อีกขั้นของประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนในสไตล์เชฟส์เทเบิล ผ่านการร่วมมือกันของสองเชฟผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เชฟอัลเบิร์ต (Albert Au Kwok Keung) แห่ง The 8 และ เซฟตง (Dong Zhenxiang) เจ้าของร้านอาหารจีนชื่อดังจากปักกิ่ง Gastro Esthetics DaDong ในงาน Chefs’ Table: A Symphony of Senses โดย SJM Resorts ที่จัดขึ้นที่ห้องอาหาร The 8 ภายในโรงแรมแกรนด์ ลิสบัว มาเก๊า (Grand Lisboa Macau) การันตีความสุดยอดด้วยรางวัลมิชลินและแบล็กเพิร์ลจากทั้งสองแห่ง
ถือเป็นความน่ายินดีอย่างยิ่งที่ SOtraveler ได้มีโอกาสร่วมสัมผัสความสุดยอดครั้งนี้ กับการรับประทานอาหารจีนที่ผสมผสานอาหารจีนกวางตุ้งจากภาคใต้ และอาหารจีนแนวศิลปะสมัยใหม่จากภาคเหนือเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อสะท้อนถึงการจินตนาการของอาหารจีนสำหรับคนรุ่นใหม่ และยกระดับอาหารจีนไปสู่อีกขั้น โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณค่าและผ่านการคัดสรรอย่างพิเศษ
และเพื่อให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของอาหารจีนอย่างลึกซึ้ง เราจึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์ เชฟอัลเบิร์ต (Albert Au Kwok Keung) แห่ง The 8 ถึงเบื้องหลังความสำเร็จและความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ เซฟตง (Dong Zhenxiang) รวมถึงความพิเศษที่แขกทุกท่านจะได้พบในงาน Chefs’ Table: A Symphony of Senses นี้
เชฟอัลเบิร์ตได้เล่าถึงการร่วมมือกันของเขาและเชฟตง “การทำงานกับเชฟตงเหมือนเป็นการเคารพซึ่งกันและกัน โดยอาหารที่จะเสิร์ฟในงานนี้ เราใช้เวลาในการทำการบ้านอย่างหนัก บางเมนูเราเลือกจากเมนูเด่นที่ได้รับความชื่นชมจากลูกค้าของร้านแต่ละแห่ง ซึ่งการทำงานเราจะไม่คอมเมนต์ในเมนูของกันและกัน แต่เราจะร่วมมือกันเพื่อให้ออกมาดีที่สุด อย่างเช่นเมนูเส้นในงานนี้ ผมจะดูแลในส่วนของเส้น และเชฟตงจะดูแลในส่วนของซอส ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันอย่างดี โดยเราได้มีการพูดคุยและหารือ ใช้ความถนัดที่แต่ละคนมี มารังสรรค์เมนูและใช้ส่วนผสมที่ลงตัว เพื่อให้ทุกจานที่จะเสิร์ฟแก่แขกคนสำคัญออกมายอดเยี่ยมที่สุด”
“ความจริงแล้วการทำอาหารของผมและเชฟตง ค่อนข้างจะมีคอนเซ็ปต์ที่ใกล้เคียงกัน เช่นการคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่อรังสรรค์อาหารที่ยอดเยี่ยมให้แก่แขกทุกท่าน โดยมีข้อแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยผมจะถนัดในอาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิม และเชฟตงจะถนัดอาหารจีนสไตล์ปักกิ่งแบบสมัยใหม่ การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงถือเป็นการได้แชร์ปรัชญาในการทำอาหารร่วมกัน” เชฟอัลเบิร์ตกล่าวเสริม
อย่างที่ทราบกันดีว่าเชฟอัลเบิร์ตรวมถึงเชฟตงเอง ต่างเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกวัตถุดิบเป็นอย่างมาก ต่างทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้เข้าใจในวัตถุดิบนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่รสชาติ แต่ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ของวัตถุดิบนั้น ๆ อย่างแท้จริง เช่น การเจริญเติบโต สภาพอากาศในการเลี้ยง รวมถึงเรื่องของระยะเวลา ซึ่งส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ มีผลต่อรสชาติในการปรุงอาหารเป็นอย่างมาก อย่างที่เชฟอัลเบิร์ตได้กล่าวว่า “ผมและเชฟตง เราเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงฤดูกาลและช่วงเวลาที่วัตถุดิบนั่น ๆ จะให้รสชาติที่ตรงใจ เราพูดคุยกับซัพพลายเออร์ จากแหล่งต้นกำเนิดทั่วโลก บางวัตถุดิบเราไปถึงต้นกำเนิดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ อาทิ เป็ดจากประเทศจีน ไก่สปริงจากฝรั่งเศส หรือแม้แต่มะเขือเทศจากอิตาลี และวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเสิร์ฟความเป็นสุดยอดให้กับแขกทุกท่านได้ลิ้มลองความเป็นที่สุดของอาหารจีนอย่างแท้จริง”
นอกจากความอร่อยที่ได้จากการรังสรรค์เมนูผ่านวัตถุดิบที่ดีแล้ว เชฟอัลเบิร์ตยังมีความตั้งใจที่ไม่ใช่แค่เพียงแค่ในงานนี้ แต่เป็นความอยากส่งต่อประสบการณ์ให้แก่ผู้อื่นได้เข้าใจในอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งมากขึ้น “ความตั้งใจจริงของผม คือต้องการถ่ายทอดเรื่องราวและรสชาติ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งแบบดั้งเดิมให้แก่คนทั่วโลกได้รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นจากการที่เคยได้เดินทางทั่วโลก การได้ทำงานในประเทศรัชเชียและประเทศสิงคโปร์ หรือจากการได้สอนเด็ก ๆ 5 – 6 ขวบให้รู้จักอาหารจีนรวมถึงอาหารจีนกวางตุ้งในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังเคยได้เตรียมมื้ออาหารสุดพิเศษให้กับสมาชิกราชวงศ์ของไทย รวมถึงครอบครัวของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวและอาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิม จะเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากขึ้น”
แน่นอนว่าจากการทำงานอย่างหนักของทั้งสองเชฟ ในงาน Chefs’ Table: A Symphony of Senses ในครั้งนี้จะต้องออกมาพิเศษอย่างแน่นอน โดยเชฟอัลเบิร์ตได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สิ่งที่แขกทุกท่านจะได้เจอในครั้งนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งเกิดจากความคิดและการร่วมมือของผมและเชฟตง ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิม หรือความเป็นศิลปะและความโด่งดังของเชฟตง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดที่แขกทุกท่านจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน”
ได้ยินถึงความยอดเยี่ยมของ Chefs’ Table: A Symphony of Senses ในคราวนี้ คงถึงเวลาที่เราจะได้ลิ้มลองประสบการณ์อันน่าจดจำนี้แล้ว เริ่มต้นมื้อสุดพิเศษด้วย Cherry Foie Gras ผลงานศิลปะผ่านจานอาหารจานแรกโดยเชฟตง ที่ต้องการนำเสนอฟัวกราส์ในรูปแบบของผลเชอร์รี่ที่เคียงข้างกับผลเชอร์รี่สดอย่างสวยงาม มองด้วยตาอาจไม่ทราบได้ถึงความแตกต่าง แต่เมื่อได้ลองทานรับรู้ได้ทันทีถึงความเข้มข้นของฟัวกราส์ที่ผสมผสานความสดชื่นของเชอร์รี่ได้อย่างลงตัว เป็นการเปิดรสสัมผัสที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ต่อกันที่ Geoduck Clam Fillets with Fresh Sichuan Pepper เสิร์ฟมาบนน้ำแข็งอันสวยงาม กับเมนูหอยงวงช้างอันล้ำค่า เนื้อขาวนุ่มมาพร้อมเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบและหวานเล็กน้อย เมื่อทานคู่กับพริกไทยเสฉวนช่วยให้มีชีวิตชีวาไม่เบา ชวนให้ติดตามเมนูอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
พลาดไม่ได้กับเมนู Special Dish with Saffron Sauce เกิดจากการผสมผสานเทคนิคการรังสรรค์อาหารชั้นเลิศจากทั้งสองเชฟ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของมื้ออาหารนี้ ด้านเชฟตงนำเอาซอสหญ้าฝรั่นอันเป็นสูตรเด็ดที่เคยได้รับรางวัลมาเคี่ยวพร้อมซุปไก่ไขมันต่ำ ด้านเชฟอัลเบิร์ตนำเอาวัตถุดิบอันล้ำค่าจากท้องทะเลมาตุ๋นพร้อมกับวัตถุดิบระดับพรีเมียม อย่างไก่ออร์แกนิกที่เลี้ยงด้วยข้าวโพด และแฮมอิเบอริโกจากสเปนนานถึง 10 ชั่วโมง จนผสมผสานกันอย่างลงตัวให้รสชาติเผ็ดเล็กน้อย การรับประทานในแต่ละคำ ถือเป็นความสุขอย่างแท้จริง อีกทั้งยังช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย
ไม่ควรพลาดกับ DaDong Braised Sea Cucumber with Scallions ที่สุดของความหายาก กับวัตถุดิบที่ถือว่าเป็นอัญมณีล้ำค่า 1 ใน 8 สมบัติแห่งท้องทะเล หรือ “Eight Treasures of The Sea” อย่างปลิงทะเล ที่เชฟตงนำมาตุ๋นพร้อมกับต้นหอม จนปราศจากความคาว ให้กลิ่นหอมของต้นหอมอันเข้มข้น มาพร้อมรสชาติที่ล้ำลึก และเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ผสมผสานแก่นแท้ของปลิงทะเลได้อย่างลงตัว
ในขณะที่เชฟอัลเบิร์ตนำเสนอเมนู Charcoal Grill French Yellow Spring Chicken Rolled with Abalone โดดเด่นในการเลือกนำวัตถุดิบอย่างไก่สปริงเหลืองเกรด A จากฝรั่งเศส ที่ผ่านการเลี้ยงด้วยอาหารออร์แกนิกเป็นเวลา 30 วัน จนทำให้ได้เนื้อนุ่มฉ่ำและไขมันต่ำ ก่อนนำมาย่างบนเตาถ่านแบบเปิดเพื่อคงรสชาติและแก่นแท้ของไก่ไว้ เสิร์ฟมาพร้อมกับหอยเป๋าฮื้อจากแอฟริกาใต้ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหวานและความละเอียดอ่อน ผ่านการเคี่ยวแบบดั้งเดิมด้วยซอสขิงทรายและสมุนไพรอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นส่วนผสมและรสชาติที่ลงตัว หนังกรอบ เนื้อฉ่ำ หาที่ติไม่ได้เลย
ลิ้มลอง Stir-fried Lobster with Crabmeat and Crab Roe กับล็อบสเตอร์บอสตันเกรดพรีเมียม ซึ่งเป็นล็อบสเตอร์ที่อร่อยที่สุดในฤดูกาลนี้ มาจับคู่กับไข่ปูและเนื้อปูแสนชุ่มฉ่ำ โดยเชฟอัลเบิร์ตคัดแยกเนื้อปูชิ้นใหญ่จากปูตัวเมียอย่างพิถีพิถัน ก่อนนำไปเคี่ยวอย่างอ่อนโยนในน้ำซุปชั้นเลิศ ช่วยให้กลิ่นหอมอันเข้มข้นของไข่ปูผสมผสานกับความสดชื่นอันหอมหวานของล็อบสเตอร์ ช่วยสร้างจังหวะแห่งรสชาติได้อย่างยอดเยี่ยม
ขยับมาที่เมนู DaDong “SuBuNi” Roasted Suckling Duck with Garlic Flavored Butter Kaluga Queen Caviar กับเมนูซิกเนเจอร์อันโด่งดัง ที่เลือกนำเนื้อลูกเป็ดอายุ 22 วันไขมันต่ำมาเป็นวัตถุดิบหลัก บรรจงย่างอย่างประณีตจนด้านนอกเป็นสีน้ำตาลทองกรอบและเนื้อฉ่ำ ก่อนจุ่มผิวกรอบลงในถั่วหวาน จากนั้นห่อด้วยขนมปังรูปใบบัวเนื้อนุ่มพร้อมแถบแตงกวา จนรับรู้ได้ถึงเนื้อสัมผัสและรสชาติที่กลมกลืนกัน โดยเชฟตงได้จับคู่ระหว่างหนังเป็ดกรอบกับคาเวียร์คาลูกาอันหรูหรา ถือเป็นการเปิดประสบการณ์รสชาติที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงกับ “The 8” Style Chinese Noodles Tossed with Fried Bean and Meat Sauce เชฟทั้งสองนำเสนอ “บะหมี่ซอสผัดปักกิ่ง” ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่มและหมูบดรสเผ็ด ที่ห่อด้วยซอสลับสูตรเข้มข้นจากร้านอาหาร Da Dong และ The 8 พร้อมนำเสนอท็อปปิ้งที่หลากหลาย เช่น ถั่วแระญี่ปุ่น แตงกวา และหัวไชเท้าเชอร์รี่ ทำให้การนำเสนอเต็มไปด้วยสีสัน เวลาทานให้คลุกทุกอย่างเข้าด้วยกัน และราดด้วยซอสสูตรเด็ด อัดแน่นไปด้วยรสชาติและความประทับใจไม่รู้ลืม
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอันแสนล้ำค่าอย่าง Double-boiled Bird’s Nest with Crystal Sugar and Pearl ดื่มด่ำกับรังนกนางแอ่นที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน แช่และเคี่ยวกับน้ำตาลอย่างช้า ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติตามธรรมชาติ เสิร์ฟพร้อม “ไข่มุก” อันทรงเสน่ห์ที่สร้างขึ้นจากแห้วโดยใช้เทคนิคโมเลกูลาร์ช่วยเพิ่มความสวยงามอันน่ารื่นรมย์ การกัดแต่ละครั้งเผยให้เห็นเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและเรียบเนียน พร้อมด้วยความหวานที่ห่อหุ้มเพดานปาก ทำให้เกิดประสบการณ์ที่น่าหลงใหลอย่างแท้จริง
เรียกว่าเป็นความน่าประทับใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหน ทุกรสชาติ ทุกเนื้อสัมผัส และทุกประสบการณ์จาก Chefs’ Table: A Symphony of Senses ที่เกิดจากความร่วมมือของ The 8 และ Gastro Esthetics DaDong ในคราวนี้ จะคงอยู่ในใจไปอีกนานแสนนาน และแน่นอนว่า Chefs’ Table: A Symphony of Senses โดย SJM Resorts ในครั้งถัดไป จะต้องเป็นที่ตั้งตารอคอยอย่างแน่นอน
The 8
- Location: The 8 ชั้น 2 โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว มาเก๊า (Grand Lisboa Macau)
- Opening Hours: เปิดบริการ 11:00 – 14:30 น. และ 18.00 – 22.00 น.
- Reservations: (085) 8803 7788
- Social Media: Facebook: GrandLisboaHotel | Instagram: @grandlisboahotel
- Website: https://www.grandlisboa.com/en