“ถ้านึกถึง Afternoon Tea ก็จะนึกถึง Peacock Alley อยู่เสมอทุกครั้ง” คำพูดนี้คงไม่เกินจริง เมื่อได้แวะมาลิ้มลองชุดน้ำชายามบ่าย “Sea to Table” ล่าสุดจาก Peacock Alley เลาจน์สุดหรูของ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok) ที่จะพาเราดำดิ่งสู้ใต้ท้องทะเลลึก เพื่อสำรวจความอลังการทางรสชาติ ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
SOtraveler ขอเชิญทุกท่าน ร่วมดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การจิบน้ำชายามบ่าย พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามสุดลูกหูลูกตาใจกลางกรุงฯ ในการตกแต่งอันหรูหรา โอ่อ่า แต่แฝงไปด้วยความผ่อนคลาย กับเอกลักษณ์ของนาฬิกาเรือนใหญ่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Peacock Alley ที่ Waldorf Astoria New York ซึ่งมักจะเป็นสถานที่พบปะกันอยู่บ่อย ๆ จนกลายเป็นวลีติดปากในการนัดหมายว่า “Meet Me at The Clock” และเป็นที่รู้กันว่าทาง Peacock Alley ยังคงให้ความสำคัญในการออกแบบเมนูชุดน้ำชายามบ่าย โดยการเพิ่มคอนเซ็ปต์น่าสนใจต่าง ๆ เข้าไป เพื่อความน่าติดตามมากยิ่งขึ้น และคราวนี้ Peacock Alley ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ กับ “Sea to Table” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกลียวคลื่น หาดทราย และท้องทะเลอันแสนอบอุ่น เหมาะกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก
และทันทีที่ชุดน้ำชายามบ่ายมาตั้งตรงหน้า ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของทะเลทันที ด้วยการออกแบบและพรีเซนต์ออกมาได้อย่างสวยงาม สัมผัสได้ถึงความเป็น “Sea to Table” อย่างแท้จริง และไม่ใช่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของแต่ละเมนูเท่านั้นที่ทำให้เราตื่นเต้น ด้านรสชาติก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เริ่มต้นที่เมนูคาว (Savory Nibbles) อย่าง Oceanic Umami กับหอยนางรมจีราโด (Gillardeau Oyster) ที่ได้ชื่อว่าเป็นโรลส์รอยซ์ของหอยนางรมเลยทีเดียว นำไปทอดจนกรอบนอกแน่นใน อุดมไปด้วยรสชาติของ Golden Seaweed และตัดด้วยรสชาติของ Mentaiko-Wasabi แค่เพียงเมนูแรกก็ทำให้เราประทับใจแล้ว
ก่อนจะไปชิมเมนูถัดไปอย่าง Taro Temptation ให้อารมณ์เหมือนทานติ่มซำ โดยเนื้อด้านในเป็นล็อบสเตอร์รมควันกลิ่นบาร์บีคิว ผสมกับเผือกเนื้อเนียน เป็นความอร่อยที่ลงตัว สัมผัสอีกมิติของรสชาติด้วยเมนู Crustacean Roll กับโรลสอดไส้บิสก์ครีมแสนอร่อย เพิ่มความเป็นท้องทะเลด้วยแผ่นแป้งรูปประการัง รสชาติของเมนูนี้ หวนให้นึกถึงอาหารไทยอย่างน่าสนใจ ไม่ควรพลาดเลย
เมนูคาวยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ท่องทะเลกันต่อกับเมนู Citrus Sea Treasures รูปหอยน่ารัก ซึ่งเป็นที่ซ่อนของขุมสมบัติตามชื่อ กับ Scallop รสชาติดี ให้ความสดชื่นเหมือนหน้าตารูปหอย ผสานกับกลิ่นของยูซุแสนหอม ถือว่าเป็นอีกเมนูที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว ต่อที่ Sustainability Of Alaska เป็นหนึ่งคำที่ให้รสชาติหลากหลายมิติมาก ตั้งแต่คิงแครบ ไข่ปลาเทราต์ และแอปเปิ้ล ที่ผสมผสานกันอยู่ภายใน Sesame Cup กรุบกรอบ สนุกสนานตั้งเข้าปาก ไปจนถึง After Taste อันน่าจดจำ ก่อนจะปิดท้ายเมนูคาวด้วย Tuna Seascape เริ่มต้นด้วยความหวานจาก Sweet Potato Chips ด้านนอก ก่อนที่จะได้ลิ้มลองรสชาดิของทูน่าผสม Soy Coulis ลงตัวเข้ากันได้ดี
ปรับโหมดมาที่เมนูของหวาน (Sweet Pastries) ที่เชฟแอนเดรอา โนลิ (Andrea Noli) หัวหน้าเชฟขนมหวานชาวอิตาลีตั้งใจรังสรรค์มาเป็นอย่างดี เริ่มต้นที่ Mango Coconut Sunshine กับไอศครีมมะม่วงเชอร์เบทฉ่ำ ๆ สดชื่นและเพลิดเพลินทีเดียว ต่อกันด้วย Sunrise Spritz กับผลส้มสวยงาม ที่ทันทีที่ได้ทานให้อารมณ์เหมือนผลส้มระเบิดภายในปาก ด้านในมีเนื้อเค้ก Aperol Savarin ผสมกลิ่นของเหล้าเล็กน้อย ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ ขาดไม่ได้กับ Coconut Espresso Cloud สีสันสวยงาม เนื้อเค้กกลิ่นเอสเปรสโซและโกโก้แสนหอม และนุ่มละมุน เพิ่มรสสัมผัสด้วยมะพร้าว เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ต้องลองให้ได้กับ Passion Chocolate Ganache รูปร่างและหน้าตาคล้ายหิน ที่ด้านในอัดแน่นไปด้วย Chocolate Namelaka 36% เพิ่มความสนุกให้รสชาติด้วยเสาวรสปิดท้าย เป็นรสชาติที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นกับ Fruit Whisper ช็อกโกแลตครีมรสแตงโม ที่ทวีความสดชื่นด้วยลิ้นจี ที่ให้เนื้อสัมผัสเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน พลาดไม่ได้กับ Lime Mint Breeze ที่เชฟแนะนำให้ทานปิดท้าย ด้วยรสชาติของมูสมะนาวอันแสนละมุน มีกลิ่นของใบมิ้นท์เข้ามาช่วยเสริมความฉ่ำ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดื่มโมฮิโตอันแสนสดชื่นเลย
ในชุดยังมี สโคน (Scones) เนื้อละมุนไม่แห้งจนเกินไป และยังคงความฉ่ำได้ดี เมื่อทานคู่กับ English Clotted Cream, Lemon Curd และ Homemade Strawberry Jam ยิ่งทำให้อร่อยยิ่งขึ้น
มาทานชุดน้ำชายามบ่ายทั้งที จะไม่พูดถึงชาเลยก็คงไม่ได้ เพราะที่ Peacock Alley เลือกใช้ Mariage Frères แบรนด์ชาจากฝรั่งเศสที่มีตัวเลือกมากมาย โดยคราวนี้เราเลือกชากลิ่น Lemongrass Pandan Butterfly รสชาติดี และมีสีฟ้าสวยเข้ากับชุด “Sea to Table” สุด ๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่ม Signature อย่าง Meet Me At The Clock, Summer Time, 6 O’clock อันแสนสดชื่นและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนใครที่อยากทานกาแฟ ที่นี่ก็มีตัวเลือกทั้งกาแฟรสชาติคลาสสิก และเครื่องดื่มเย็นสดชื่นอื่น ๆ ให้เลือกชิมอีกด้วย
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชุดน้ำชายามบ่ายที่ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม จนไม่อยากให้พลาดเลย ด้วยคอนเซ็ปต์และรสชาติที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี สำหรับใครที่อยากลิ้มลอง “Sea to Table” สนนราคาอยู่ที่ ชุดละ 2,500++ บาท รวมเครื่องดื่มชาหรือกาแฟสำหรับ 2 ท่าน แวะมาได้ที่ Peacock Alley โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok) ตั้งแต่วันที่ – 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น
Peacock Alley
- Location: โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok)
- Opening Hours: เปิดทุกวัน 13.00 น. – 17.00 น.
- Reservations: 02 846 8888 หรือ [email protected]
- Instagram: @waldorfastoriabangkok