กลับมาอีกครั้งกับช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีที่คนรักประเทศญี่ปุ่นทุกคนรอคอย เมื่อถึงช่วงเวลานี้ก็พลันให้คิดถึงกลิ่นอายของลมหนาวที่เริ่มพัดโชยมา ใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม และสีแดงรอคอยให้ทุกคนได้ไปสัมผัส โดยตลอดทั้งเดือนตุลาคม – ธันวาคมนี้ทาง อัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ห้องอาหาร และบาร์บนชั้น 24 ของ โรงแรม ดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ ก็ขอพาเรามาร่วมดื่มด่ำกับกับความประทับใจของช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีผ่านชุดน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษในธีม “Autumn Orange Afternoon Tea” ไปดูกันเลยว่าการจิบน้ำชายามบ่ายที่ผสานกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นท่ามกลางบรรยากาศสุดหรู ใจกลางเพลินจิตของอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) โรงแรม ดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ ในครั้งนี้มีอะไรที่ทำให้เราประทับใจบ้าง
ทันทีที่เราขึ้นมาถึงชั้น 24 ของ โรงแรม ดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ อันเป็นที่ตั้งของอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) สิ่งแรกที่ทำให้เราประทับใจก็คือ บรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบ และเป็นส่วนตัว ซึ่งเราสามารถสำรองที่นั่งมาก่อนได้ สำหรับโซนที่ถูกใจเรามากที่สุด เห็นจะเป็นโซนติดกระจกที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มาเยือนได้ดื่มด่ำกับวิวของกรุงเทพมหานครจากมุมมองชั้น 24 หากใครต้องการใช้เวลาผ่อนคลายไปกับการจิบชายามบ่าย พร้อมแบ่งปันเรื่องราวกับใครสักคน หรือหนังสือดี ๆ สักเล่มเราว่าที่นี่ต้องตอบโจทย์แน่นอน
บอกเล่าเรื่องราวของฤดูกาลที่ใครก็ต่างหลงรักด้วย “Autumn Orange Afternoon Tea”
ปกติแล้วชุดน้ำชายามบ่ายของ อัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) จะมีการสับเปลี่ยนไปตามทุกฤดูกาลหรือเทศกาลของประเทศญี่ปุ่น ในคราวนี้ก็ถึงเวลาของ “Autumn Orange Afternoon Tea” ชุดน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษที่เนรมิตขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับฤดูใบไม้ร่วง และปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนใฝ่ฝันจะได้ไปสัมผัสสักครั้ง โดยทุกเมนูของ “Autumn Orange Afternoon Tea” ที่เราได้ลิ้มลองทั้งหมดในวันนั้นได้รับการคิดค้น และรังสรรค์จากหัวหน้าเชฟเบเกอรี่ฝีมือดีอย่าง เชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) ซึ่งในครั้งนี้เชฟเซบาสเตียนเลือกใช้ ‘ส้ม’ มาเป็นวัตถุดิบหลักได้การสร้างสรรค์แต่ละเมนู ไม่เพียงแค่รสชาติเท่านั้นแต่รูปลักษณ์สีสันก็ยังเน้นไปในโทนสีส้ม สีแดง และสีเหลืองเพื่อเป็นตัวแทนของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีนั่นเอง
ในวันนั้นทางอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ต้อนรับเราด้วยความสดชื่นผ่านไอศกรีมรสส้มยูซุ (Yuzu) เสิร์ฟพร้อมครัมเบิลเป็นเมนูแรก รสชาติที่เปรี้ยวอมหวานของไอศกรีมสร้างความประทับใจให้กับเราตั้งแต่คำแรก พร้อมผ่อนคลายความเหนื่อยล้ากันต่อด้วย ‘ชา ซูร์ เลอ นีล’ (Thé Sur Le Nil) ชาเขียวร้อนที่กรุ่นกลิ่นผลไม้ตระกูลซิตรัส จาก มาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) แบรนด์ชาอันดับหนึ่งของฝรั่งเศส และถือเป็นชาประจำชุด “Autumn Orange Afternoon Tea” นี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเปิดทุกประสาทสัมผัสเพื่อให้พร้อมสำหรับการลิ้มลองเมนูพิเศษต่อไปได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว
และแล้วเวลาที่เราต่างรอคอยก็มาถึง เมื่อกล่องไม้สีขาวที่พรั่งพร้อมไปด้วยเมนูอาหารคาวหวานสำหรับ 2 ท่านถูกนำมาเสิร์ฟ ทั้งรูปลักษณ์ และสีสันของขนมแต่ละชิ้นทำหน้าที่ถ่ายทอดความสวยงามของบรรยากาศช่วงใบไม้เปลี่ยนสีได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นด้วยเมนูอาหารคาวที่วางอยู่ด้านในลิ้นชักอย่าง แซนวิชแฮมชีสสอดไส้แยมรสส้ม (Roast Ham, Orange Compote, Gruyère on White Toast) ที่มาพร้อมกับขนมปังเนื้อนุ่ม สอดไส้ด้วยชีสกรุยแยร์ และแฮมรสเข้มข้น เพิ่มเติมความหอมหวานด้วยแยมรสส้มสูตรเฉพาะ
ถัดมาที่ ขนมปังหน้าแซลมอนรมควัน (Smoked Salmon, Ciboulette & Ikura on Brown Bread) โดยเชฟเซบาสเตียนเลือกใช้เป็นขนมปังโฮลวีต วางทับด้วยแซลมอนรมควันชิ้นหนากำลังดี โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน เมื่อทานเข้าไปแล้วได้รสของความเป็นแซลมอนแบบเต็มคำจริง ๆ
อีกเมนูหนึ่งที่เรารู้สึกมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตาอย่าง ขนมปังไข่มิโมซ่า (Egg Mimoza Mini Brioche Bun) ชิ้นนี้มาในรูปแบบของขนมปังกลมสไตล์ bun ขนาดเล็กพอดีคำ โปะด้านบนด้วย scrambled egg และไข่นกกระทา ความหอม และนุ่มของขนมปังนั้นลงตัวกับรสชาติที่เข้มข้นของไข่เป็นอย่างดี ทำให้เราตกหลุมรักในความลงตัวของขนมปังไข่มิโมซ่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ปิดท้ายเมนูอาหารคาวด้วย ขนมปังเซียบัตต้า (Mozarella, Confit Tomato & Pesto on Ciabatta) เซียบัตต้าสุดเข้มข้นสอดไส้ด้วยมะเขือเทศ เพสโต้ และมอสซาเรลล่า เป็นอีกเมนูหนึ่งที่มีรสค่อนข้างจัดจ้าน และกลมกล่อมมากทีเดียว
ถ่ายทอดทุกกลิ่นอายของความประทับใจ ผ่านขนมหวานหลากชนิด
เมื่อลิ้มรสอาหารคาวครบทุกเมนูแล้วก็ถึงเวลาลองชิมขนมหวานที่วางเรียงรายอยู่ด้านบนของกล่องกันบ้าง สำหรับชุด “Autumn Orange Afternoon Tea” นี้มีขนมให้เราได้ทานคู่กับชาร้อนถึง 9 เมนูด้วยกัน โดยแต่ละเมนูนั้นผ่านการคัดสรร และปรับปรุงจนเกิดความลงตัวของทุกวัตถุดิบ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนที่ได้ลิ้มลอง
เริ่มต้นด้วยเมนูสโคนที่ขาดไม่ได้สำหรับ Afternoon Tea ด้วย สโคนรสดั้งเดิมผสมเปลือกส้ม และวานิลลา (Traditional Scone with Orange Zest and Vanilla Scone) หลังจากที่เราได้ชิมสโคนของอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ต้องบอกเลยว่าประทับใจจริง ๆ เนื้อสโคนมีความนุ่มกำลังดี ไม่แข็งหรือร่วนจนเกินไป หอมกลิ่นส้ม และวานิลลาเข้ากันได้ดีกับแยม และคล็อทเทตครีม (Artisanal Clotted Cream) ที่เสิร์ฟคู่กัน
เมนูขนมหวานที่เราเริ่มชิมเป็นเมนูแรกคือ ครีมวานิลลายูซุ (Potted Yuzu Creme) ที่ถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบถ้วยฝาปิดเล็ก ๆ ดูน่ารัก เนื้อครีมมีความเนียน นุ่ม รสอมเปรี้ยวนิด ๆ หอมละมุนด้วยกลิ่นส้มยูซุ และวานิลลาในทุกคำ
เพิ่มระดับความเข้มข้นด้วย ช็อคโกแลตสอดไส้ (Cabosse’ Chocolate Praline) ใครที่เป็น Chocolate Lovers คงตกหลุมรักช็อคโกแลตชิ้นเล็กนี้ได้ไม่ยาก เอาใจคนรักช็อคโกแลตอีกสักเมนูที่ด้วย ทาร์ตช็อคโกแลต-ส้มคิงคัง (Chocolate & Kinkan Tartlet) ที่ให้รสชาติทั้งหวานอมเปรี้ยวจากส้มคิงคังด้านบน แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเข้มข้นในแบบของช็อคโกแลต เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่มีมิติของรสชาติหลากหลายจริง ๆ
เสริมย้ำความพิเศษด้วยอีกหนึ่งเมนูสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยมาพร้อมรสเข้มข้นไม่แพ้กันกับ โรลครีมอาราบิก้า และอัลมอนด์ (Arabica Almond Cream Roll) เนื้อโรลมีสัมผัสที่นุ่มไม่แห้งเกินไป เกิดจากการอบที่พอดี นอกจากนี้ยังชัดเจนด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ เพิ่มความน่าสนใจด้วยอัลมอนด์เคลือบน้ำตาลกรุบกรอบด้านบน
ในส่วนของเมนูเค้กจาก “Autumn Orange Afternoon Tea” นั้นมีให้เราได้ลองชิม 2 รสชาติด้วยกันชิ้นแรกเป็น เค้กเลม่อนวานิลลา (Lemon and Vanilla Cake) จัดเสิร์ฟมาแบบชิ้นเล็กพอดีคำ ตัวเนื้อเค้กมีความเนียนนุ่ม ให้รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี หอมสดชื่นด้วยกลิ่นเลม่อน ตามมาด้วย เค้กอัลมอนด์ไส้ช็อคโกแลตผสมส้ม (Chocolate and Orange Almond Cake) ที่มีความลงตัวเป็นอย่างดีด้วย 3 ส่วนผสม ทั้งช็อคโกแลต และอัลมอนด์ช่วยชูรสชาติของส้มให้มีความเปรี้ยวอมหวานในแบบที่กำลังพอดี
เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของชุดน้ำชานี้ด้วย มาการองลายใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo Themed Macarons) ตัวเนื้อมาการองมีความกรุบแต่นุ่ม รสชาติไม่หวานเกินไป ยิ่งทานคู่กับชาร้อนยิ่งเพิ่มเติมรสชาติให้น่าประทับใจ และสิ่งที่พิเศษที่สุดเห็นจะเป็นการพิมพ์ลายใบไม้เปลี่ยนสี หรือ Koyo 紅葉 ที่แปลว่า ใบไม้แดงในภาษาญี่ปุ่น บนตัวมาการอง ดูแล้วน่ารักสอดคล้องกับความเป็น “Autumn Orange Afternoon Tea” จริง ๆ
เพิ่มเติมสีสันด้วยเครื่องดื่มค็อกเทลสูตรพิเศษสำหรับฤดูกาลนี้โดยเฉพาะ
นอกจากจะดื่มด่ำกับอาหารคาว และหวานแล้ว ทางอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ยังเตรียมเครื่องดื่มค็อกเทลสุดพิเศษให้เราได้ลิ้มลองอีกหลายเมนู ซึ่งเมนูที่เราได้ลองดื่มในวันนั้นคือ Dycc to Taste (380 ฿) ที่เกิดจาก 4 ส่วนผสมหลัก D Y C C ตามชื่อ โดย D คือ ดรัมบรุย (Dramburie) เหล้าหวานจากวิสกี้ และน้ำผึ้ง Y คือ Yuzu Juice หรือน้ำส้มยูซุ ส่วน C คือ Canadian Club 6 years และ C ตัวสุดท้ายคือ Cardamom Green Seed หรือกระวาน ถือเป็นค็อกเทลที่มีรสเข้มทีเดียว
ส่วนใครที่ไม่สันทัดเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางอัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ขอเสนอเป็นเมนู Winter Honey Pomegranate (250 ฿) เครื่องดื่มม็อกเทลที่มาพร้อมกับรสชาติเปรี้ยวอมหวานของทับทิม และน้ำผึ้ง ดื่มง่าย เพิ่มเติมความสดชื่นยามบ่ายได้ดี เหมาะกับสาว ๆ ทุกคน
เรียกได้ว่าแต่ละเมนูใน “Autumn Orange Afternoon Tea” นั้นสื่อถึงบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน มีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งรสชาติ และหน้าตา ดึงดูดให้ผู้ที่ชื่นชอบการจิบชายามบ่ายมาลิ้มลอง สำหรับใครที่สนใจอยากมาร่วมสัมผัสประสบการณ์นี้ สามารถมาได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2562 เวลา 14.00 – 17.00 น. ที่อัพแอนด์อะบัฟบาร์ (Up & Above Bar) ชั้น 24 โรงแรม ดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ
ราคา 1,290++ ฿ (สำหรับ 2 ท่าน) สอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่ง 02-687-9000