การทานอาหารเบาๆในมื้อเช้า และชวนกันออกมาทานบรันช์คงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราๆ ถึงจุดที่เราสามารถปักหมุดบรันช์ในดวงใจกันไว้เต็มลิส และชวนคนในครอบครัว บางทีก็เพื่อนสนิทสมัยมอปลาย บางครั้งก็ก้วนเพื่อนสมัยมหาลัยมานั่งคุยกันชิลๆ ทานของอร่อยอย่างละนิดอย่างละหน่อย เพราะบรรยากาศของบรันช์เหมาะกับนั่งคุย นั่งเล่ากันยาวๆ และเมื่อเอ่ยถึงบรันช์ทุกคนก็จะนึกถึงซันเดย์บรันช์ กันเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แหล่ะ แต่วันนี้บรันช์ที่เรานำมาฝากทุกคนจะไม่เหมือนกับบรันช์อื่นๆ ที่เราเคยเล่ามา เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้ชิมบรันช์วันเสาร์กับเทปปันยากิสเต็กเฮาส์แบบญี่ปุ่นชื่อดังร้าน เบนิฮานา (Benihana) ที่โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา
เบนิฮานา ริเวอร์ไซด์ (Benihana) หนึ่งในห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปปันยากิสเต็กเฮ้าส์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาที่เปิดให้บริการมากว่า 50 ปีแล้ว เบนิฮานาเป็นห้องอาหารมีเอกลักษณ์เด่นเรื่องการแสดงการประกอบอาหาร โดยจะมีเชฟฝีมือดีมาโชว์วิธีการทำอาหารให้เราได้ประทับใจทั้งลีลาการทำอาหารที่สามารถดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง และรสชาติอาหารสุดแสนอร่อยที่จะทำให้ทุกมื้อกลายเป็นมื้อพิเศษของทุกคน
“ทุกมื้ออาหารคือการแสดง” คือคำขวัญประจำร้านของเบนิฮานา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นประสบการณ์ที่ได้ชมการปรุงอาหารแบบกิ่งโชว์อันแสนเร้าใจ ซึ่งนอกจากจะได้อร่อยกับเมนูเทปปันยากิแล้ว ยังสนุกเพลิดเพลินไปกับลีลาการทำอาหารของเชฟอีกด้วย ก่อนหน้านี้เคยมีวิจัยในประเทศไต้หวันกล่าวไว้ว่า ความรู้สึกที่เราได้รับตอนที่เชฟกำลังเตรียมและปรุงอาหารต่อหน้าเรานั้น จะทำให้เรามีความรู้สึกอยากจะทานอาหารจานนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว อีกทั้งยังเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเรากับเชฟและได้รู้ที่มาที่ไปของอาหารแต่ละจานอีกด้วย
เบนิฮานา ริเวอร์ไซด์ (Benihana) โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท เป็นเบนิฮานา สาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตามมาดูความพิเศษของมื้อนี้ดีกว่า แน่นอนว่าต้องเด็ดจริง เราถึงจะนำมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน ห้องอาหาร Benihana ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ญี่ปุ่นที่มีความโมเดิร์น ให้ความรู้สึกสะอาด น่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องสีดำที่ตัดกับพรมสีแดง เสาไม้วีเนียร์สีน้ำตาลแดงเคียงคู่กับผนังจากโครงเหล็กรูปทรงเลียนแบบป่าไผ่ โต๊ะนั่งจัดไว้ทั้งแบบนั่งทานเป็นจานอลาคาร์ท และแบบโต๊ะเทปปันยากิ
โต๊ะเทปปันยากิ ออกแบบมาให้เราได้นั่งใกล้ชิดติดเชฟมาก บรรยากาศพร้อมที่จะทำให้สมาชิกทุกคนที่มาทั้งแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้เพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารมื้อนี้ ทุกโต๊ะต้องมีร้องว้าว ต้องกดถ่ายรูป ต้องยกมือถือมาถ่าย เห็นลีลาเชฟใกล้ชิดขนาดนี้ อดใจไม่ไหวที่จะเก็บภาพและคลิปวิดิโอและบางคนก็ไลฟ์สดกันตอนนั้นเลยก็มี นี่แหล่ะทั้งอร่อยทั้งสนุก
โดยคราวนี้ที่ห้องอาหารเบนิฮานา สาขาโรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ได้เปิดตัวบริการใหม่ของห้องอาหารที่มีชื่อว่า “มื้อสายวันเสาร์ที่เบนิฮานา (Benihana Saturday Brunch)” ที่ประกอบไปด้วย 4 คอร์สหลักๆ ทั้งเทปปันยากิตัวเอกของมื้ออาหาร บาร์ซูชิ ซาชิมิ และมีไลน์อาหารที่สามารถตักทานได้ไม่อั้นอีกด้วย มาติดตามรายละเอียดในแต่ละคอร์สกันดีกว่าครับ
Benihana Saturday Brunch at Riverside
มื้อสายวันเสาร์ที่เบนิฮานา ประกอบไปด้วย 4 คอร์สคือ
คอร์สแรก: เคาท์เตอร์บาร์ซูชิ ซาชิมิ ที่มีเชฟคอยแล่เนื้อปลาเสิร์ฟให้สด ๆ พร้อมกับคอยปั้นซูชิและซาชิมิแซลมอน เติมที่บาร์ อย่างต่อเนื่อง เรื่องความสดของวัตถุดิบที่เบนิฮานาเราไม่ค่อยห่วงเลย เพราะค่อนข้างมั่นใจในความสดและเชื่อมั่นในคุณภาพของกระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบมาเสิร์ฟให้เราทาน
ซูชิหน้าต่างๆ หยิบได้จากที่นี่
และใครอยากทานแซลม่อนสดๆ ก็แจ้งเชฟที่ประจำอยู่เคาเตอร์บาร์ยืนแล่แซลมอนใหักับแขกทุกคน
ภาพนี้ถ่ายทอดความน่าทานของชูชิหน้าปลาแซลมอนได้ดี เรากลับมาดูอีกครั้งยังรู้สึกหิวขึ้นมา
เครื่องเคียงอาหารญี่ปุ่นอย่างเช่น ยำสาหร่ายญี่ปุ่นมีเสิร์ฟในไลน์อาหารที่จัดเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์เช่นกัน สำหรับคนที่รักสุขภาพนี่คงเป็นเมนูที่ถูกใจ กินแกล้มไปกับเทปปันยากิอร่อยเข้ากันดีเหลือเกิน ยำสาหร่ายญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในเมนูที่ให้พลังงานแคลอรี่ต่ำ มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีกากใยอาหารสูง ทานได้ทุกเพศทุกวัย เป็นเมนูที่เราแนะนำและอยากเชียร์ให้ทุกคนได้มาอร่อยด้วยกันที่นี่
ใกล้ๆกันยังมีหอยนางรมสด Normandy Oyster ให้เลือกทาน วางในถาดเดียวกันกับกุ้งสดออนไอซ์ที่เนื้อแน่น รสชาติหวาน ทานพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดประมาณพอกระตุ้นต่อมรับรส จากที่ตัดมาทานแค่สองตัวก็เกิดติดใจ จนตักมาทานเพิ่มไปอีกหลายตัวจนไม่ได้นับ
ถัดมาเป็นหม้อไข่ตุ๋นญี่ปุ่น ที่หน้าตาช่างเย้ายวนให้หยิบมาชิมที่โต๊ะเป็นอย่างมาก อย่างน้อยต้องหยิบมาชิมคนละหนึ่งถ้วยกำลังพอเหมาะพอดี ถ้าทานมากไปอาจจะเลี่ยนได้ เราอยากให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติของไข่ตุ๋นที่นี่ ซึ่งเนื้อเนียน นุ่ม รสละมุนกำลังดีจากรสชาติของซอสญี่ปุ่น
เกี๊ยวซ่า (Pan Fried Vegetable Gyoza) เกี๊ยวผักทอดกรอบแบบญี่ปุ่นร้อนๆส่งกลิ่นหอมฉุยตั้งแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ในระยะประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง เป็นเกี๊ยวซ่าที่ทอดสไตล์ญี่ปุ่นไส้ผัก แป้ง เกี๊ยวไม่หนา ไม่บาง ทอดมาแบบกรอบเกรียม รสชาติ หวาน มัน เค็ม โดยรวมแล้วกลมกล่อมดีเมื่อทานพร้อมกับซีอิ้วหวาน หลายคนจะลืมว่าเรายังต้องเผื่อท้องไว้กับตัวเอกของมื้อนี้อยู่คือเทปปันยากิ รู้ตัวอีกทีคือตักเกี๊ยวซ่าไปทานที่โต๊ะเกือบหกชิ้น
ติดกันกับเกี้ยวซ่าจะเป็นสลัดผัดสด ซึ่งที่เรากำลังกล่าวมาทั้งหมดยังอยู่ในชุดของเมนูคอร์สแรกที่เสิร์ฟแบบให้เลือกทานกันแบบไม่อั้น
คอร์สที่สอง เป็นซุปเสิร์ฟเพื่อให้ซดคล่องคอกัน เป็นซุปมิโสะซิกเนเจอร์ของเบนิฮานา มีส่วนประกอบของเต้าเจี้ยว เต้าหู้สาหร่ายและเห็ดหอม และคอร์สที่สาม ตัวเอกของมื้ออาหารพร้อมเสิร์ฟแล้วกับคอร์สเทปปันยากิ ในคอร์สจะประกอบไปด้วย เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ออสเตรเลีย (Australian Tenderloin) เนื้อหมูคุโรบุตะ (Kurobuta Pork Loin) แซลมอนจากนอร์เวย์ (Norwegian Salmon) หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ( NZ Greed Mussel) เนื้อไก่ (Chicken Breast) ชุดผัก (Vegetables) และข้าวผัดกระเทียม (Japanese Fried rice)
ซอสสำหรับทานคู่กับเทปปันยากิจะเป็นสูตรเฉพาะของเบนิฮานา บนโต๊ะจะเสิร์ฟไว้ให้ 2 ซอสได้แก่ ซอสขิง (Ginger Sauce) เชฟแนะนำใหทานคู่กับแซลมอนและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และ ซอสมัสตาร์ด (Mustard Cream Sauce) เชฟแนะนำให้ทานคู่กับหมูคุโรบูตะและเนื้อต่างๆ แต่เมื่อเชฟจะเริ่มปรุงเมนูเชฟตักซอสเผ็ดเบนิฮานา (Spicy Sauce) เสิร์ฟบนโต๊ะ ซึ่งเป็นซอสที่เราชอบมาก
คอร์สเทปปันยากิจะมีเชฟมาประจำที่โต๊ะ มาโชว์ลีลาการประกอบอาหาร ที่จะทำให้คนที่มาทานแค่ดูก็น้ำลายไหล หลังจากที่เชฟประจำโต๊ะก็จะแนะนำตัว และแนะวัตถุดิบที่จะใช้ในการประกอบอาหารครั้งนี้ พอเชฟบอกว่าเริ่ม ก็โชว์จุดไฟบนกระทะเทปปันยากิก่อนเลย ทั้งเป็นการเปิดโชว์ เรียกเสียงฮือฮาและเป็นการวอร์มกะทะให้ร้อน
วัตถุดิบแรกที่เชฟเลือกมาย่างคือเซทผักต่างๆ ซึ่งจะผัดแล้วโรยด้วยงาขาวให้หอมกรุ่น จานนี้รสชาติจะออกเค็มหวาน ตามสไตล์ผักย่าง เชฟมีอุปกรณ์ประกอบฉากด้วยนะ ในระหว่างการปรุงอาหาร เราไม่อยากเฉลยออกมาเลยว่าเชฟแสดงอะไรยังงัย อยากให้เป็นซีเคร็ทและความสนุกที่ทุกคนจะได้รับประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง
ถัดมาเชฟเลือกวัตถุดิบเป็นเนื้อแซลมอน มาย่างเนยกระเทียมให้เราได้ทานกัน แซลมอนที่ปรุงเป็นแซลมอนนำเข้ามาจากประเทศนอร์เวย์ โดยที่เชฟจะเซียร์เนื้อปลาให้สุกจากข้างนอกก่อน แล้วผัดกับเนยกระเทียมทำให้มีกลิ่นหอมเตะจมูก ชิ้นของแซลมอนเนื้อแน่น หวานและมีรสเค็มเบาๆจากเกลือที่โรยระหว่างเซียร์เนื้อปลา
แต่ละคนก็จ้องมองชิ้นแซลมอนที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งกลิ่นที่เชื้อเชิญให้ชิมและความน่ากินอย่างภาพที่เราเก็บมาให้ทุกคนเห็น ทำให้เราอยากให้เชฟตักมาเสิร์ฟบนจานเราเร็วๆ
ในระหว่างที่กำลังปรุงปลาแซลมอน เชฟเอาหอยแมลงภู่ที่นำเข้ามาจากประเทศนิวซีแลนด์มาย่างบนเตาที่ยังเหลือเนื้อที่ ผัดเข้ากับเนยกระเทียมทำให้มีกลิ่นหอมที่เย้ายวน ตัวหอยมีรสชาติหวานเค็มมันอร่อยติดใจมาก
เมนูต่อมาจะเป็นข้าวผัดกระเทียม (Japanese fried rice) เชฟได้โชว์ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือด้วยลีลาการโยนไข่ขึ้นไปแล้วรับไม่ให้ไข่ตกลงมาแตก หลังจากที่เชฟโชว์เสร็จ เชฟขอตัวแทนหนึ่งคนจากโต๊ะ มาลองโยนไข่แล้วรับให้ไข่ไม่ให้แตกดู ไม่ได้ดูอย่างเดียวแต่มีโอกาสได้ร่วมโชว์ในครั้งนี้ด้วย
ข้าวผัดเป็นข้าวผัดกระเทียม ที่ใส่เนยกระเทียมเข้าไปตอนผัดทำให้มีกลิ่นหอมที่เย้ายวนชวนชิม
ตอนผัด เชฟทำข้าวเป็นรูปหัวใจ แล้วจัดงาขาวข้างๆให้เป็นคำว่า I ♡ U อีกด้วย
ทานใหม่ๆร้อนๆ หน้าเตาเป็นความอร่อยอย่างที่สุดจริงๆ
ต่อมาเป็นคิวของสองเกลออย่าง เนื้อเทนเดอร์ลอยด์จากออสเตรเลีย (Australian Tenderloin) และหมูคุโรบุตะ (Kurobuta Pork Loin)
เนื้อส่วนนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin) ในจานนี้เชฟจะเซียร์เนื้อเพื่อเก็บความชุ่มชื้นไว้ข้างใน และโรยเกลือกับพริกไทยเป็นการปรุงรสให้เนื้อมีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น เนื้อจานนี้มีความหอม มัน รสชาติเค็ม นุ่ม และ มีความชิววี่ในตัวด้วย
ส่วนเนื้อหมูคุโรบุตะที่ถูกปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยที่พอถูกนำมาย่างบนเตาร้อนๆนั้น เมื่อได้สัมพัสที่ปลายลิ้นก็จะรู้สึกถึงรสชาติของเครื่องปรุงและเนื้อหมูที่แสนอร่อยเอ่อล้นออกมาเลย มันหมูที่แทรกอยู่แทบจะละลายในปากเลยก็ว่าได้ จิ้มกับซอสวาซาบิมาโย ที่เชฟเตรียมไว้ให้ตอนแรกได้อย่างลงตัว
และนี่คือเมนูทั้งหมดที่อยู่ในคอร์สเทปปันยากิของมื้อสายวันเสาร์ที่เบนิฮานา (Benihana Saturday Brunch) แต่ความพิเศษยังไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะเราสามารถสั่งเมนูพิเศษเพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งลายเสือตัวยักษ์ เมนล็อบสเตอร์ ฟัวกราส์ และ เนื้อวากิวทั้งจากประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลียหลากหลายรูปแบบ
และเมนูที่ SOtraveler ได้ลองคือ Australian Black Angus Rib Eye (1600++) เป็นส่วน rib eye ของเนื้อแองกัสจากออสเตรเลีย ที่มีกลิ่นหอมชวนหิว นำมาเซียร์บนเตาในความสุกระดับมีเดียมแรร์ พร้อมปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยอร่อยมาก
และ Australian Wagyu Tomahawk (4550++) Tomahawk คือเนื้อส่วนที่ติดอยู่กับซี่โครงจะมีขนาดที่ใหญ่ โดยจานนี้เชฟจะเอาไปเซียร์บนเตาและปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเหมือนเนื้อชิ้นอื่นๆ ตัวเนื้อมีรสชาติเค็มที่กลมกล่อมการการปรุงรสและรอบไหม้ ข้างในมีรสหวาน หอม มัน ตัวเนื้อนุ่มที่สุดในบรรดาเนื้อที่ลองมาในวันนี้
คอร์สที่ 4 คอร์สสุดท้ายคือของวาน ที่มีให้เลือกหลากหลาย เค้กฟักทองมิโซะ เค้กงาดำและเค้กราสเบอร์รี่ หรือ ชาเขียวคาราเมลเครเมอร์ สามารถหยิบทานได้เรื่อยๆจากไลน์อาหาร จะมี Green Apple & Yoghurt Mousse ที่เป็นมูสเนื้อแน่น มีความหวานและเปรี้ยวของแอปเปิ้ลเขียวและโยเกิร์ตอยู่ด้วยกันอย่างน่าประหลาดใจ
Pumpkin Miso Cake เป็นเค้กฟักทองที่มีความกรอบในตัวเท็กเจอร์จะคล้ายๆ มาการอง รสชาติหวานกำลังดี แถมมีส้มรสเปรี้ยวอมหวานวางมาข้างบนอีกด้วย
Matcha Caramel Cremeux เป็นพุดดิ้งช็อกโกแลตผสมกับชาเขียวที่มีเนื้อหนาแน่น มีรสหวาน และหอมกลิ่นชาเขียวมาก Raindrop Cherry Blossom Cake จะมีรสชาติเปรี้ยวนำ หวานแบบพอดีๆ กลิ่นหอม cherry blossom ชวนหลงไหล Black Sesame & Blackberry Cake จะเป็นเค้กงาดำพสม blackberry ที่มีกลิ่นหอมของงาดำชวนหยิบทาน มีรสชาติความเปรี้ยวของ blackberry และความหวานคลุกเคล้ากันไป ให้รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว
ห้องอาหารเบนิฮานาเป็นสถานที่ที่ผู้คนเข้ามาดื่มด่ำกับบรรยกาศที่สนุกสนานเป็นกันเองได้ทั้งแบบครอบครัวและเพื่อนฝูง เป็นที่ที่เข้ามาแล้วรู้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงโต๊ะอาหารก็ยังมีเชฟส่วนตัวที่คอยดูแลเราไม่ห่างด้วยอาหารรสเลิศและลีลาการประกอบอาหารที่เห็นแล้วต้องทึ่ง!
คุณเองก็มาทาน “มื้อสายวันเสาร์ที่เบนิฮานา” (Benihana Saturday Brunch) แบบ SOtraveler.com ได้
- ห้องอาหาร : Benihana สาขาอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท
- เวลาให้บริการ : ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น.
ราคา
- ราคา 1,500++ บาท ต่อคนรวมเครื่องดื่มชาญี่ปุ่น ตลอดมื้ออาหาร
- ราคา 1,900++ บาท ต่อคนรวมเครื่องดื่มเบียร์ ตลอดมื้ออาหาร
- ราคา 600++ บาท สำหรับเด็กอายุ 6 – 12 ปี
ติดต่อเบอร์โทร : 02 476 0022 ต่อ 1416
อีเมล์: [email protected]
เว็บไซต์: bangkok-riverside.anantara.com