หัวหิน กลายเป็นจุดหมายปลายทางการพักผ่อนอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน เมื่อนึกอยากพักผ่อนสัมผัสบรรยากาศชายทะเล อาจด้วยระยะทางที่พอเหมาะพอดีกับการเดินทาง ไม่ใกล้และไม่ไกลจากรุงเทพฯ มากนัก แถมยังมีรีสอร์ทดี ๆ ให้เลือกเยอะ อมารี หัวหิน (Amari Hua Hin) เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ท ที่โซทราเวลเลอร์หยิบมาแนะนำให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนในเมืองหัวหิน เรามีโอกาสได้เดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ที่ อมารี หัวหิน ด้วยตัวเอง จนเล่าได้ว่า อมารี หัวหิน เป็นรีสอร์ทที่สามารถมอบความอบอุ่น ความสนุก ความผ่อนคลาย และความโรแมนติกให้กับแขกทุกคนที่เข้าพักได้อย่างเต็มที่ จะมีมุมที่น่าสนใจตรงไหนบ้างนั้น ออกเดินทางผ่านตัวหนังสือและรูปภาพสวย ๆ กับเรื่องราวของ อมารี หัวหิน พร้อมกับเราได้เลย!!
อมารี หัวหิน ตั้งอยู่ใกล้กับชายหาดเขาตะเกียบ ห่างจาก Cicada Market ตลาดกลางคืนที่มีสินค้าแนวศิลปะ Handmade Art Craft วางจำหน่ายอย่างเป็นกันเอง ประมาณ 500 เมตร เท่านั้น แต่ตลาดจะเปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ใครอยากมาเดินเพิ่มความชิคของทริปที่ Cicada Market ลองวางแผนวันเวลากันให้ดี แต่หลังจากได้อ่านคอลัมน์ อมารี หัวหิน จากเราแล้ว คุณอาจจะแค่อยากนอนชิล และคลุกอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของรีสอร์ทก็เต็มอิ่มอย่างที่สุดแล้วก็เป็นได้
ก่อนที่จะพาไปชมในส่วนของพร็อพเพอร์ตี้ของรีสอร์ท การให้บริการก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของ อมารี หัวหิน ทั้งส่วนต้อนรับ ร้านอาหาร สปา ส่วนงานโอเปอเรชั่น ตลอดไปจนถึงแม่บ้าน ล้วนส่งผ่านความอบอุ่นด้วยรอยยิ้ม การทักทาย และเซอร์วิสมายอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เรามั่นใจในคุณภาพงานบริการ ว่าแขกทุกคนจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเดียวกับที่เราได้สัมผัสมา
ทางด้านอาคารห้องพักของรีสอร์ท อมารี หัวหิน มีห้องพักทั้งหมด 223 ห้อง มีทั้งห้องแบบดีลักซ์ พื้นที่ 38 ตารางเมตร ห้องแฟมิลี่สวีท พื้นที่ 77 ตารางเมตร และ ห้องสวีท พื้นที่ตั้งแต่ 77 ตารางเมตร ไปจนถึง 85 ตารางเมตร ไฮไลท์เลยคือห้องพักทุกแบบมีระเบียงให้ทุกคนได้สัมผัสกับวิวทะเล วิวภูเขา วิวสระว่ายน้ำของรีสอร์ทอย่างเพลิดเพลิน
Enjoy a Heart-Warming Stay
ความสุขสงบชองการได้ชิลรับบรรยากาศลมทะเล เป็นโมเมนต์ที่หลายคนระลึกหาอยู่เสมอ ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกับคนรัก ยิ่งเป็นห้วงเวลาแห่งความหวาน หลังจากที่เราทำการเช็คอินเสร็จแล้วเรียบร้อย เราก็เข้าห้องพักเพื่อรีแล็กซ์กันชั่วครู่ ห้องพักที่เราเข้าพักในครั้งนี้เป็นแบบ ห้องสวีท 1 ห้องนอน วิวทะเล (One Bedroom Suite Ocean Facing) ซึ่งมีขนาดความกว้างราว ๆ 77 ตารางเมตร มีห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารที่แยกเป็นสัดส่วน พร้อมอ่างอาบน้ำทรงกลมขนาดใหญ่
ส่วนห้องพักแบบดีลักซ์ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้คุณได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
ห้องฟิตเนส อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มีครบ อุปกรณ์ออกกำลังกายหลากหลายแบบ ออกกำลังกายได้ครบทุกส่วน
สำหรับการไปพักผ่อนกันเป็นครอบครัว คิดส์คลับ ที่นี่จะทำให้เด็ก ๆ เพลินได้ทั้งวัน
สระว่ายน้ำกว้างขวาง ว่ายน้ำเล่นได้สนุกกันทั้งครอบครัว
หลังจากที่สำรวจห้องพักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเติมเต็มความอร่อยในบรรยากาศริมทะเลชายหาดเขาตะเกียบที่ Shoreline Beach Club (ชอร์ไลน์บีชคลับ)
Excellent lunch and relax by the pool
ใครที่กำลังมองหามื้อกลางวันบรรยากาศริมทะเล เราขอแนะนำอีกหนึ่งร้านอาหารสุดคูล Shoreline Beach Club (ชอร์ไลน์บีชคลับ) ร้านอาหารที่ให้บริการมื้อกลางวันเป็นเมนูนานาชาติสไตล์คอมฟอร์ทฟู้ด มาพร้อมบรรยากาศสบาย ๆ ริมชายหาดเขาตะเกียบ ที่จะมอบประสบการณ์ดี ๆ ทางด้านรสชาติและการบริการให้กับมื้อกลางวันของคุณ จนเป็นอีกหนึ่งมื้อพิเศษแห่งความประทับใจ
ภายในร้านจัดวางโต๊ะทิ้งระยะห่างมากพอสมควร เลือกนั่งได้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอก ภายในก็จะเย็นสบายหน่อย แต่หากอยากสัมผัสบรรยากาศของทะเลให้สมกับการมาเที่ยวทะเลแล้วล่ะก็ พื้นที่ภายนอกร้านจะเต็มเต็มฟิลลิ่งของคุณได้ดีมากเลยทีเดียวเชียว
สไตล์อาหารจะเป็นอาหารนานาชาติและไทยโมเดิร์น นำเสนอในสไตล์คอมฟอร์ทฟู้ด ทานง่าย สามารถแชร์ริ่งกันได้ ชื่อเมนูอาจดูคุ้นเคยแต่รสชาติทำออกมาได้ดีอย่างมีเอกลักษณ์
เมนูแรกที่เริ่มเสิร์ฟให้เราได้ทาน คือ บรุสเก็ตต้ามะเขือเทศสด (THB 150.-) เมนูเรียกน้ำย่อย ทานง่ายสไตล์อิตาเลียน ที่ประกอบด้วยขนมปังทาน้ำมันมะกอกโรยด้วยท็อบปิ้งด้านบนด้วยซัลซ่าส์มะเขือเทศ ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
ต่อด้วย ปีกไก่คลุกซอสกะเพรา (THB 150.-) ปีกไก่นุ่ม ๆ คลุกเคล้ากับซอสกะเพรารสชาติจัดจ้านแต่มีความนุ่มนวลกลมกล่อม ได้รสชาติชุ่ม ๆ ของซอสกะเพราที่ซึมอยู่ในทุกอณูของปีกไก่ ใครได้ทานแล้วต้องติดใจลืมไม่ลง
ส่วนใครที่ชอบเมนูซี่โครงต้องสั่ง ซี่โครงหมูคาราเมลไลซ์ (THB 180.-) ซี่โครงหมูไปอบและคลุกเคล้ากับซอสจนมีสีเข้มหอม รสชาติหวาน มันเค็ม เนื้อนุ่มมากละลายในปาก
ส่วนจานต่อมาเรายกให้เป็น Must Try Dish! ต้องสั่งอย่างไม่ต้องลังเล นั่นคือ สปาเก็ตตี้แองเจิลแฮร์ พริกแห้ง เนื้อปู (THB 490.-) เส้นสปาเก็ตตี้เส้นดำแองเจิ้ลแฮร์ลวกได้สุกนุ่มหนึบกำลังพอดีในระดับอัลเดนเต้ ผัดได้เข้ารสชาติกับน้ำมันมะกอก พริก กระเทียม เนื้อปูม้ารสหวาน ผักสลัดร็อคเก็ต และเครื่องปรุงอื่นๆ โดยเฉพาะผักสลัดร็อคเก็ต ช่วยสร้างความแตกต่างและความเป็นเอกลักษณ์ของจานนี้ได้ดีมาก ช่วยชูรสชาติแต่ละส่วนประกอบของเมนูจานนี้ให้โดดเด่นและเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม หากได้ลองทานแล้วจะติดใจอย่างลืมไม่ลง
ตบท้ายด้วยเมนู พิซซ่า Prosciutto Funghi (THB 420.-) พิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์อิตาเลี่ยนแท้ ๆ หน้าแฮมกับเห็ด เพิ่มความอิ่มท้องได้เป็นอย่างดี
Delightful southern Thai food
ออกมาพักผ่อนเมืองท่องเที่ยว แต่ละมื้อก็ควรที่จะเปลี่ยนสไตล์อาหารให้แตกต่างกันไป รสชาติแต่ละมื้อจะได้ไม่จำเจ ครั้นจะออกไปทานร้านท้องถิ่น ก็ต้องทำการบ้านกันมาพอสมควร หากเจอร้านที่ทำรสชาติอาหารไม่ถูกปากแล้วจะทำเอาเสียบรรยากาศการมาพักผ่อนได้ เราจึงแนะนำร้านอาหารภายในรีสอร์ทที่เข้าพักอยู่แทบทุกครั้ง โดยเฉพาะที่ อมารี หัวหิน ที่เรามาพักครั้งนี้ ถ้าเราไม่ได้แนะนำถึงเมนูอาหารไทย ถือว่าพลาดเป็นอย่างมาก
ปกติทางรีสอร์ทจะให้บริการอาหารไทย ที่ห้องอาหาร รีฟ ไทย (Reef Thai) นำเสนออาหารไทยต้นตำรับดั้งเดิม ที่ปรุงได้อย่างถึงเครื่องครบรส ตามสูตรอาหารไทยแท้ บอกได้เลยว่าอร่อยละดีจริง ๆ
แต่ในช่วงนี้ที่เราเข้าไปพัก ห้องอาหาร Reef Thai ยังไม่เปิดให้แขกใช้บริการ แต่มีบริการอาหารไทยมื้อค่ำที่ Coral Lounge ทดแทน ได้บรรยากาศที่คึกคักสนุกไปอีกแบบ
“ยำผักกูดกุ้งสด” (THB 320++) เมนูที่หลายคนคงไม่มีโอกาสได้ทานกันบ่อยนัก แม้จะเข้าครัวทำเองก็ใช่ว่าจะหาซื้อผักกูดกันได้ง่าย ๆ ผักกูดยอดอ่อนลวกสุกเขียวกรอบกำลังดี คลุกเคล้าน้ำยำแบบกลมกล่อม พร้อมกุ้งสดตัวโตเนื้อหวาน ใครชื่นชอบอาหารประเภทยำไม่ควรพลาด
ต่อมาคือ “แกงปูใบชะคราม” (THB 590++) เผ็ดหอมเครื่องพริกแกง จนได้กลิ่นลอยเข้าจมูกแล้วน้ำลายสอ ตัดกับความหวานของเนื้อปูก้อน เคล้ารสชาตินวล ๆ ของกะทิ พอได้เริ่มทานแล้วแทบจะไม่อยากลุกไปไหน จนกว่าจะทานแกงปูหมด
ถัดมาคือ “ปลากะพงนึ่งมะนาว” (THB 350++) ปลากะพงสดนึ่งสุกจนเนื้อนุ่ม ส่งกลิ่นหอม ราดด้วยน้ำปรุงรสชาติจัดจ้าน รสเปรี้ยวนำพอกลมกล่อมตามแบบฉบับเมนูนึ่งมะนาว คลุกข้าวสวยร้อน ๆ แล้วถูกใจกันไปทั้งบ้าน
และขอแถมอีกหนึ่งเมนู “ทอดมันปลาใบชะพลู” (THB 250++) หากแต่เป็นเมนูทอดมันปลาธรรมดาก็ดูจะเป็นเมนูที่หาทานได้ง่าย แต่ทว่ารสชาติดี สัมผัสเนื้อทอดมันหนึบแน่นไม่ได้หาทานกันง่าย ๆ แน่ ๆ เพราะต้องอาศัยทั้งวัตถุดิบที่เป็นเนื้อปลาแท้ ๆ และเครื่องเทศสมุนไพรไทยที่ปรุงให้พอเหมาะพอดี ไม่อ่อนไปหรือฉุนไป ได้ชิมแล้วติดใจแน่นอน
อาหารไทยของ Amari Hua Hin ได้สร้างความประทับใจให้เรากับอย่างมาก ทั้งรสชาติและการบริการคุ้มค่าคุ้มราคา กับคำถามที่เรามักถูกถามอยู่บ่อยครั้งว่าร้านอาหารไทยในหัวหิน มีร้านไหนน่าไปบ้าง…เราคิดว่าเราได้ตัวเลือกคำตอบเพิ่มมาอีกหนึ่งที่แล้วล่ะ
Buffet Breakfast at Mosaic
ทางด้านของอาหารเช้า ให้บริการที่ห้องอาหาร Mosaic (โมเสค) บริการในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ แต่ด้วยมาตรการความปลอดภัย ทางรีสอร์ทเพิ่มขั้นตอนการสอบถามแขกที่เข้าพักว่า สะดวกลงมาทานอาหารเช้าในช่วงไหน เพื่อจัดปริมาณคนไม่ให้แน่นห้องอาหารจนเกินไป รวมถึงมีมาตรการตรวจวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮออล์ก่อนเข้าห้องอาหาร และอีกมาตรการหนึ่งคือ ในขณะที่เดินเข้าสู่บริเวณสเตชั่นอาหารแขกทุกคนต้องสวมใส่หน้ากาก แม้ในสเตชั่นอาหารจะมีพนักงานคอยตักอาหารให้แล้วก็ตาม เพื่อความปลอดภัยกับส่วนรวม การมีมาตรการที่เข้มงวด ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่มาใช้บริการทุกคน
อาหารเช้า ประกอบไปด้วยสเตชั่นสลัด สเตชั่นไข่ ขนมปัง ไส้กรอก อาหารไทย เมนูเส้นต่าง ๆ พร้อม เครื่องดื่มน้ำผลไม้ นมสด ครบครัน
ใครที่กำลังมองหาที่พักสำหรับครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อนสนิท ลองชวนกันมาที่ อมารี หัวหิน เรารับรองว่า อมารี หัวหิน จะมอบประสบการณ์ที่คุณประทับใจ เติมเต็มการพักผ่อนให้คุณได้อย่างพิเศษสุด จนต้องอยากกลับมาพักที่นี่อีกหลาย ๆ ครั้ง
ชื่อสถานที่: โรงแรม Amari Hua Hin
- ที่ตั้ง : 117/74 ถนนตะเกียบ หนองแก หัวหิน
- ติดต่อ : 032-616-600
- เว็บไซต์ : https://www.amari.com/huahin
- Google Map : https://g.page/amarihuahin