เราไม่ได้เชิญชวนคุณให้มาเป็นสายเมา แต่เราจะชวนคุณมาเป็นนักดื่มที่เข้าใจในตัวตนของน้ำใสมีฟองที่อยู่ในแก้วตรงหน้าคุณ เราเชื่อว่าการเป็นคนที่ดื่มเป็น จะทำให้คุณมีเสน่ห์และส่งแรงดึงดูดจากคนรอบข้างให้มาสนใจในตัวคุณได้อย่างดีทีเดียว หลังจากอ่านบทความของเราจบ เราหวังว่าคุณจะเลือกสั่งสปาร์คกลิ้งไวน์ แชมเปญ หรือโปรเซกโกได้มั่นใจมากขึ้น
เราเคยเข้าไปอยู่ในวงสนทนาของซอมเมอลิเยร์ในงานไวน์เทสติงค์ที่โรงแรมใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ทุกคนล้วนผ่านการลิ้มรสชาติของไวน์เกินกว่าพันชนิดทั้งสิ้น คุณจะพบกับคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับไวน์ออกมาอย่างพรั่งพรูและเหมือนคุณกำลังร่วมนั่งรถไฟออกไปท่องรอบโลก เพราะคุณจะได้ยินชื่อเมืองที่มีการเพาะพันธ์องุ่นแล้วนำมาบ่มทำไวน์
วันหนึ่งคุณอาจจะเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ฟังคำศัพท์เหล่านี้ได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ แต่ตอนนี้เราขอนำเสนอด้วยพื้นฐานของการเลือกไวน์แบบมีฟองให้ทุกคนได้เรียนรู้กันเบื้องต้นไปก่อน แล้วมาต่อยอดในการเพิ่มระดับการเป็นนักดื่มระดับแอดวานซ์ในบทความต่อๆ ไป
“สปาร์คกลิ้ง ไวน์” (Sparkling Wine) คือชื่อเรียกรวมๆของไวน์แบบมีฟอง ถ้าคุณเจอที่ไหนที่มีการเสิร์ฟ สปาร์คกลิ้ง ไวน์ คุณก็อาจจะได้ลิ้มลองทั้ง “แชมเปญ” (Champagne) “โปรเซกโก” (Prosecco) หรือ “สปาร์คกลิ้ง ไวน์” (Sparkling Wine) เป็นได้ทั้ง 3 ชื่อ เราจะมาไขความลับนี้ให้ฟัง
สิ่งที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าไวน์แบบมีฟองนี้เรียกว่า “แชมเปญ” (Champagne) นั้นกลับไม่ใช่รสชาติของไวน์ พันธุ์องุ่น หรือรายชื่อผู้ผลิต แต่เป็น “แหล่งผลิต” ที่จำกัดเฉพาะใน “แคว้นแชมเปญ” หรือ” “แคว้นชองปาญ” แหล่งเพาะปลูกองุ่นตอนเหนือสุดของฝรั่งเศส ที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงปารีสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ต่อให้ผลผลิตของไวน์แบบมีฟองนี้จะมีรสชาติที่ล้ำเลิศมากเพียงใด ใช้พันธุ์องุ่นเกรดพรีเมี่ยมมากแค่ไหน มีกระบวนการผลิตที่เทียบเคียงแชมเปญอย่างไรก็ต้องเรียกว่า “สปาร์คกลิ้ง ไวน์” (Sparkling Wine)
กระบวนการผลิตไวน์แบบมีฟอง มีเนื้อหาใจความสำคัญหลัก ๆ คือการหมักบ่มครั้งที่สอง (second fermentation) เป็นการบ่มน้ำไวน์จนเกิดเป็นฟองก๊าซ ให้คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นในไวน์ แล้วเอากากยีสต์ที่ตายแล้วออกในภายหลัง ทั้งนี้ยังมีขั้นตอนการหมักบ่มที่แตกต่างกัน ถ้าแบบดั้งเดิมเลยจะเป็นการนำไวน์มาบรรจุใส่ขวดและใส่ยีสต์กับน้ำตาลลงไปเพื่อให้เกิดการหมักตัวครั้งที่สองในขวด วิธีนี้มักมีกลิ่นของพวกขนมปังหรือไม่ก็พวกแป้งโดห์เคล้ากับกลิ่นหอมขององุ่น อีกแบบหนึ่งคือ จะเป็นการนำไวน์ใส่ในแทงค์ความดันขนาดใหญ่ใส่ยีสต์ใส่น้ำตาลลงไป จากนั้นค่อยนำไวน์ที่มีฟองแล้วไปบรรจุใส่ขวดในภายหลัง วิธีการแบบหมักในแทงค์ความดันมีข้อดีคือสามารถผลิตได้ครั้งละมากๆ ให้กลิ่นหอมของผลไม้หรือดอกไม้ตามพันธุ์องุ่นที่นำมาผลิต
แชมเปญส่วนใหญ่ผลิตจากองุ่น 3 สายพันธุ์คือ ปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Nior) และชาร์โดห์เนย์ (Chardonnay) ถ้าเห็นคำว่า Blanc de Blancs บนฉลากหมายความว่าแชมเปญนั้นผลิตจาก ชาร์โดห์เนย์ (Chardonnay) เพียงอย่างเดียว มักจะราคาแพงกว่าแชมเปญทั่วไป เอาเป็นว่าเราแนะนำให้ทุกคนได้รู้ที่ไปที่มาของ “แชมเปญ” (Champagne) “โปรเซกโก” (Prosecco) และ “สปาร์คกลิ้ง ไวน์” (Sparkling Wine) กันไปก่อน แต่การที่จะเลือกดื่มตัวไหน รสชาติไหน ยี่ห้อไหน ยังมีเรื่องที่ต้องอธิบายกันมากกว่านี้ แล้วเราจำนำมาฝากกันในตอนต่อไป