Akira Back (อาคีรา แบค) หนึ่งในร้านอาหารที่มีความโดดเด่นในด้านการประยุกต์ใช้วัตถุดิบจากทั่วโลก ผสมผสานกรรมวิธีการปรุงอาหารสไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น และอเมริกา จนได้มาเป็นเมนูที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถหาทานได้ที่ไหน ตั้งอยู่บนชั้น 37 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนสปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 ในบรรยากาศของร้านที่ล้อมรอบด้วยหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของมหานครกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยงาม
ชื่อร้าน Akira Back มีที่มาจากชื่อของ Mr. Akira Back เชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน โดยเชฟมีเชื้อสายเป็นคนเกาหลีแต่เติบโตที่สหรัฐอเมริกา ด้วยการปรุงอาหารด้วยใจรักทำให้เชฟประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดร้านอาหาร Akira Back กระทั่ง Akira Back ได้รับรางวัลดาวมิชลิน และมีการเปิดร้านเพิ่มออกไปกว่า 10 ร้านทั่วโลก เมนูซิกเนเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ที่โดดเด่นของเชฟ คือเมนูสไตล์แบบอีสมีทเวสท์ ที่รสชาติเข้าถึงง่าย ทานได้ทุกวันโดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ ซึ่งโซทราเวลเลอร์ก็ไม่พลาดที่จะชวนคุณมาเปิดประสบการณ์ด้วยหลากเมนูซิกเนเจอร์ของ Akira Back ไปด้วยกัน
เริ่มต้นจานแรกด้วยเมนู Jeju Domi (380++บาท) ซาซิมิปลากระพงแดง ม้วนไข่กุ้งกลิ่นส้ม เสิร์ฟพร้อมซอสโชจัง โดยเมนูนี้เชฟอาคีรา แบค ได้แรงบันดาลใจมาจากวัยเด็กที่เชฟเป็นคนไม่ชอบทานปลาดิบ คุณพ่อของเค้าจึงได้ให้ลองทานปลาดิบพร้อมกับซอสโชจัง ซอสสไตล์เกาหลี จึงเกิดความประทับใจจนนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูนี้ เป็นเมนูแสนสดชื่นที่ต้องลอง
เมนูต่อมาคือเมนูอาหารยอดนิยมที่ขายดีที่สุดของร้านทุกสาขาทั่วโลก และเป็นเมนูโปรดของคุณแม่เชฟอาคีรา Tuna Pizza (470++บาท) เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบราดซอสมายองเนสสูตรพิเศษ (Umami Aioli) ที่ทำจากซอสพอนซึ จากนั้นนำเนื้อปลาทูน่าซาชิมิแล่บางมาวางเรียง ตบแต่งด้วยใบชิโสะ ราดด้วยน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลขาว เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์
อีกหนึ่งเมนูชวนอร่อย AB Tacos (360++บาท) เนื้อวากิวหมักสูตรพิเศษ เคี่ยวนานกว่า 6 ชั่วโมง ฉ่ำๆ เสิร์ฟบนแป้งทาโก ราดซอสพอนซึมะเขือเทศฉ่ำๆ ถูกใจเรามากแนะนำให้ลอง
ต่อกันด้วย Hot Mess Crab Tempura & Avocado (410++บาท) หนึ่งในเมนูโรลสไตล์อูรามากิสุดพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟพร้อมเทมปุระปู และอโวคาโด โรยหน้าด้วยซาซิมิปลาแซลมอล ปลาทูน่า และปลาฮามาจิแบบลูกเต๋า เสิร์ฟพร้อมซอสพอนซึรสชาติเผ็ดร้อนที่จะถูกราดบนโรลเพื่อเพิ่มความจัดจ้านให้กับเมนูนี้
และอีกเมนูโรลสุดพิเศษรังสรรค์โดยเชฟอาคีรา เเบค ที่จะทำให้โรล ดรากอนแบบดั้งเดิมนั้นมีรสชาติต่างไปอีกหนึ่งระดับ Red Dragon Asparagus Tempura (410++บาท) ประกอบไปด้วยกุ้งเทมปุระยัดไส้ และปลาแซลมอลรสเผ็ดที่จัดจ้านด้วย Rayu หรือ น้ำมันจากพริกญี่ปุ่น
อร่อยกันอย่างต่อเนื่องกับ Toro Tartare (750++บาท) เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารเกาหลีที่เป็นแป้งห่อผักหลากหลายชนิด ซึ่งทาทาร์จานนี้เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 9 อย่าง ได้แก่ ครีมวาซาบิ ใบไชส์ (chives) หอมแดง ไข่ขาว ไข่แดง วาซาบิดอง พริกจาลาปิโน ใบต้นกระเทียมญี่ปุ่น และกระเทียมซอยทอด นำมาคลุกเคล้ากับซอสถั่วเหลืองวาซาบิให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟบนขนมปังกรอบ
ตามมาด้วย Una-Q (490++บาท) จานที่ได้แรงบันดาลใจจาก “SSam” ซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมของเกาหลีที่ใช้ผักห่อเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยทางร้านได้ฝานเปลือกแตงกวาให้เป็นแผ่นบางๆ เสิร์ฟพร้อมกับปลาไหลย่าง ฟัวกราส์ โรยแป้งน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลขาว และราดซอสบัลซามิกถั่วเหลือง ซึ่ง ณ ปัจจุบันเท่าที่เราทราบ เราสามารถหารับประทานเมนูพิเศษจานนี้ในกรุงเทพฯได้จากที่นี่ที่เดียว
อีกหนึ่งเมนูน่ารัก Corn on the Cob (290++บาท) ข้าวโพดอ่อนราดซอสกระเทียมดำบัทเทอร์ เสิร์ฟพร้อมกับชีสพาร์เมซานขูดฝอย หอมหวานมัน
เพิ่มความอิ่มท้องให้มากยิ่งขึ้นด้วย Lamb Chops (680++บาท) เมนูเรียบง่ายที่เน้นพลังงานด้านโปรตีน เนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลียถูกปรุงรสอย่างดีด้วยซอส Chipotle Anticucho สไตล์ทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งจะได้รสชาติของพริกและกลิ่นรมควันที่ชัดเจน
เมนูที่ต้องสั่งห้ามพลาดเลยคือ Pork Baby Back Ribs (480++บาท) ซี่โครงหมูย่างซอสเกาหลีสูตรพิเศษที่ได้รับความพิถีพิถันจากเชฟในการปรุงอาหารจานพิเศษนี้ด้วยสไตล์อเมริกัน ซึ่งใช้เวลาในการหมักซี่โครงหมูเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมง
ต่อกันเลยกับเมนูขนมหวาน เมนูแรกได้แก่ Valrhona “Lava” Soufflé (370++บาท) ขนมที่ผสมผสานระหว่างเค้กลาวาและซูเฟล่ กรอบนอกนุ่มใน โดย Akira Back ใช้ช็อกโกแลต Valrhona จากเกาะมาดากัสการ์รับประทานคู่กับไอศกรีมวนิลา ที่สั่งนำเข้าฝักวนิลาจากเกาะมาดากัสการ์ เป็นเมนูที่ดูเรียบง่าย แต่จะทำให้คุณหลงรัก
และอีกหนึ่งเมนูของหวานสุดเซอร์ไพรซ์ Honey Yogurt Panna Cotta (160++บาท) ขนมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพิธี Kagami Biraki ซึ่งเป็นการเปิดงานเฉลิมฉลองในวาระสำคัญ โดยร่วมกันทุบฝาของถังเหล้าสาเกโบราณ จึงจะสามารถตักสาเกขึ้นมาดื่มจากถังเหล้าได้ เมนูนี้จึงได้จำลองฝาไม้สาเกให้เป็นแผ่นน้ำตาลราสเบอร์รี่ ก่อนรับประทานเราจะต้องตีแผ่นน้ำตาลจนแตก เปรียบเสมือนการเริ่มต้นใหม่ ขนมจานนี้มีส่วนประกอบของแพนนาคอตต้าโยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำตาลเปาะแป๊ะ ผลไม้สด และซอร์เบท์มะพร้าว เติมความอร่อยฟินๆ ในบรรยากาศฟีลกู้ดให้กับชีวิตในมื้อเย็นได้ดีจริง ๆ
โซทราเวลเลอร์ มีโอกาสแวะมาทานอาหารที่ Akira Back ถือเป็นประสบการณ์การทานอาหารที่น่าประทับใจ ด้วยการสร้างสรรค์รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ หาทานที่ไหนไม่ได้ ทำให้ Akira Back จะเป็นหนึ่งในร้าน ที่เราจะต้องกลับมาทานเมนูที่ชอบในวันหลังอีกหลาย ๆ ครั้งเสียแล้วล่ะ และเชิญชวนให้ทุกคนมาลิ้มลองความพิเศษในแต่ละเมนูของเชฟ Akira Back ด้วยตัวของคุณเอง
Akira Back ตั้งอยู่บนชั้น 37 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนสปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 ที่จอดรถสะดวกสบาย หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานทีพร้อมพงษ์
- เปิดให้บริการทุกวันสำหรับอาหารค่ำ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 23.00 น.
- ทุกวันอาทิตย์ เปิดบริการมื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 – 14.30 น.
- สำรองที่นั่งได้ที่เบอร์โทร 02-059-5999