สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการเปิดตัว โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) โฉมใหม่ในวันที่ 27 กันยายน 2567 ซึ่งทางกลุ่มดุสิตธานีได้ประกาศความพร้อมในการเปิดให้บริการโรงแรมระดับตำนานแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากการ Reimagined เพื่อรองรับแขกจากทั่วทุกมุมโลกด้วยบริการและรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิด “An Icon Reimagined”
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสูง 39 ชั้น พร้อมให้บริการห้องพักและห้องสวีทจำนวน 257 ห้อง ที่ออกแบบโดย André Fu Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของเอเชีย รวมถึง Heritage Floor ที่ได้รับการดูแลโดย P49DEESIGN AND ASSOCIATES ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แขกได้สัมผัสถึงทัศนียภาพอันงดงามของสวนลุมพินีและเส้นขอบฟ้ากลางกรุงเทพฯ ผ่านกรอบหน้าต่างกระจกเต็มชิ้นขนาดใหญ่สีทองในทุกห้องพัก สะท้อนความเรียบหรู โอ่อ่า กว้างขวาง ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเอกลักษณ์ของความเป็นไทย กับความสากลทันสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานของนักเดินทางในยุคใหม่ ด้วยพื้นที่ห้องพักมาตรฐานขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตรม. ขึ้นไป
การออกแบบโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ใหม่ เป็นการผสานศิลปะและวัฒนธรรมที่หรูหราเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในฐานะที่เป็น Flagship hotel ของกลุ่มดุสิตธานี โรงแรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่พัก แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและประสบการณ์อันน่าประทับใจ ที่พร้อมให้ผู้เข้าพักสัมผัสความอบอุ่นและความจริงใจที่แฝงอยู่ในทุกมุมของโรงแรม
คุณณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ ดุสิต เอสเตท และรองประธานฝ่ายกลยุทธ์การออกแบบและงานครีเอทีฟ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความท้าทายในการสร้างดุสิตธานีใหม่ ว่า “เรามุ่งมั่นที่จะรักษาแบรนด์และความเป็นตัวตนของดุสิตธานีในทุกการออกแบบ เราต้องการให้ลูกค้าสัมผัสถึงความอบอุ่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา โดยการออกแบบที่เน้นความละเอียดอ่อนและการประณีตทุกรายละเอียด ทั้งการเก็บรักษาชิ้นงานเก่าและการสร้างสรรค์ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีต เชื่อมโยงสู่อนาคต เราต้องการให้ทุกคนรู้สึกถึงความกลมกลืนของช่วงเวลาในทุกพื้นที่ของโรงแรม”
ในขณะเดียวกัน โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เดิม เป็นโรงแรมห้าดาวแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำที่ลึกซึ้ง ทีมงานได้ศึกษาและเก็บข้อมูลรูปแบบดีไซน์เดิมเพื่อนำมาปรับปรุงและนำเสนอในมิติใหม่ ๆ การออกแบบตกแต่งภายในเน้นการใช้โทนสีแบบไทย เช่น การใช้สีเขียวเพื่อสะท้อนถึงสวนลุมพินีที่อยู่ใกล้เคียง หรือการนำลวดลายจาก ‘เส้นสินเทา’ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ในจิตรกรรมฝาผนังของไทย มาประยุกต์ใช้ในงานตกแต่ง เพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหราและสงบเงียบ
การออกแบบอาคารใหม่ได้รับการดูแลโดยบริษัทสถาปนิกชั้นนำอย่าง A49 และ OMA Asia Hong Kong Limited ทำให้ทุกห้องพักสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตาผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน การออกแบบโถงทางเดิน (Single Corridor) ทำให้ทุกพื้นที่มีความสวยงาม และเป็นมากกว่าการแค่กั้นแบ่งพื้นที่ธรรมดา โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ใหม่ จึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และการเชื่อมโยงสู่อนาคต ซึ่งยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมของดุสิตธานีไว้ได้อย่างลงตัว
สมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ได้กล่าวถึงการออกแบบโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โฉมใหม่ว่า “ประวัติศาสตร์ของโรงแรมดุสิตธานีเป็นหัวใจหลักในการออกแบบในครั้งนี้ เรามุ่งเน้นที่จะรักษาเรื่องราวและความทรงจำที่สำคัญของโรงแรมในฐานะโรงแรมแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่มีอายุกว่า 50 ปี และพัฒนาให้ดุสิตธานีกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงเทพฯ ที่จะยืนหยัดอยู่ไปอีก 50 ปีข้างหน้า”
การออกแบบโฉมใหม่ของโรงแรมได้รับการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงโรงแรมเข้ากับบริบทของเมืองกรุงเทพฯ สร้างบทสนทนาใหม่ๆ ระหว่างโรงแรมกับเมือง ผู้คน และท้องถนน การออกแบบนี้สะท้อนถึงการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ที่เน้นการเชื่อมโยงและความโปร่งใส ไม่ได้ปิดกั้นเหมือนอาคารในอดีต สมเกียรติกล่าวว่า “รูฟพาร์คของโครงการนี้ ได้รับการออกแบบให้เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯ แต่ยังตอบสนองความต้องการของคนเมืองที่อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย”
ในการออกแบบฟังก์ชันของอาคาร สมเกียรติอธิบายว่า “เราได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวอาคารจากสามเหลี่ยมเป็นสี่เหลี่ยมสูงถึง 39 ชั้น การออกแบบภายในต้องสอดรับกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ขนาดของห้องพักกว้างขวางขึ้นและเปิดรับวิวพานอรามาของสวนลุมพินีอย่างเต็มที่ผ่านกรอบหน้าต่างสีทอง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของห้องพักใหม่”
นอกจากนี้ รูฟท็อปบาร์และสกายล็อบบี้ยังให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสวิวเมืองที่สวยงาม โดยยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมและจิตวิญญาณของดุสิตธานีที่มีมา 50 ปี เช่น ยอดเสาสีทอง น้ำตก 9 ชั้น สวนเมืองร้อน และงานจิตรกรรมไทยที่อนุรักษ์ไว้เพื่อสานต่อเรื่องราวในอดีต ในบรรยากาศที่คุ้นเคยของแฟนดุสิตธานี นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอดีตและอนาคต ที่ทำให้ดุสิตธานี กรุงเทพฯ โฉมใหม่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความทรงจำที่มีค่า
การกลับมาเปิดให้บริการของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้า แต่ยังเป็นการเสริมสร้างชื่อเสียงและความเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานี ให้เป็นสถานที่ที่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน สัมผัสความหรูหราและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในใจกลางกรุงเทพมหานคร
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความเป็นไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้เข้าพักจากทั่วโลกต่อไป เตรียมพบกับโฉมใหม่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ‘หมุดหมายกรุงเทพฯ” ที่จะมาสร้างความประทับใจให้สมกับการรอคอย เร็ว ๆ นี้ ติดตามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ทาง www.dusit.com/dusitthani-bangkok