ร่วมสัมผัสเรื่องราวของความรัก ความหลากหลาย และความเท่าเทียม ผ่านเมนู Afternoon Tea และนิทรรศการศิลปะสุดพิเศษจากวิภู ศรีวิลาศ ณ โรสวูด กรุงเทพ (Rosewood Bangkok)
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปร่วมเปิดประสบการณ์ Afternoon Tea Party, a love for diversity ที่ห้องอาหารละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ (Lakorn European Brasserie) โรงแรม โรสวูด กรุงเทพ ที่ได้รังสรรค์ร่วมกับ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ และ วิภู ศรีวิลาศ ศิลปินเซรามิก ระดับนานาชาติ แน่นอนว่าการดื่มชาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลิ้มลองรสชาติของชาหรือขนมที่เสิร์ฟคู่กันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการดื่มด่ำกับสุนทรียะที่ส่งผ่านงานศิลปะ ด้วยแรงบันดาลใจจากมุมมองของความรักในรูปแบบที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย และความเท่าเทียม กลั่นกรองออกมาเป็น Art Afternoon Tea สุดพิเศษ เคียงคู่กันมาอย่างสวยงามกับผลงานศิลปะ “วิวาห์พระสังข์ : The Marriage of Sang Thong”
ทันทีที่เราก้าวขึ้นมาถึงชั้น 7 ของ โรสวูด กรุงเทพ อันเป็นที่ตั้งของห้องอาหารละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ ก็มีทีมงานมายืนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น พร้อมอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับงาน ด้วยความที่เราไปถึงก่อนงานเริ่มเล็กน้อย ทำให้มีเวลาเดินสำรวจบรรยากาศภายในห้องอาหาร การตกแต่งของละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่นั้นมาในสไตล์โมเดิร์น โปร่ง โล่งด้วยกระจกใส เปิดรับแสง daylight ในช่วงกลางวัน ดูสบาย ๆ แต่ก็ยังคงความเป็น Ultra Luxury ตามแบบฉบับของโรสวูด
ส่วนที่เรารู้สึกประทับใจมากคงเป็นบริเวณโซนด้านนอกที่เปิดโอกาสให้เราได้มองเห็นวิวสวยงามของกรุงเทพมหานคร เหมาะแก่การพาครอบครัว และกลุ่มเพื่อนมานั่งแลกเปลี่ยนพูดคุย พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศ และใช้ช่วงเวลาแสนพิเศษร่วมกัน
ในวันนั้นยังมีผลงานประติมากรรมบางส่วนจากนิทรรศการวิวาห์พระสังข์มาวางแสดงตามจุดต่าง ๆ ของห้องอาหารให้เราได้เพลิดเพลินไปกับการพินิจพิเคราะห์ความสวยงาม และเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังไปพลาง ๆ
วิภู ศรีวิลาศ ศิลปินชาวไทยที่สร้างสรรค์ผลงานจนมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศออสเตรเลีย ได้ถือเอาโอกาสพิเศษครั้งนี้จัดงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยหยิบยกประเด็นที่เป็นที่พูดถึงกันในระดับโลกอย่างการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันมาบอกเล่าผ่านนิทานพื้นบ้านของไทย เรื่อง “สังข์ทอง” ด้วยงานประติมากรรม ตัวละครที่มีความน่ารัก โดดเด่นด้วยดอกไม้ดอกเล็ก ๆ และวัสดุที่มีความหลากหลายแตกต่างจากที่เคยทำมา
Art Afternoon Tea : ศิลปะชุดน้ำชายามบ่ายที่เต็มไปด้วยเรื่องราว
เมื่อชื่นชมบรรยากาศไปได้สักพักก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญของ Afternoon Tea Party ทีมงานของ โรสวูด กรุงเทพ และ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ ได้บอกเล่าถึงที่มาของการผสมผสานผลงานศิลปะทั้งสองแขนงจนกลายมาเป็น Art Afternoon Tea ให้เราได้ลิ้มรสอีกครั้ง โดยเมนูขนมทั้งหมดถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากความตั้งใจของ เชฟฟลอเรียน กูโตร์ (Florian Couteau) Executive Pastry Chef ของโรสวูด กรุงเทพ ภายใต้คอนเซปต์เดียวกันกับผลงานศิลปะของวิภู ศรีวิลาศ เพื่อแสดงออกถึงความรัก ความหลากหลาย และความเท่าเทียมนั่นเอง ซึ่งต้องบอกเลยว่าแต่ละเมนูนั้นไม่ธรรมดา เรียกความตื่นตาตื่นใจจากเราได้มากทีเดียว
ก่อนที่จะไปลิ้มรสของ Art Afternoon Tea นั้นทางละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ เริ่มต้นต้อนรับเราด้วย ชาร้อน กลิ่นหอมกรุ่น ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากการเดินทางได้ดี เมนูแรกเป็นเมนูประจำชุด Afternoon Tea ของโรสวูด กรุงเทพ แต่งแต้มกลิ่นแบบฝรั่งเศสเล็กน้อยด้วย Piper- Heidsieck Champagne
มาถึงไฮไลท์อย่าง “Art Afternoon Tea” ที่เสิร์ฟให้เราได้ชิมทั้งหมด 6 คอร์ส เชฟฟลอเรียนรังสรรค์ออกมาโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ สีสัน และที่มา ที่ไม่ว่าใครเมื่อได้รู้ถึงความหมายที่ซ่อนไว้ เป็นต้องอยากลิ้มลอง
สีสันหลากหลายของขนมแต่ละชิ้น มีที่มาจาก “ธงสีรุ้ง (Pride Flag)” 6 สี 6 รสชาติ ด้วยวัตถุดิบที่แตกต่าง เพื่อบอกเล่าแก่ผู้ลิ้มลองถึงความหลากหลาย และความหมายของความรักสุดลึกซึ้ง ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สีเดียว แบบเดียวเท่านั้น ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
เริ่มต้นจากสีแดงที่ทำมาจาก แฮม Jamon Iberico รสชาติกลมกล่อมวางซ้อนทับบนขนมปัง Tomato Brioche สื่อความหมายถึง ชีวิต ต่อด้วยสีเขียวที่เสิร์ฟมาคู่กันในคอร์สเมนูของคาว เชฟฟลอเรียนเลือกใช้ ถั่วลันเตา บูราต้าชีส และมิ้นต์ทาร์ตมาเป็นวัตถุดิบ เพื่อสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ
เมื่อคอร์สของคาวผ่านไปก็ถึงเวลาลิ้มลองเมนูขนมหวานกัน เราเลือกชิมสีม่วงเป็นอันดับแรก ก่อนจะทราบว่าสีม่วงตามธงสีรุ้ง (Pride Flag) นั้นหมายถึง จิตวิญญาณที่แน่วแน่ เมื่อทานแล้วสัมผัสได้ถึงความหวานของไวท์ช็อคโกแลตมิ้นท์ หอม เข้มข้น อมเปรี้ยวนิด ๆ ด้วยไส้แบล็คเบอร์รี่มาร์มาเลด
ส่วนใครที่ไม่ชอบความหวานมากนัก น่าจะถูกใจชิ้นสีเหลืองที่ทำจากเลมอนไวท์ช็อคโกแลตกานาชเป็นพิเศษ มีรสชาติเปรี้ยวนำ แต่ก็แอบซ่อนความหวานไว้เล็ก ๆ ทานแล้วรู้สึกสดชื่น เสริมกลิ่น และรสด้วยซิตรัส เยลลี่วานิลลา และวิปครีมมาสคาโปเน่ โดยสีเหลืองนั้นสื่อความหมายถึง แสงสว่างจากดวงอาทิตย์นั่นเอง
ถัดมาที่สีส้มซึ่งหมายถึง การเยียวยา เชฟฟลอเรียนเลือกใช้เวียนนัวซ์บิสกิตมาเป็นตัวฐานของขนม เพิ่มเติมกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์จากส้มแมนดาริน และพิงค์เปเปอร์เจลลี่ ปิดท้ายด้วยสีฟ้า หรือสีแห่งอิสรภาพ เชฟฟลอเรียนเลือกส่งผ่านอิสรภาพแห่งความรักนี้ ผ่านชูครีมบลูเบอร์รี่ชีสเค้กครีมพัฟเนื้อนุ่ม สอดไส้ด้วยผลบลูเบอร์รี่ที่ให้ความหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ยิ่งทานคู่กับชาร้อนยิ่งให้รสที่กล่มกล่อม และหากสังเกตจะพบว่าเชฟฟลอเรียนได้ดึงเอา “ดอกไม้” อันเป็นเอกลักษณ์จากงานศิลปะของ วิภู ศรีวิลาศ มาประดับตกแต่งบนขนมแต่ละชิ้น เพิ่มเติมความหวานทั้งรูปลักษณ์ และรสชาติได้เป็นอย่างดี
ทว่าความอร่อยและความพิเศษยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อคอร์สสุดท้ายอย่าง ซูเฟลไข่ขาว สูตรพิเศษ สอดไส้ขิง และมะม่วงถูกนำมาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มรสชาติของความแปลกใหม่ เพื่อปิดท้าย Art Afternoon Tea นี้ให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
The Marriage of Sang Thong & Art Afternoon Tea รสชาติแห่งศิลปะ ที่พร้อมตราตรึงทุกหัวใจ
สำหรับนิทรรศการ วิวาห์พระสังข์ (The Marriage of Sang Thong) นั้นพร้อมเปิดให้ผู้ที่มีหัวใจรักในงานศิลปะได้มาร่วมชมผลงานที่ส่งตรงจากออสเตรเลียกว่า 50 ชิ้น โดยจะจัดแสดงในประเทศไทยที่ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ (S.A.C) ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 – 4 มกราคม 2562 และ Art Gallery ชั้น 3 โรสวูด กรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 – 19 มกราคม 2562
และใครที่อยากมาเปิดประสบการณ์สุดพรีเมี่ยมของการจิบชายามบ่ายกับ Art Afternoon Tea พร้อมดื่มด่ำกับผลงานศิลปะ สามารถมาได้ที่ละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ ชั้น 7 โรสวูด กรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2562 นอกจาก Afternoon Tea ที่นี่ยังมีอาหารจานหลักพร้อมเสิร์ฟ ทั้งเมนูอาหารไทยต้นตำรับ และเมนูอาหารตะวันตกอีกมากมาย รอให้ทุกคนมาลิ้มลอง
ราคา : 1,299 บาท / คน (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง : 02-080-0070