ชวนคุณมาดื่มด่ำความเรียบหรูของการจิบชายามบ่ายสไตล์ฝรั่งเศสที่ Living Room (ชั้น 9) โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ กับชุดน้ำชายามบ่าย The Versailles Louis XV Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายที่หยิบยกเอาขนมและอาหารว่างจานโปรดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 มาให้ทุกคนได้ลิ้มรสกัน รังสรรค์โดยเชฟกิโยม คูลแบรนท์ เชฟขนมหวานชาวฝรั่งเศสผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทางด้านขนมหวานฝรั่งเศสโดยแท้
พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงโปรดในช็อกโกแลตร้อนเป็นอย่างมาก รวมถึงขนมและอาหารว่างฝรั่งเศสคลาสสิก ที่หลายคนอาจเคยได้ลิ้มลองมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ที่ไปที่มาของเมนูเหล่านี้ วันนี้เราจะชวนคุณมาสัมผัสประสบการณ์นี้กัน พร้อมสัมผัสความคลาสสิกแบบดั้งเดิมที่รังสรรค์มาอย่างพรีเมียมผ่าน The Versailles Louis XV Afternoon Tea อันแสนเรียบหรู
The Versailles Louis XV Afternoon Tea เริ่มต้นเสิร์ฟด้วยเวลคัมดริงก์อย่าง Kir Royal ค็อกเทลสุดหรูที่ผสมผสานความซับซ้อนของแชมเปญกับความหวานอมเปรี้ยวของเหล้าลิเคียวร์แบล็คเคอร์แรนท์ นี่เป็นเครื่องดื่มที่สมบูรณ์แบบสำหรับโอกาสพิเศษหรือการฉลองที่ต้องการความมีเสน่ห์และความอร่อยในแก้วเดียว เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก
จากนั้นจะเป็นการเสิร์ฟชุดน้ำชายามบ่ายที่เริ่มต้นด้วย La Soupe a l’Oignon ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส เป็นเมนูคลาสสิคที่อุดมด้วยรสชาติและกลิ่นหอมกรุ่น ปรุงจากน้ำสต๊อกเนื้อคุณภาพเยี่ยม เคี่ยวกับหัวหอมคาราเมลจนเข้ากันอย่างลงตัว มีรสชาติเข้มข้นและหอมหวลจากการคาราเมลหัวหอมจนเหลืองทอง ความหวานจากหัวหอมเคี่ยวช่วยเสริมรสชาติให้กับน้ำสต๊อกเนื้อที่เข้มข้น เพิ่มความหอมละมุนและความลึกของรสชาติ
ต่อกันด้วย Hand Crafted Pastries ที่นำทีมโดย Louis XV เค้กที่เต็มไปด้วยความหรูหราและความประณีตในการสร้างสรรค์ ความหลากหลายของรสชาติและเนื้อสัมผัสจากส่วนผสมที่ลงตัว ทำให้เค้กนี้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้ที่รักช็อกโกแลต โดดเด่นด้วยรสชาติเข้มข้นของดาร์กช็อกโกแลต 70% ที่ถูกนำมาทำเป็นมูสช็อกโกแลตที่เนียนนุ่มละลายในปาก รสชาติของดาร์กช็อกโกแลตนั้นลึกซึ้งและมีความเข้มข้น ตัดกับความหวานนุ่มของเค้กฟองน้ำรสโกโก้ที่เสริมให้รสชาติทั้งหมดมีความสมดุล เครปสไตล์ฝรั่งเศสที่กรุบกรอบเพิ่มมิติให้กับเค้ก ทำให้ทุกคำที่กัดมีความกรอบนอกนุ่มใน
La Tartelette Citron ขนมหวานที่สืบทอดความคลาสสิกจากศตวรรษที่ 18 ซึ่งยังคงความอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนผสมที่เรียบง่ายและวิธีทำที่พิถีพิถันทำให้ทาร์ตนี้มีเสน่ห์ที่หายาก นี่เป็นทาร์ตเลมอนที่หลายคนหลงรัก แป้งทาร์ตหอมกลิ่นเนยและเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวละมุนที่ทำจากเลมอนนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส เสริมด้วยเมอแร็งก์หวานๆ ที่ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยความสดชื่นของเลมอนที่ทำให้ทาร์ตมีรสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อม เลมอนเคิร์ดที่นุ่มเนียนให้รสเปรี้ยวละมุนจากเลมอนนำเข้าจากฝรั่งเศส ความเปรี้ยวของเลมอนตัดกับความหวานนุ่มของเมอแร็งก์ที่โรยบนหน้าทาร์ต ทำให้รสชาติทั้งหมดมีความสมดุลและสดชื่น กลิ่นหอมของเนยในแป้งทาร์ตยิ่งทำให้ทาร์ตนี้มีความหอมหวานชวนลิ้มลอง
Le Mille – Feuille a la Vanilla de Tahiti ขนมหวานฝรั่งเศสที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยความประณีตจากการสร้างสรรค์ ความคลาสสิกที่ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ทำให้ขนมนี้เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รู้จักในวงการขนมหวานทั่วโลก สูตรของมิลล์เฟย ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1651 โดยเชฟ Francois Pierre de La Varenne ในหนังสือ Le Cuisinier François และต่อมาได้รับการปรับปรุงโดย Antonin Carême เชฟชื่อดังในศตวรรษที่ 19 Adolphe Seugnot ยังถือว่ามิลล์เฟยเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะของเขา เรื่องราวและที่มาที่แท้จริงของขนมนี้อาจจะยังเป็นปริศนา แต่สิ่งที่แน่นอนอย่างแท้จริงคือความอร่อยและความหรูหราที่ทุกคนได้ลิ้มรส
La Tarte Tatin ทาร์ตแอปเปิ้ลที่มีประวัติที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีจุดกำเนิดจากความผิดพลาดของสองพี่น้อง Stéphanie ที่ในศตวรรษที่ 19 ความหวานอมเปรี้ยวของแอปเปิ้ลที่ถูกเคี่ยวจนฉ่ำในคาราเมลให้รสชาติหวานเข้มข้นที่ผสมกับความเปรี้ยวเล็กน้อยของแอปเปิ้ล ทำให้เกิดรสชาติที่กลมกล่อมและน่าหลงใหล กลิ่นหอมของแอปเปิ้ลและคาราเมลที่หอมหวลยิ่งเพิ่มความอยากทาน
ต่อไปจะเป็นเมนูที่เสิร์ฟแบบแชริ่ง La Charlotte aux Fraises ขนมฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานและได้รับความนิยมตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถูกสร้างสรรค์โดยเชฟชื่อดัง Marie-Antoine Carême และทำเฉพาะในช่วงฤดูกาลของสตรอว์เบอร์รีในฝรั่งเศส การผสมผสานของเค้กเนื้อฟู ซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมดที่ผสมกับชากุหลาบ และการตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสดและเลดี้ฟิงเกอร์ ทำให้ La Charlotte aux Fraises เป็นขนมที่มีความสวยงามและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยรสชาติที่หวานละมุนและหอมกรุ่น ซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมดที่ผสมกับชากุหลาบให้รสชาติที่สดชื่นและหอมหวาน สตรอว์เบอร์รีสดเพิ่มความเปรี้ยวหวานอย่างสมดุล กลิ่นหอมของชากุหลาบทำให้ขนมนี้มีความหรูหราและมีมิติ
จากนั้นเป็นการนำเสนอ Petit Sandwiches ขนมปังและทาร์ตที่มีรสชาติหลากหลาย และถูกจัดเตรียมอย่างประณีตในสไตล์ฝรั่งเศส ขนมแต่ละชิ้นมีส่วนผสมที่ลงตัวและรสชาติที่น่าประทับใจ
Brittany Blue Lobster, Fromage Blanc, Celery & Chive แป้งทาร์ตที่กรุบกรอบ ท็อปด้วย Fromage Blanc ครีมชีสสไตล์ฝรั่งเศสที่เนื้อนุ่มและมีรสเปรี้ยวนิดๆ ซึ่งทำให้สมดุลกับเนื้อบลูล็อบสเตอร์ที่มีรสหวาน
Ratatouille & Crottin de Chavignol แซนด์วิชที่ใช้ขนมปังโฮมเมดแผ่นบาง ที่ประกอบด้วยราตาตุยรสกลมกล่อม ผสมกับชีสแพะคุณภาพจาก Chavignol ชีสแพะนี้มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้แซนด์วิชนี้มีรสชาติที่หลากหลายและสมดุลระหว่างความเปรี้ยว หวาน และเค็มของราตาตุยและชีสแพะ
Confit Mulard Duck, Duxelles, Gribiche เป็ดกงฟีเป็นหนึ่งในจานซิกเนเจอร์ของอาหารฝรั่งเศส เนื้อเป็ดที่นุ่มและชุ่มฉ่ำเข้ากันได้ดีกับรสเค็มและหอมมันของเห็ดผัดและหัวหอม Duxelles เพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย รสเผ็ดพอดีจากพริกไทยดำและซอสกริบิเช่ ทำให้จานนี้มีรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัวและเพิ่มความสดชื่น
Guinea Fowl & Foie Gras Pithivier พายทรงกลมแสนอร่อยในแบบฉบับของฝรั่งเศส ภายในสอดไส้ด้วยเนื้อไก่ที่แน่นและนุ่ม ผสมกับตับห่านที่มีรสหอมมัน เนื้อสัมผัสนุ่มนวลทำให้พายนี้มีความหรูหราและอร่อยเป็นพิเศษ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในชุดน้ำชายามบ่ายยังนำเสนอความหลากหลายและความประณีตของขนมฝรั่งเศสที่ทำให้หลงรักในทุกคำที่ลิ้มลอง แต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน อย่างเช่น French Butter Cake เค้กเนยฝรั่งเศส เนื้อเค้กที่ชุ่มชื้นและหอมเนย ให้รสชาติที่เข้มข้นและหวานมันอย่างลงตัว เนื้อเค้กที่แน่นแต่ไม่หนักทำให้ทานได้อย่างเพลิดเพลิน
Madeleine ขนมไข่ฝรั่งเศสโฮมเมดที่มีเนื้อแน่นและนุ่ม มีรูปร่างเป็นเปลือกหอยและมีรสชาติหอมหวาน ทุกคำที่กัดเต็มไปด้วยความนุ่มและหอมอร่อย เป็นขนมที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกลับไปในวัยเด็ก Biscuit de Savoie มีเนื้อเบาและฟู รสชาติหวานอ่อนๆ และมีกลิ่นหอมจากวานิลลาและน้ำตาลไอซิง ขนมนี้เหมาะสำหรับการทานคู่กับชาในยามบ่ายเป็นอย่างมาก และ Hazelnut Feuilletine แป้งพายกรอบบางที่ผสมกับเฮเซลนัท ทานคู่กับครีมวานิลลาที่หวานมันและแยมราสป์เบอร์รีโฮมเมดที่ให้รสเปรี้ยวหวานอย่างลงตัว เนื้อสัมผัสที่หลากหลายและรสชาติที่สมดุลทำให้ขนมนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่รักการลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ
บรรยากาศของชุดน้ำชายามบ่าย The Versailles Louis XV Afternoon Tea ถูกขับกล่อมด้วยไวโอลินบรรเลง เหมาะสำหรับการมารีแล็กซ์ในยามบ่าย
ชุดน้ำชายามบ่าย The Versailles Louis XV Afternoon Tea เสิร์ฟคู่กับชาพรีเมียม มาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) ชาชั้นสูงระดับตำนานสัญชาติฝรั่งเศส หรือหากอยากได้เป็นกาแฟก็มีกาแฟพรีเมี่ยมระดับโลกจากอิตาลีแบรนด์อิลลี่ (illy) ให้เลือกสั่ง The Versailles Louis XV Afternoon Tea จัดเสิร์ฟที่ห้องอาหาร เดอะ ลิฟวิ่ง รูม – The Living Room ชั้น 9 ของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ – จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ในเวลา 13.00-17.00 น. ของทุกวัน
- ราคาสำหรับ 2 ท่าน 3,000++ บาท
เบอร์โทร 02 012 1234