วันนี้เราได้รับโอกาสมามาลิ้มรสอาหารมื้อซันเดย์บรันช์ (Sunday Brunch) ที่ห้องอาหาร Amaya Food Gallery โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนทำเลที่ใกล้กับแหล่งช็อปปิ้งย่านถนนเพชรบุรี ย่านที่ทุกคนรู้จักกันในนาม “ประตูน้ำ”เพียงไม่กี่ก้าวจากหน้าโรงแรม ก็สามารถแวะไปยังห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ ได้สะดวก
เมื่อเราได้ยินคำว่า Gallery เราจะนึกถึงสถานที่เพื่อจัดงานศิลปะ ที่บรรจงจัดตกแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถใช้เวลาในการพิจารณาผลงานต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ภายในบรรยากาศที่รู้สึกผ่อนคลาย พื้นที่กว้างขวางและไม่รู้สึกอึดอัด ทั้งยังรองรับปริมาณผู้เยี่ยมชมปริมาณมากๆ ได้เป็นอย่างดี มีการจัดการวางผังต่างๆ อย่างเป็นระบบ ชื่อห้องอาหาร Amaya Food Gallery จึงทำให้เราได้คิดถึงนิยามข้างต้น
ขอต้อนรับผู้อ่านอย่างเป็นทางการเข้าสู่ รีวิว “Amaya Sunday Brunch” เชิญทุกคนติดตามอ่านและร่วมพูดคุยหรือทักทายกับเราได้ที่ด้านล่างของบทความนี้นะครับ
เริ่มต้นที่ด้านหน้าห้องอาหารจะพบกับเคาน์เตอร์ที่มีไม้แกะสลักเป็นเครื่องประดับ ด้านหลังเป็นป้ายชื่อห้องอาหารขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยลวดลายที่คล้ายกับลายผ้าสไตล์เอเชีย ด้านข้างเป็นประตูเข้า-ออกห้องอาหารที่เป็นเหล็กสีดำ การออกแบบสร้างความรู้สึกเหมือนประตูบ้านแบบตึกแถวของไทยสมัยก่อน
ด้านข้างทางเข้ามีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายๆกับ Communal Table โต๊ะทานอาหารแบบร่วมแชร์กัน ที่ทุกคนสามารถมาร่วมวงทานอาหารร่วมกัน พูดคุยหรืออาจมีการแลกเปลี่ยนอาหารกัน ซึ่งเป็นรูปแบบของการทานอาหารอย่างหนึ่ง รูปแบบของโต๊ะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้นั่งคุยแบบเห็นหน้าเห็นตากันได้อย่างเต็มที่ เรามีโอกาสนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้สนทนากับแขกที่กำลังนั่งจิบกาแฟร่วมโต๊ะ Communal Table เช่นกัน
สำรวจบรรยากาศหน้าห้องอาหารกันพอหอมปากหอมคอ เรามาต่อกันที่ภายในห้องอาหาร Amaya Food Gallery ที่มีลักษณะเป็นโถงขนาดใหญ่ ตัวห้องอาหารมีรูปทรงคล้ายตัว O มีมิติ เพดานสูง ตรงกลางห้องอาหารเป็นช่องเปิดโล่งที่สามารถมองลงไปเห็น Lobby ช่วยให้รู้สึกโปร่ง รู้สึกถึงความใหญ่โตและหรูหราของห้องอาหาร
ด้านหนึ่งของห้องอาหาร ติดตั้งกระจกเป็นแนวยาวตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เพิ่มความโปร่งให้กับห้องอาหาร และสามารถชมบรรยากาศของด้านนอกห้องอาหารในขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหาร
พื้นที่ภายใน Amaya Food Gallery เมื่อใช้งานเต็มพื้นที่สามารถรองรับแขกที่จะมาเยือนได้สูงสุด 480 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องส่วนตัวได้อีก 40 ที่นั่ง ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะสำหรับการมาสังสรรค์หรือมาจัดงานฉลองได้อีกด้วย
Amaya Food Gallery เป็นห้องอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน จุดเด่นของห้องอาหาร อมาญา ฟู้ด แกลเลอรี่ (Amaya Food Gallery) คือการให้บริการอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอาหารจากประเทศต่างๆ ในเอเชียซึ่งมีสีสัน ส่วนผสมที่เข้มข้น การนำเสนออาหารของที่นี่จะเป็นการนำเสนอแบบครัวเปิดมีเมนูอาหารจานเด็ดจากหลากหลายประเทศให้เลือกทานในแต่ละสเตชั่น
ของตกแต่งภายในห้องอาหารบางส่วนถูกคัดสรรมาจากแหล่งต่างๆ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศแบบสตรีทฟู้ด ไม่ว่าจะเป็นหลังคาเหล็กสังกะสี ลูกกรงไม้สักแบบโบราณ โปสเตอร์ภาพยนตร์ในอดีตและกำแพงที่ทำจากอิฐ
“เพราะการแบ่งปันกันเป็นวัฒนธรรมการทานอาหารที่สำคัญของชาวเอเชีย” ห้องอาหาร Amaya Food Gallery จึงนำแนวคิดนี้มานำเสนออาหารให้กับแขกที่มาทานอาหารผ่านสเตชั่นปรุงอาหารแบบครัวเปิด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาทานได้พูดคุยกับเชฟโดยตรง ในมื้อซันเดย์ บรันช์ ทุกท่านจะได้รับล็อบสเตอร์ท่านละครึ่งตัว โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้เชฟปรุงเมนูไหนเสิร์ฟ ย่าง, ตุ๋น, อบกับชีส
ล็อบสเตอร์อบชีส เป็นหนึ่งในเมนูโปรดของเราเลยล่ะ
ส่วนเมนูล็อปสเตอร์ย่าง ก็ทำออกมาได้หอมกรุ่น เนื้อล็อปเตอร์สด เนื้อกรุบเด้ง
เอาล่ะ ต่อไปเราจะมาดูสเตชั่นต่าง ๆ ของ Amaya Sunday Brunch มื้อนี้กัน เริ่มต้นกันด้วย
สเตชั่นอาหารไทย – จีน : ความเข้มข้นที่อร่อยและลงตัว
สเตชั่นนี้ให้บริการอาหารไทย-จีนสไตล์สตรีทฟู้ดโดยมีอาหารให้เลือกชิมหลากหลายมาก จนทำให้ต้องครุ่นคิดว่าจะเลือกหยิบทานเมนูไหนก่อน เพราะเจอแต่ของน่าทานเต็มไปหมด
“ผัดไทย” เป็นรายการอาหารแรกๆ ที่คนต่างชาตินึกถึงเมื่อได้มาทานอาหารไทย ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะถูกบรรจุอยู่ในสเตชั่นอาหารไทยของที่นี่
“หมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง” เมนูที่พบได้ทั่วไปในเมืองไทย ซึ่งก็เป็นอีกรายการที่มีความโดดเด่นเช่นกัน หมูกรอบที่มีความกรอบนุ่มอย่างลงตัว หมูแดงที่มีความฉ่ำของเนื้อหมู และเป็ดย่างที่มีความนุ่มเหนียวนิดๆ เมื่อได้ทานด้วยกันยิ่งมีความอร่อยหลากหลายและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง
และยังมีอาหารไทยอีกหลากหลายรายการ ที่เสิร์ฟในไลน์อาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูยำ, ทอด, นึ่ง, ผัดก็มีครบ
ยำปลาหมึก รสจัดน่าดู ถูกใจคออาหารไทยอย่างเราเลยล่ะ
น้ำพริก หลน และผักสดเราก็ชอบทานเป็นเมนูปกติของเรา พอมาเจอในไลน์อาหารก็ยากที่จะอดใจไม่ชิม เพราะเป็นของโปรดแต่เราต้องเผื่อท้องไว้ให้กับเมนูอื่นๆที่รอเราอยู่อีกเต็มห้องอาหาร ได้แต่ตักอาหารไปและยั้งมือไปในคราวเดียวกัน
เนื้อทอด หอมมาก
เกี้ยวทอดเสียบไม้
อาหารเสิร์ฟร้อนหลากเมนู
ติ่มซำ ขนมจีบต่าง ๆ แจ้งเชฟประจำสเตชั่นได้เลย เชฟจะเสิร์ฟให้ใหม่ๆ
สเตชั่น Grill : ปิ้ง ย่าง หอมกรุ่น
สเต็กทุกชิ้นจะถูกกริลล์เสิร์ฟใหม่ทุกชิ้น มีพนักงานคอยรับออเดอร์ อยากทานอะไรแจ้งพนักงานที่รับออเดอร์ตรงสเตชั่นได้เลยครับ และยังสามารถเลือกระดับความสุกของการย่างได้ตามความพึงพอใจ
เมนูเทมปุระ
สเตชั่นอาหารอินเดีย : เข้มข้นถึงรสพริกแกง
กลิ่นหอมเครื่องแกงเตะจมูกไม่ว่าจะเป็นแกงกะหรี่เนื้อ แกงไก่อินเดียสไตล์มุกไล (Mughlai chicken bhartha) ข้าวหมกเนื้อแกะ (Gosht dum biryani) ใครที่ชอบอาหารอินเดีย ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกห้องอาหารที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ
สเตชั่นอาหารอิตาเลียน : อร่อยอย่างมีระดับ
ประกอบไปด้วยพาสต้าที่สามารถเลือกสั่งได้ตามต้องการ และพิซซ่าหลากหลายหน้า คาร์ปาชโช่ (Carpaccio) ซีซาร์สลัดแบบคลาสสิค และออสซิบูกิ (osso bucco) ซุปมิเนสโตรเน่แบบโฮมเมด
ตับห่าน หนึ่งในเมนูที่หลายท่านโปรดปราน และมักจะรวมอยู่ในมื้อ Sunday Brunch
สเตชั่นอมาญา เดลี่
ให้บริการสลัดและอาหารสดใหม่ทั้งซีฟู้ด ซูชิ ซาซิมิ และโคลด์ คัทต่างๆ และยังมีหอยนางรมและซีฟู้ดสดๆ เทมปุระ ซาซิมิและซูชิ
สเตชั่นอมาญา ทรีตส์
เป็นมุมขนมหวานและของว่างทั้งขนมไทย จีน อินเดีย รวมถึงขนมนานาชาติแบบคลาสสิค อย่างเช่น เครมบูเล่และทีรามิสุ ไฮไลท์ของมุมนี้คือน้ำแข็งใสพร้อมเครื่องเคียงและท็อปปิ้งต่างๆ
ผลไม้เสิร์ฟเป็นโต๊ะใหญ่ เหมือนเลือกหยิบจากร้านขายผลไม้เลยจริงๆ
ขนมเบื้องหน้าปลา หน้าฝอยทอง
ไอศกรีมโฮมเมด มีให้เลือก 4 รสชาติ ชาเขียว กะทิ งาดำ ดาร์คช็อคโกแล็ต
น้ำแข็งใสหนึ่งในเมนูขนมหวานที่มีไม่กี่ที่ในมื้อซันเดย์บรันซ์ อร่อยรสชาติสไตล์ไทยๆราดน้ำหวานให้ชุ่มฉ่ำถึงใจกันไปเลย
สเตชั่นอมาญา บาร์ แอนด์ เซลลาร์
ห้องอาหาร Amaya Food Gallery มีไวน์เซลลาร์ขนาดใหญ่ มีทั้งไวน์แบบคลาสสิคนำเข้าจากฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเยอรมัน รวมถึงไวน์แบบร่วมสมัยจากอเมริกาใต้และออสเตรเลีย บริเวณใกล้กับห้องเก็บไวน์ มีห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับการพบปะสังสรรค์อย่างเป็นส่วนตัวที่ได้มากถึง 20 ท่าน
มื้อ Sunday Brunch บริเวณนี้จะเปิดให้บริการเป็น Cheese Room วางชีสหลากหลายชนิดให้เลือกชิมกัน ซึ่งนับเป็นมุมชีสที่น่าลิ้มลองมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ได้ทดลองชีสแบบต่างๆ ทำให้เราได้เรียนรู้รสชาติของชีสที่มีความแตกต่างกัน โดยจะจับคู่ทานกับผลไม้หรือขนมปัง
สำหรับท่านที่มากันเป็นครอบครัวและมีเด็กๆ มาด้วย ที่นี่ก็มี Kid Room ให้เด็กๆได้เล่นกันภายในมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เด็กๆสามารถหยิบขนมเข้าไปนั่งทานได้ด้วยครับ โดยเจ้าหน้าที่จะจัดเก็บของเล่นอยู่เรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ที่เดินเล่นอยู่ภายในห้อง ในขณะที่เราแวะไปเยี่ยมชม มีเด็กๆเพิ่งเล่นเสร็จเลยล่ะ
ราคามื้ออาหาร Sunday Brunch
ซันเดย์ บรันช์ ให้บริการเฉพาะวันอาทิตย์ เวลา 12:00 – 15:30 น.
o 1,500 บาท++ บาทต่อท่าน (เฉพาะอาหาร)
o 2,199 บาท ++ ต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ ชาและ กาแฟ
o 2,699 บาท++ ต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ เบียร์ ค็อกเกทคลาสสิก ไวน์แดง ไวน์ขาว และ Chandon Brut สปารค์กลิ้งไวน์ ไม่จำกัด
o 3,200 บาท++ ต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ เบียร์ ค็อกเทลคลาสสิก ไวน์แดง ไวน์ขาว และ Chandon Brut สปารค์กลิ้งไวน์ และ Duval Leroy แชมเปญ ไม่จำกัด
สำหรับแขกทุกท่านจะได้รับลอบสเตอร์ครึ่งตัวต่อท่าน จะเป็นชนิด Maine Lobster แล้วสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ครัวเตรียมแบบไหน เช่น
- ย่าง (grilled)
- ตุ๋น (steamed)
- อบกับชีส (baked with cheese)
แล้วสามารถเลือกปรุงด้วยซอส
- Peppercorn sauce
- Red wine sauce
- XO sauce
Amaya Sunday Brunch
ห้องอาหาร Amaya Food Gallery ชั้น 4 ของ โรงแรม อมารี วอเตอร์เกต กรุงเทพฯ
บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 15.30 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ Amaya Food Gallery โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ
โทร : 02-6539000 ต่อ 355, 356 อีเมล : [email protected]