“Etcha” ผู้สร้างสรรค์นิยามใหม่ของ Fine Dining ด้วยแนวคิด “Borderless Dining” ที่ปลดปล่อยอาหารจากขอบเขตเดิม ผสานรสชาติและเทคนิคจากทั่วทุกมุมโลก อาหารที่นี่ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกรอบ แต่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างวัตถุดิบคุณภาพสูงและความคิดสร้างสรรค์ ทุกจานถ่ายทอดเรื่องราวผ่านรสชาติและการจัดจานที่ประณีต บนชั้น 7 ของโรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ (Chatrium Grand Bangkok) พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติ
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ร้าน Etcha จะพบกับบรรยากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โทนสีเอิร์ธโทนอบอุ่นตัดกับผ้าม่านพลิ้วไหวที่สร้างมิติและความรู้สึกเคลื่อนไหว ทุกองค์ประกอบออกแบบมาเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความหรูหรา ราวกับโรงละครที่เปิดเวทีให้กับการแสดงของรสชาติอาหาร
ถ้าพูดถึงโรงละครแล้ว อาหารของที่นี่คงเปรียบเสมือนนักแสดง โดยมี เชฟจาโคโม พรีมันเต (Giacomo Primante) เป็นดั่งผู้กำกับที่รังสรรค์รสชาติให้มีชีวิต ทุกจานได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางและการสัมผัสวัตถุดิบท้องถิ่นด้วยตัวเอง ก่อนนำมาผสมผสานกับเทคนิคยุโรปและองค์ประกอบที่คาดไม่ถึง เพื่อสร้างรสชาติที่ลึกซึ้งและน่าจดจำ ทุกคำคือเรื่องราวที่รอให้คุณค้นพบ
360° Tasting Menu ของ Etcha นำเสนอประสบการณ์เต็มรูปแบบผ่าน 11 คอร์สที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน แต่ละจานเปรียบเสมือนบทหนึ่งของเรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านรสชาติและศิลปะการจัดจาน ผสานเทคนิคที่แสดงถึงความประณีตและความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ สำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับ 180° Tasting Menu ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ยังคงเสน่ห์และเอกลักษณ์ของ Etcha ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมพาผู้รับประทานเดินทางไปสู่โลกของรสชาติที่ไร้ขีดจำกัด
แน่นอนว่า SOtraveler เลือกสัมผัส 360° Tasting Menu เริ่มต้นมื้อพิเศษด้วย Small Delicacies สี่คำที่ปลุกอารมณ์ให้พร้อมสำหรับการแสดงแห่งรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นมังคุดกับน้ำยำไทยที่จัดจ้านแต่สดชื่น เปรี้ยวหวานครบรส ทาร์ตปลาอาจิกับคอมบุกรอบที่ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ แฝงความหวานมันและเปรี้ยวที่สมดุล แลงกูสตินกับซอสลาบที่ชูรสเปรี้ยวแบบมีมิติ และหัวปลาซาดีนทอดกรอบที่ภายในซ่อนรสต้มยำเข้มข้น เป็นการเปิดฉากที่สะท้อนถึงแนวคิด Borderless Dining ได้อย่างสมบูรณ์แบบ





ขยับมาที่ Grey Pomfret, Mint, Pomegranate ซึ่งเผยเสน่ห์ของปลาเต๋าเต้ยผ่านกระบวนการ Dry-Aged อย่างพิถีพิถัน ช่วยเสริมรสชาติให้เข้มข้นและเนื้อสัมผัสแน่นแต่นุ่ม เคล้าความสดชื่นจากกรานิต้ามิ้นต์ ตัดด้วยน้ำทับทิมที่มอบรสเปรี้ยวหวานลงตัว

ต่อด้วย Squid, Basil, Caviar ที่สะท้อนถึงความทรงจำวัยเยาว์ของเชฟ ซึ่งเติบโตมากับรสชาติของทะเลและพาสต้า เมนูนี้รังสรรค์พาสต้าปลาหมึกผ่านเทคนิคซาชิมิแบบญี่ปุ่น ผสานเข้ากับซอสเพสโต้เข้มข้นและกะทิไทย สร้างสมดุลระหว่างความหอมมันและความสดชื่นในทุกคำ

Lobster, Curry, Mexican Marigold นำเสนอบริทานี่บลูล็อบสเตอร์จากฝรั่งเศส เสิร์ฟสองรูปแบบที่แตกต่าง ทั้งแบบร้อนคู่กับซอสแกงไทยรสเข้มข้น และแบบเย็นที่ใช้เนื้อส่วนก้ามในรูปแบบทาโก้ เติมมิติด้วยอโวคาโดมูสและซอสน้ำแตงกวาสดชื่น


ต่อด้วย Small Beans, Mango, Apple กับถั่วลันเตาหวานย่าง ล้อมรอบด้วยมะม่วงสุกฉ่ำ มาพร้อมซอสจากพืชพื้นถิ่นภาคอีสาน และกลิ่นหอมจากเฟนเนล ให้รสชาติที่สดชื่นอย่างลงตัว


ห้ามพลาดกับ Ravioli, Quark, Tarragon ราวิโอริสีสันสดใสชวนลิ้มลอง มาพร้อมซอสต้มข่าที่ให้รสนุ่มนวล กลมกล่อม เพิ่มกลิ่นหอมละมุนด้วยชิลลี่ออยที่ยิ่งเสริมให้รสชาติมีมิติมากขึ้น

และ Monkfish, Zucchini Flower, Passion Fruit นำเสนอความพิถีพิถันและตัวตนของเชฟอย่างชัดเจนด้วยเนื้อปลาเนียนแน่นปรุงสุกกำลังดี เสิร์ฟคู่กับซุกินี่และโฟมกาแฟที่หอมละมุน มาพร้อมซอสเสาวรสและส้มที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นลงตัว

พักท้องเล็กน้อยกับ ขนมปังบรียอชเนื้อนุ่ม ละลายทันทีที่ลิ้มรส เสิร์ฟพร้อมเนยเมษาบัทเตอร์ที่มีเอกลักษณ์จากนมวัว “น้องเมษา” เพิ่มมิติด้วยผงใบเมี่ยงที่โรยด้านบน หรือเลือกทานคู่กับครีมชีส บัลซามิก น้ำมันมะกอก และผงพริกไทย สร้างความประทับใจจนคนที่ไม่ใช่ #สายขนมปัง ยังต้องติดใจ


ก่อนเข้าสู่เมนูจานหลักกับ Duck, Carrot, Water Cress เป็ดเนื้อแน่น หนังกรอบหอมอร่อย เสิร์ฟคู่กับแครอทดอง ซอสแครอทเนื้อเนียน และแบล็คโอลีฟ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยซอสจูที่ผสมกะวานสไตล์ไทย สร้างความลงตัวแบบไร้ขอบเขตตามแนวคิด Borderless Dining ได้เป็นอย่างดี

ล้างปากสักหน่อยกับราสเบอร์รี่และซอสจากส้ม ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานสดชื่น ด้านนอกเคลือบด้วยคาเคาบัตเตอร์ และนำไปอบควันเทียนแบบไทย เพิ่มมิติของกลิ่นหอมและสัมผัสที่น่าสนใจ

ก่อนเริ่มเมนูของหวานด้วย Mint, Coconut, Karonda เมนูที่ผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ด้านล่างเป็นซอสมะพร้าวคุชั่นเนื้อเนียนนุ่ม ด้านในซ่อนเจลลี่ใบเตยหอมละมุน ท็อปด้านบนด้วยเชอร์เบทมะม่วงหาวมะนาวโห่และแผ่นกรอบจากผลไม้ชนิดเดียวกัน มอบความหวานเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง

ก่อนเข้าสู่ Black Sourdough, Lotus, Rosemary ที่ผสมผสานวัตถุดิบจากทั้งไทยและต่างประเทศอย่างลงตัว ด้วยมูสดอกบัวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความบริสุทธิ์ของดอกไม้ไทย จับคู่กับไอศกรีมซาวร์โดว์ที่สื่อถึงแนวคิดแห่งการแบ่งปัน เสริมด้วยบิสกิตช็อกโกแลตเนื้อแน่น

ปิดท้ายด้วย Mignardises ห้าคำสุดท้ายที่เติมเต็มประสบการณ์แห่งรสชาติ คำแรกคือฟักทองคัสตาร์ดที่ด้านในซ่อนมังคุด เสิร์ฟบนทาร์ตดอกจอก คำที่สองเป็น Exotic Baba ผสานกับแก้วมังกร เสาวรส และมูสลำไย คำที่สามคือบีทรูทคุกกี้เคลือบลูกพลับ ตัดรสด้วยคาเวียร์ ส่วนคำที่สี่และห้าเป็น Bon Bon Chocolate อันแรกผสานรสส้มและมะแขว่น ส่วนอีกอันปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของมะกรูด เป็นการจบมื้ออาหารที่ครบทุกรสสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ




Etcha คือ Fine Dining แห่งใหม่ที่กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ในกรุงเทพฯ ด้วยแนวคิด Borderless Dining ที่ไร้กรอบ แต่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความอร่อย นอกจากอาหารแต่ละจานที่รังสรรค์อย่างประณีตแล้ว ยังมีเครื่องดื่มและไวน์ที่คัดสรรมาเพื่อเติมเต็มรสชาติให้กับประสบการณ์ในมื้อพิเศษนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เชื่อได้เลยว่า ที่แห่งนี้จะต้องกลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในอนาคตอย่างแน่นอน หากคุณกำลังมองหามื้ออาหารที่เหนือระดับและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ Etcha คือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด พบกับประสบการณ์สุดพิเศษนี้ได้ที่ชั้น 7 ของโรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ (Chatrium Grand Bangkok)
Etcha
- Location: โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ (Chatrium Grand Bangkok)
- Opening Hours: วันอังคาร – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.
- Reservations: 02 126 7999
- Facebook: restaurantetcha
- Instagram: @etchabkk
- Website: https://etchabkk.com/