช่วยล้างปากก่อนทานของหวานได้ดี
อร่อยกันต่อกับเมนูขนมหวาน Mulberry macaron มาการองรสมัลเบอรี่ที่สอดไส้มัลเบอรี่มาได้พอดิบพอดี ไม่มากไปไม่น้อยไป เปรี้ยวหวานหอมกำลังดี คุยกันเพลินๆ ก็เอื้อมมือไปหยิบ Chocolate & Coconut lollipop อมยิ้มโลลิป๊อปรสช็อคโกแล็ตและรสมะพร้าว หอมกลิ่นไวท์ช็อคโกแล็ตอ่อนๆ ดึงความทรงจำในวัยเด็ก ชวนให้อารมณ์ดีจนต้องขอเบรคให้คนตรงข้ามอย่าเพิ่งหยิบเข้าปาก ขอเอาโลลิป๊อปมาชน cheers กันสักทีก่อนแล้วค่อยลิ้มรสโลลิป๊อปให้ละลายในปากอย่างช้าๆ
Lychee & raspberry choux cream ชูครีมลิ้นจี่กับราสพ์เบอร์รี่ ลูกโต ครีมที่ท็อปไว้เนื้อสัมผัสเนียนทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน สอดรับกับความเปรี้ยวหอมของลิ้นจี่กับราสพ์เบอร์รี่ ลงตัวสุดๆ และยังมีอีกหนึ่งคำหวานฉ่ำ Fresh berry chocolate basket, pistachio สตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ผสมไวท์ช็อคโกแลต โรยด้วยถั่วพิสตาชิโอบด ถั่วพิสตาชิโอที่ผสมลงไปช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับคำนี้ได้ดี Rose flower tiramisu, Marco Polo black tea ทีรามิสุดอกกุหลาบผสมกับชาดำมาร์โคโปโล ช่วยตอกย้ำโมเมนต์สวีทหวานของวาเลนไทล์ ปิดท้ายด้วย Strawberry & champagne jelly เยลลี่แชมเปญกับสตรอเบอร์รี่ที่แชมเปญถูกนำไประเหยแอลกอฮอล์จนหมดเหลือเพียงกลิ่นหอมของแชมเปญที่หอมกรุ่นในลำคอ บอกเลยว่าเด็ดมากเมนูนี้
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในเซ็ตยังมีสโคนแบบดั้งเดิมกับสโคนลูกเกดเสิร์ฟให้ทานคู่กับ ราสพ์เบอร์รี่ซอสและครีมสด สโคนเนื้อนุ่มหอมเกาะตัวดี เนื้อไม่แน่นและไม่ร่วนซุยจนทานแล้วตกโรยไปทั่วจาน เป็นสโคนที่เนื้อดีมากเลยล่ะ
ที่เราเอ่ยมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นการกล่าวถึงความดีงามของเมนูอาหารที่เราปลื้มหนักหนา ส่วนบรรยากาศห้องอาหาร เดอะ ลิฟวิ่ง รูม (The Living Room) นั้นสร้างความสุขให้เราได้ดีไม่แพ้กัน การตกแต่งแบบโปร่งสบายทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกับแสงธรรมชาติ พร้อมกับเก้าอี้นั่งและโซฟาที่ออกแบบให้เอนกายได้อย่างสะดวกสบาย อยากให้แวะมาลองด้วยตัวคุณเองจริงๆ
ชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) โรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ มีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 2 ชุดคือ ชุดน้ำชายามบ่ายซิกเนเจอร์สุดคลาสสิก (Signature Afternoon Tea) และชุดน้ำชายามบ่ายตามฤดูกาล (Seasonal Afteroon Tea) ที่จะรังสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากท้องถิ่นและโอกาสพิเศษต่างๆ สำหรับโซทราเวลเลอร์แล้ว บอกเลยว่าชุดน้ำชายามบ่ายของโรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งทีเซ็ตตัวท็อปของกรุงเทพฯ ที่เพอร์เฟคควรค่าแก่การใช้เวลากับคนรัก ครอบครัว ก๊วนเพื่อนได้บ่อยๆแบบไม่มีเบื่อ
ชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) โรงแรมพาร์ค ไฮแฮท กรุงเทพฯ
สถานที่: ห้องอาหาร เดอะ ลิฟวิ่ง รูม – The Living Room (ชั้น 9 ของโรงแรม)
เปิดบริการ: เวลา 14.00-17.00 น. ของทุกวัน
- ราคาสำหรับ 2 ท่าน 1,600++ บาท
- ราคาสำหรับ 1 ท่าน 850++ บาท
เบอร์โทร 02 012 1234