ล็อบบี้ เลานจ์ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ คือพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างความเป็นธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่นกับความเจริญของชุมชนเมืองได้อย่างลงตัว พื้นที่ที่เปิดให้คนรักการจิบน้ำชายามบ่ายหรือ Afternoon Tea มานั่งรีแล็กซ์ จิบชา พร้อมทานของว่างและขนมหวานอร่อยๆ ในสถานที่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติจากไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่สีเขียวขจีขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน (Sustainable Architecture) เพื่อให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยาวนาน
ล็อบบี้ เลานจ์ ออกแบบให้ผนังเป็นผนังปูนเปลือยสร้างความรู้สึกเย็นสงบ เพดานมีความสูงโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกใสบานใหญ่ทั้งสองด้าน เชื่อมต่อความเป็นธรรมชาติสู่โถ่งล็อบบี้ของโรงแรมฯ ได้สอดรับกันเป็นอย่างดี และจะดีอย่างที่สุด หากคุณได้มานั่งละเลียดชุดน้ำชายามบ่ายที่นี่ด้วยตัวคุณเอง
ชุดน้ำชายามบ่ายให้บริการที่ ล็อบบี้ เลานจ์ มีอยู่ 2 แบบคือชุดน้ำชายามบ่าย ‘สไตล์ไทย’ และชุดน้ำชายามบ่าย ‘ชีวา’ (The Chevaa Afternoon Tea) โดยชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ไทยมีบริการทุกวัน ส่วนชุดน้ำชายามบ่ายชีวาจะมีบริการเฉพาะวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์เท่านั้น ชุดน้ำชายามบ่ายชีวา ยังมีให้เลือกอีก 2 สไตล์ได้แก่ ชุดน้ำชายามบ่ายอินดัลเจนซ์ (Indulgence) และ ชุดน้ำชายามบ่ายกิลท์ฟรี (Guilt-Free) ทั้งสองชุดจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น โซทราเวลเลอร์ขอเล่าจากประสบการณ์ที่เราได้ลิ้มรสมาให้ทุกคนได้ติดตามอ่านกัน
ชุดน้ำชายามบ่ายที่นี่ให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของแต่ละคนที่มาช่วยแต่งแต้มบรรยากาศพื้นที่ ล็อบบี้ เลานจ์ ให้อบอวลไปด้วยความสุขอย่างสมบูรณ์แบบ บ้างก็ถ่ายรูปกับมุมต่าง ๆ ของล็อบบี้ บ้างก็กำลังเอามือกุมแก้วชาคุยกับเพื่อนสนิทกันอย่างออกรสชาติ แม้กระทั่งหนูน้อยก็ยังเพลิดเพลินกับการอ้าปากน้อย ๆ กัดลงไปในสโคนจนโฮมเมดคล็อตเต็ดครีมเลอะขอบปาก นี่เป็นเพียงโมเมนต์เรียกน้ำย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ เราเชื่อว่าคุณอยากมาเต็มที่กันแล้ว มาดูในส่วนของอาหารคาว ของว่างและขนมหวานที่เสิร์ฟกันต่อเลยแล้วกัน
เริ่มต้นโมเมนต์ของการจิบน้ำชายามบ่ายด้วยซอร์เบท์เลมอนน้ำผึ้ง สำหรับล้างปากก่อนทานชุดชายามบ่าย โดยเชฟนำเลมอนทั้งลูกคว้านข้างในออกไปสกัดน้ำ จากนั้นนำน้ำเลมอนใส่กลับเข้ามาใหม่ในรูปแบบของซอร์เบท์สอดไส้ด้วยน้ำผึ้งสด ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น กระตุ้นต่อมรับรสได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่นานเกินรอพนักงานพนักงานก็ยกชุดน้ำชายามบ่ายชีวาที่มีพรีเซนเทชั่นสุดอลังการและมีเอกลักษณ์มาเสิร์ฟ อลังการในระดับที่การเสิร์ฟแต่ละครั้งต้องมีพนักงาน 2-3 คนช่วยกันยกมาจัดเรียง ราวกับว่ากำลังช่วยกันสร้างสรรค์งานศิลป์ชิ้นเอก
Indulgence Afternoon Tea
เรามาเอ่ยถึงชุดน้ำชายามบ่ายอินดัลเจนซ์ (Indulgence) กันก่อน เมนูในกลุ่มแซนด์วิชประกอบไปด้วย สะเต๊ะไก่ฉีกกับแตงกวาดองและซอสถั่วลิสง (Pulled chicken Satay brioche with pickled cucumber and peanut sauce) เชฟเลือกใช้ขนมปังบริยอชเนื้อนุ่ม รสหวานอ่อน ๆ สอดไส้เนื้อไก่สะเต๊ะชุ่มฉ่ำซอสถั่วลิสงทานคู่กับแตงกวาดองรสเปรี้ยวเข้ากันได้ดีมาก และยังมีเอแคลร์กราฟลักซ์กับอโวคาโดและมะนาวอิมัลชัน (Gravlax Savoury eclair with Avocado and lime emulsion) ขนมปังอโวคาโด เห็ดสับผสมกับไข่ ทรัฟเฟิล และผักสลัด (Artisan tartine with Avocado, Truffled Egg duxelles and watercress)
และยังอิ่มท้องมากยิ่งขึ้นด้วยวาฟเฟอร์พาเมซานกับครีมถั่วลันเตา (Parmesan Waffer with Green Pea cream) และวูเลอวองท์หรือพายแฮมมูสและเห็ดดอง (Vol au vent with Pris ham mousseline and pickled mushrooms) รสชาติเข้มข้นมาก
ในส่วนของเมนูขนมหวาน คุณจะสัมผัสได้ถึงความละมุนของ ซอลท์เท็ดคาราเมลพราลีนและช็อกโกแลตพลาเซียร์ (Salted caramel, praline and chocolate Plaisir) เลมอนเมอแรงค์ทาร์ต (Lemon merengue tarte pop) ที่เสิร์ฟในแบบเสียบก้านพอดีคำ ไส้ในเป็นทาร์ตกับครีมเลมอนรสเปรี้ยว สดชื่น ตัดกับความหวานของเมอแรงค์ที่เคลือบอยู่ด้านนอก ลนไฟเล็กน้อย ทำให้ทาร์ตชิ้นนี้มีความพิเศษน่าหลงใหลมาก ในขณะเดียวกัน ทาร์ตสตรอเบอรี่สอดไส้โครคอนท์อัลมอนด์และครีม (almond croquatn and creme patisserie) และปารีสแบร็สต์พิสตาชิโอกับครีมสด (Pistachio Paris Brest with express creme) ก็ดึงดูดใจไม่แพ้กัน
และที่ขาดไม่ได้ในชุดน้ำชายามบ่ายคือ สโคนรสดั้งเดิมเสิร์ฟกับแยมสตรอเบอร์รี, เลมอนครีม และโฮมเมดคล็อตเต็ดครีม สโคนกลิ่นหอมเนยเนื้อเนียนแน่นดีมาก และยังมีขนมปังบริยอชทาเนยถั่วโรยด้วยเฟโยติน (Peanut Butter Brioche Feulletine) รสชาติหอมหวานมันเสิร์ฟเคียงคู่มาด้วย
Guilt-Free Afternoon Tea (Vegan)
ทางด้านของ ชุดน้ำชายามบ่ายกิลท์ฟรี (Guilt-Free) ชุดน้ำชาแบบวีแกนสูตรเฉพาะของล็อบบี้ เลานจ์ สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็มานั่งเต็มเต็มความอร่อยไปด้วยกันได้ โดยแซนด์วิชจะเสิร์ฟเป็น ขนมปังคอร์นมีลสอดไส้ซัลซ่าข้าวโพดกับซอสถั่วเหลือง (Spiced Bean pasted & Corn salsa Triangle in cornmeal bread) มะเขือม่วงรมควันกับพริกไทยย่าง (Roasted pepper with smoked aubergine) ข้าวตังกรอบท็อปด้วยสลัดเต้าหู้ทรัฟเฟิลอโวคาโด (Truffled tofu salad with avocado on rice cracker) เต้าหู้บดกับอโวคาโดเนื้อนิ่มเนียนผสมผสานกับซอสทรัฟเฟิลได้อย่างลงตัว
ส่วนเมนูอาหารคาวเสิร์ฟเป็น สลัดโรลมะม่วงอ่อน (Young mango shavings & granny smith apple rice sheet rolls) บีทรูทอบแห้งท็อปด้วยถั่วชิกพีบดและหน่อไม้ฝรั่งย่าง (Grilled Asparagus & chickpea puree on dehydrated beetroot chips)
ทางด้านขนมหวานเริ่มต้นด้วยสเฟียร์เชอร์รี่อมารีนา (Amarena cherry sphere) คานาเล่ลูกแอพริคอตเคลือบด้วยช็อคโกแล็ต (Apricot coated Chocolate canele with praline spiral) ทาร์ตราสเบอร์รี่เสิร์ฟกับครีมเต้าหู้วานิลลาและเลมอนครีม (Tarlet with vanilla tofu, lemon curd and raspberry) มูสมะพร้าวสอดไส้สับปะรดและเสาวรส (Mini coconut with compressed pineapple and passion fruit gel)
สโคนในชุดนี้เป็นสโคนแครนเบอร์รีและสโคนฟักทอง ทานคู่กับแยมสตรอเบอร์รี, เลมอนครีม และมะพร้าวคลอตเต็ดครีม
อาหารคาวและขนมหวานมาพร้อมแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยก็ต้องทานคู่กับชาพรีเมี่ยมชั้นดี โดยที่นี่เสิร์ฟเป็นยี่ห้อชารอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) นำเข้าจากประเทศเยอรมัน มีให้เลือกหลากหลาย ถ้าถามเรา ในฝั่งของชาสมุนไพรออร์แกนิคเราขอแนะนำเป็น Lemon Grass, Peach Blossom Summer, Jasmine Gold Summer ส่วนใครชอบชาดำลองเป็น Classic Orange Pekoe ส่วนกาแฟเป็นกาแฟยี่ห้ออิลลี่ (illy) หอมเข้มถูกใจคอกาแฟแน่นอน
ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ไทยมีให้บริการทุกวัน ส่วนชุดน้ำชายามบ่ายอินดัลเจนซ์ (Indulgence) และชุดน้ำชายามบ่ายกิลท์ฟรี (Guilt-Free) ที่เรานำมาแนะนำกันในคอลัมน์นี้ มีให้บริการทุกวันศุกร์, เสาร์และวันอาทิตย์ ราคา 750++ บาทต่อคน โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น.ถึงเวลาที่คุณต้องไปชวนเพื่อน พาครอบครัว มานั่งดื่มชาย่านกลางเมืองกันแล้วล่ะ โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้ากันได้เลยที่เบอร์ 02-095-9999