โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) พร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2563 โซทราเวลเลอร์ขอชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับ 4 ร้านอาหารที่พร้อมต้อนรับทุกท่านสู่การสังสรรค์อย่างมีสไตล์ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันที่ 18 ธันวาคม นี้ ประกอบไปด้วย รีวา เดล ฟีอูเม ริสตัวรอนเต (RIVA DEL FIUME RISTORANTE), หยู้ ทิง หย้วน (YU TING YUAN), บราสเซอรี่ ปามมิเย่ (BRASSERIE PALMIER) และ บางกอก โซเชียล คลับ (BKK SOCIAL CLUB)
RIVA DEL FIUME RISTORANTE
รีวา เดล ฟีอูเม ริสตัวรอนเต (RIVA DEL FIUME RISTORANTE) ร้านอาหารอิตาเลี่ยนรสชาติต้นตำรับ เลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล ในบรรยากาศอบอุ่นและครึกครื้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ในขณะที่สายลมพริ้วพัดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แสงแดดทอดผ่านแนวระเบียงที่ลดหลั่นอย่างสวยงาม สะท้อนกับผิวน้ำเป็นประกายประดุจผลงานจิตรกรรมชิ้นเอก คงเป็นเรื่องไม่ยากที่จะตกหลุมรักเสน่ห์ที่คล้ายกับทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ที่ร้าน รีวา เดล ฟีอูเม (Riva del Fiume Ristorante) ร้านอาหารอิตาเลียนริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองแต่น่าค้นหา สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเราผ่านครัวที่เปิดโล่ง ที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจและความกระตือรือร้นของพนักงานทุกคนตั้งแต่ก้าวแรกที่ท่านก้าวเข้ามา
“ร้านรีวา เดล ฟีอูเม ต้องการนำที่สุดของประเทศอิตาลีมาไว้ที่ประเทศไทย ในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย แต่ยังคงความเป็นต้นตำหรับ” เชฟแอนเดรีย กล่าว “อาหารแต่ละจานบอกเล่าเรื่องราว ทั้งที่เกี่ยวกับวัตถุดิบ เรื่องราวของครอบครัวและเพื่อนฝูง เรื่องราวของความรัก ในแต่ละสูตรอาหารล้วนสื่อให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ และการพัฒนาที่เกิดขึ้นในห้องครัวทั่วประเทศอิตาลี ผมพยายามอย่างยิ่งในการรักษาแก่นแท้ของอาหารแต่ละจาน ที่คัดสรรมาเสิร์ฟที่กรุงเทพฯ”
เมนูอาหารของเราพร้อมพาทุกท่านเดินทางทั่วประเทศอิตาลี ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ ด้วยสูตรอาหารต้นตำหรับของเชฟแอนเดรีย ที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ด้วยวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมและสูตรอาหารต้นตำหรับ ทำให้ อาหาร คือ ตัวละครเอกของร้าน “พวกเราได้ใช้เวลายาวนานในการเลือกสรรผู้ผลิตและแหล่งวัตถุดิบจากทั่วประเทศอิตาลี เพื่อค้นหาวัตถุดิบที่รสชาติดีที่สุด” เชฟแอนเดรียกล่าวเพิ่มเติม “ตั้งแต่น้ำมันมะกอกแบบเอ๊กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (extra virgin olive oil) ที่หาจากที่อื่นไม่ได้นอกจากที่ Tasca d’Almerita ไปจนถึงเคเปอร์ (capers) คุณภาพดีที่สุดจากเกาะเล็ก ๆ ในซิซิลี (Sicily) ที่ชื่อปันเตลเลเรีย (Pantelleria) และพริกแห้งทอด (cruschi) จากเมืองเซนิเซ้ (Senise) ในแคว้นบาซิลิกาตา (Basilicata) ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี พวกเราตั้งใจสร้างสรรค์สูตรอาหารอิตาเลี่ยนต้นตำหรับในราคาที่เหมาะสม ให้แขกทุกท่านได้มีโอกาสลิ้มรสผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยทีมงานมากฝีมือที่เราเป็นผู้เลือกสรรด้วยตนเอง”
ครูโด้ (crudo) หรืออาหารทะเลหมักสดแบบอิตาเลี่ยนถูกบรรจงจัดให้เป็นหัวใจหลักของเมนูอาหาร สื่อให้เห็นถึงความสามารถของทีมงาน และความล้ำลึกของวัตถุดิบที่สดใหม่ เติมเต็มเมนูด้วยเส้นพาสต้าทำมือ แป้ง schiacciata และกูร์เมต์ พิซซ่าอบร้อน ๆ กลิ่นและรสชาติของอาหารที่เสิร์ฟในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมให้ท่านแบ่งปันความสุขกับคนรอบข้าง ประกอบกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของผู้คนในร้าน หลอมรวมเป็นความสุนทรีย์ที่ดื่มด่ำได้จากทุกสัมผัส
อีกปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ คือ เครื่องดื่มที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์ของทุกท่าน ทั้งไวน์ที่ผลิตจากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ตามท้องถิ่นของอิตาลี ไวน์ลิสต์ถูกบรรจงคัดสรรโดย คุณมาริโน บราซู (Marino Braccu) ไวน์ คิวเรเตอร์ และเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยรูปแบบอิตาเลี่ยน (Aperitivo) พร้อมเครื่องดื่มหลังมื้ออาหาร (Digestivo) อย่าง ลิมอนเชลโล (Limoncello) ที่ผลิตอย่างพิถีพิถันในจำนวนที่จำกัด ด้วยสูตรเฉพาะจากเกาะซิซิลีที่ส่งต่อมาหลายช่วงอายุคนภายในครอบครัวของคุณมิเกเล่ ออดิโน่ (Michele Audino) ผู้จัดการร้านอาหารเท่านั้น ถือเป็นการส่งท้ายมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ
พื้นที่และครัวเปิดของเราแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและฝีมือของทีมงานขณะรังสรรค์อาหารจานพิเศษ แสงธรรมชาติช่วยเติมเต็มความอบอุ่นภายในร้าน ในขณะที่พื้นที่ระเบียงริมน้ำทั้งสี่ระดับ เชื้อเชิญให้ทุกท่านร่วมรับประทานอาหารในพื้นที่เปิดโล่งแบบ al fresco พร้อมเพลิดเพลินไปกับมนต์เสน่ห์ของแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามประดุจภาพวาด ราวกับบรรยากาศริมทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) สถานที่พักผ่อนยอดนิยมในประเทศอิตาลี
YU TING YUAN
หยู้ ทิง หย้วน (YU TING YUAN) ห้องอาหารซิกเนเจอร์ของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมเปิดม่านประสบการณ์บทใหม่ของอาหารจีนกว้างตุ้งต้นตำรับ
ด้วยผลงานการออกแบบโดยฌอง-มิเชล กาธีย์ (Jean-Michel Gathy) ที่นำความงดงามอันเหนือกาลเวลาของงานเซรามิกแบบร่วมสมัย ผสมผสานกับเสน่ห์นามธรรมของศิลปะแบบโมเดิร์น รังสรรค์ให้ห้องอาหารมีความงดงามวิจิตรตระการตา
ก้าวแรกที่ท่านได้มาถึง หยู้ ทิง หย้วน ห้องอาหารซิกเนเจอร์ของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวทีแห่งนี้พร้อมแล้วด้วยหน้าต่างบานใหญ่ที่มีความสูงจากพื้นถึงเพดานเผยให้เห็นถึงบรรยกาศของสวนหย่อมและสระน้ำอันงดงาม ตกแต่งด้วยผลงานประติมากรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และผืนน้ำ สะท้อนแสงตะวันในยามกลางวันและส่องสว่างคู่แสงจันทร์ในยามค่ำคืน
การตกแต่งภายในเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมจีนประเพณีที่ถูกนำเสนอในรูปแบบทันสมัย ประดับด้วยโคมไฟที่งดงาม และผลงานศิลปกรรมร่วมสมัย แสงและเงาสอดประสานกันเพื่อเนรมิตบรรยากาศภายใน เป็นสุนทรียภาพที่ก่อให้เกิดนิยามใหม่ของอาหารห้องจีนกวางตุ้งแบบโมเดิร์น ผลงานการออกแบบของฌอง-มิเชล กาธีย์ (Jean-Michel Gathy) นักออกแบบชื่อดัง
เชฟ ชิว เซียวกุย (Qiu Xiaogui) หัวหน้าพ่อครัว และทีมงาน พร้อมเติมเต็มองค์ประกอบของการออกแบบ ด้วยอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับและอาหารจีนยอดนิยมตามภูมิภาคโดยใช้ส่วนผสมและส่วนประกอบที่สดใหม่ และการนำสนออย่างประณีต เพื่อให้ได้สัมผัสทั้งรสชาติและความสวยงาม“ผมและทีมงานมีประสบการณ์ในการทำอาหารกวางตุ้งรวมกันมากกว่า 109 ปี” เชฟ เซียวกุยกล่าว “ศิลปะในการปรุงอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำหรับนั้นอยู่ที่ฝีมือและส่วนผสม ตั้งแต่การคัดสรรส่วนผสม กระบวนการหั่นผัก วิธีการย่างบนบาร์บีคิว หรือแม้แต่การจัดจาน เทคนิคเหล่านี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปีจนกว่าจะชำนาญ”
ความพิถีพิถันและฝีมือที่เชี่ยวชาญ คือ หัวใจหลักของอาหารจีนกวางตุ้งระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับอาหารทะเลสดและหอยเป๋าฮื้อที่มีให้เลือกสรรมากมาย ผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ประจำภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เป็ดปักกิ่งและอาหารประเภทบาร์บีคิวที่หลากหลาย รวมไปถึงเมนูหลักในช่วงอาหารกลางวัน อย่างติ่มซำที่ปรุงใหม่ เสิร์ฟร้อนถึงโต๊ะของทุกท่าน
เชฟ ชิว เซียวกุย (Qiu Xiaogui) หัวหน้าพ่อครัว และทีมงาน พร้อมเติมเต็มองค์ประกอบของการออกแบบ ด้วยอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับและอาหารจีนยอดนิยมตามภูมิภาคโดยใช้ส่วนผสมและส่วนประกอบที่สดใหม่ และการนำสนออย่างประณีต เพื่อให้ได้สัมผัสทั้งรสชาติและความสวยงาม “ผมและทีมงานมีประสบการณ์ในการทำอาหารกวางตุ้งรวมกันมากกว่า 109 ปี” เชฟ เซียวกุยกล่าว “ศิลปะในการปรุงอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำหรับนั้นอยู่ที่ฝีมือและส่วนผสม ตั้งแต่การคัดสรรส่วนผสม กระบวนการหั่นผัก วิธีการย่างบนบาร์บีคิว หรือแม้แต่การจัดจาน เทคนิคเหล่านี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปีจนกว่าจะชำนาญ”
ความพิถีพิถันและฝีมือที่เชี่ยวชาญ คือ หัวใจหลักของอาหารจีนกวางตุ้งระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับอาหารทะเลสดและหอยเป๋าฮื้อที่มีให้เลือกสรรมากมาย ผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ประจำภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เป็ดปักกิ่งและอาหารประเภทบาร์บีคิวที่หลากหลาย รวมไปถึงเมนูหลักในช่วงอาหารกลางวัน อย่างติ่มซำที่ปรุงใหม่ เสิร์ฟร้อนถึงโต๊ะของทุกท่าน
เชฟเซียวกุยและทีมงานนานาชาติทั้งสี่ของเขามีประสบการณ์ในการปรุงอาหารร่วมกันมากกว่า 8 ปี เซฟทุกท่านล้วนแต่มีส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์อาหาร และร่วมนำทัพทีมงานทั้งจากทั้งในและต่างประเทศ
- เชฟ หลิว โกวคุน (Liu Guokun) หัวหน้าเชฟบาร์บีคิว เจ้าของรางวัลมากมาย ผู้มีประสบการณ์ด้านบาร์บีคิวมากว่า 27 ปี “เชฟโกวคุน คือ เชฟบาร์บีคิวที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย พรสวรรค์ในการย่างของเขา สามารถดึงรสชาติที่ดีที่สุดออกมาจากเนื้อทุกชิ้น” เชฟเซียวกุยกล่าว
- เชฟ หวาง หยูเฉิง (Wang Yucheng) หัวหน้าเชฟติ่มซำ ผู้มีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการสร้างสรรค์ติ่มซำที่แปลกใหม่โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ดั้งเดิม เชฟเซียวกุยกล่าวว่า “ติ่มซำทุกชิ้น คือ งานฝีมือ ที่เชฟหยูเฉิงบรรจงประดิษฐ์ประดอยขึ้นมาอย่างสร้างสรรค์ แต่ยังรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของติ่มซำแบบดั้งเดิม”
- เชฟ ลี บู๊เต๋อ (Li Bude) เซฟกระทะหนึ่งผู้มีประสบการณ์หน้าเตามากกว่า 17 ปี
- เชฟ หม่า ซินบิน (Ma Xinbin) เชฟเขียงหนึ่ง ผู้ใช้ประสบการณ์ร่วม 14 ปีของเขาในการจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อการปรุงอาหารที่สมบูรณ์แบบ
“พวกเราเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเปิดห้องอาหารหยู้ ทิง หย้วน และเราตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสนำทุกท่านไปสัมผัสถึงความ ความรักในอาหารจีนกวางตุ้งของพวกเรา ทีมงานของเราประกอบด้วยบุคลากรมากความรู้และความสามารถในการปรุงอาหารจีนกวางตุ้ง จากทั้งในไทยและต่างประเทศ ทีม ๆ นี้ คือ ทีมที่ดีที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” เชฟเซียวกุยกล่าวเพิ่มติม
สุดท้าย เพื่อความสมบูรณ์แบบของมื้ออาหาร ซอมเมอลิเยร์ประจำห้องอาหารพร้อมเชิญชวนทุกท่านร่วมเดินทางและเพลิดเพลินไปกับการเลือกสรรไวน์คู่กับมื้ออาหารในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม ด้วยไวน์นานาชาติกว่า 300 ชนิด ที่ผ่านการเลือกสรรทั้งจากโลกเก่าและโลกใหม่ ไม่ว่าท่านจะนิยมชมชอบไวน์ในรูปแบบไหน ไวน์แต่ละขวดจะพาท่านเข้าถึงเรื่องราวของไวน์คุณภาพจากทุกภูมิภาคทั่วโลก เป็นความสุนทรีย์ราวกับไปเยี่ยมเยือนแหล่งกำเนิดของไวน์ขวดนั้นด้วยตัวท่านเอง
BRASSERIE PALMIER
บราสเซอรี่ ปามมิเย่ (BRASSERIE PALMIER) ร้านอาหารฝรั่งเศสรูปแบบบราสเซอรี่ริมแม่น้ำ ในบรรยากาศสบายชวนนั่ง และเป็นกันเอง เน้นเมนูจากปลาและอาหารทะเลที่ใส่ใจปรุงอย่างละมุนละไม
ตั้งอยู่ในบริเวณ ริเวอร์ฟรอนต์ พรอมานาด ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านอาหารฝรั่งเศสแบบบราสเซอรี่แห่งนี้พร้อมสะกดคุณให้หลงใหลไปกับบรรยากาศสบาย ๆ แบบเขตร้อนของประเทศฝรั่งเศส พร้อมเสิร์ฟอาหารเมนูคลาสสิคของบราสเซอรี่สไตล์ฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยเมนูอาหารที่เน้าการใช้ปลาและอาหารทะเลเป็นส่วนประกอบ ที่ปรุงอย่างละมุนละไมให้เข้ากับบรรยากาศเขตร้อน
ลองจินตนาการถึงภาพใบไม้ที่เขียวชอุ่ม ลานริมแม่น้ำที่ร่มรื่น หอยนางรมสดและไวน์รสชาติดี บรรยากาศของ บราสเซอรี่แบบฝรั่งเศส ทุกอย่างที่ได้กล่าวมาคือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสที่ร้านบราสเซอรี่ ปามมิเย่ (Brasserie Palmier)ด้วยที่ตั้งของร้านอยู่บริเวณใกล้เคียงกับตลาดสะพานปลาที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ ทำให้ปลาและอาหารทะเลเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของรายการอาหาร และเน้นให้อาหารของทางร้านมีรสชาติที่เข้ากับบรรยากาศของเมืองเขตร้อนอย่างกรุงเทพฯ โดยไม่ทิ้งความเป็นอาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำหรับ
เมื่อครั้งชาวฝรั่งเศสเดินทางมาถึงประเทศไทยครั้งแรก รูปแบบการรับประทานอาหาร และอาหารของพวกเขาเปลี่ยนไปตามบรรยากาศเขตร้อน ทำให้ปลาและอาหารทะเลกลายมาเป็นส่วนสำคัญของมื้ออาหาร ซอสต่าง ๆ มีรสชาติที่เบาขึ้น และมีการประยุกต์วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อนำมาประกอบอาหาร เชฟนิโคลัส เรย์นัล (Nicolas Raynal) หัวหน้าเชฟ ของบราสเซอรี่ ปามมิเย่ (Brasserie Palmier)ต้องการนำเสนอรสชาติอีกด้านของอาหารฝรั่งเศสที่ไม่หนักและละมุนละไม
“รายการอาหารของเราสามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก เราเสิร์ฟทั้งหอยนางรม ซีฟู้ดทาวเวอร์ (Seafood Tower) รายอาหารที่มีปลาเป็นวัตถุดิบหลักที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซอสทาร์ทาร์ และสลัดที่หลากลาย โดยยังคงความเป็นอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิค” เชฟนิโคลัสกล่าว “ไม่ว่าคุณจะเลือกลิ้มลองอาหารใหม่ ๆ หรือว่ารับประทานอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด สำหรับการรับประทานอาหารมื้อเย็นในบรรยากาศสบาย ๆ”
บาร์หอยนางรมสดและไวน์ คืออีกหนึ่งในหัวใจหลักของร้านที่ได้รับการคัดสรรและส่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศส รายการอาหารได้รับการออกแบบมาให้สามารถรับประทานร่วมกันได้ โดยรายการอาหารเด่นของทางร้านจะมีทั้งซีฟู้ดทาวเวอร์ และรายการอาหารพิเศษประจำวัน (Le plat du jour) และขนมพายผีเสื้อ (Palmiers)ชาติรสหวานกลมกล่อม ช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศที่เอื้อต่อการสังสรรค์
“เรามีอาหารหลายเมนูที่จะนำไปปรุงสดถึงโต๊ะของแขก” เชฟนิโคลัสกล่าว “ทีมงานของเรา ทั้งในครัวและนอกครัว พร้อมมีส่วนร่วมกับแขกของร้านทุกท่าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและเป็นกันเอง เหมาะสมกับการผ่อนคลาย ทั้งจะนั่งจิบไวน์และรับประทานหอยนางรมที่บาร์ หรือรับประทานอาหารสามคอร์สที่นั่งด้านนอกใกล้แม่น้ำ เพื่อซึมซับบรรยากาศของอันรื่นรมย์แม่น้ำเจ้าพระยา”
ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ร้านบราสเซอรี่ ปามมิเย่ พร้อมจัดเตรียมอาหารเช้าแบบอะลาคาร์ท (a la carte)ไว้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 – 12.00 น. “รายการอาหารเช้าของเราประกอบไปด้วยอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ที่คุณสามารถพบได้ในร้านคาเฟ่ที่ประเทศฝรั่งเศส ทั้ง ขนมอบ ขนมปังที่อบใหม่ ๆ ไปจนถึงเครป และคร็อก-เมอซีเยอ (croque monsieur)” นิโคลัส กอนเธียร์ (Nicolas Gonthier)ผู้จัดการร้าน กล่าวเสริม “บรรยากาศยามเช้าบริเวณริมแม่น้ำสวยงามมาก ยิ่งไปว่านั้น ถ้าคุณได้ใช้เวลาลิ้มรสอาหารเช้าไปพร้อมกับซึบซับบรรยากาศของแม่น้ำ ผมเรียกสิ่งนั้นว่า เป็นเช้าวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ”
บริษัทอาฟโรโค่ (AvroKo) เป็นผู้ออกแบบร้านอาหารบราสเซอรี่ ปามมิเย่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศเขตร้อนของประเทศฝรั่งเศส ความร่มรื่นของพรรณไม้และเหล่ามวลไม้ในกระถาง ผสมผสานกับการออกแบบในรูปแบบโคโลเนียลและโมเดิร์นที่แทรกซึมอยู่ในทุกอนู ช่วยเสริมสร้างให้เกิดความเพลิดเพลินในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น
BKK SOCIAL CLUB
บางกอก โซเชียล คลับ (BKK SOCIAL CLUB) โซเชียลบาร์แห่งใหม่ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งพลังและความมีชีวิตชีวาของกรุงบัวโนสไอเรส
“ฟิลิป บิชอป” (Philip Bischoff) ผู้จัดการด้านเครื่องดื่ม และผู้ทรงอิทธิพลของวงการบาร์ พร้อมบรรจงรังสรรค์บีสโป๊ก ค็อกเทล และ เหล้าสปิริตชั้นเยี่ยมที่ได้รับการเลือกไว้ที่บาร์แห่งใหม่ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
บางกอก โซเชียล คลับ (BKK Social Club) ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เฉลิมฉลองมนต์เสน่ห์ในยุคทองแห่งกรุงบัวโนสไอเรส และความมีชีวิตชีวาของกรุงเทพมหานคร ดีไซน์ที่สดใสเย้ายวนใจพร้อมสร้างบรรยากาศตั้งแต่วินาทีแรกที่ท่านเข้ามา บาร์ที่ดูน่าค้นหาจัดแสดงคอลเล็คชั่นเหล้าสปิริตที่พร้อมสะกดทุกสายตา เหล่าพรรณไม้ที่ผลิโรยตัวลงมาจากโคมไฟระย้า และระดับชั้นของเสาระเบียงเชื้อเชิญให้ทุกท่านได้เข้าไปสำรวจทุกมุมมองค็อกเทล บาร์ ตกแต่งด้วยที่นั่งกำมะหยี่สีเขียวที่มีพนักพิงสูงถึงเพดาน และคอร์ทยาร์ดที่มีที่นั่งด้านนอกอีกสองด้านที่สัมผัสบรรยากาศสวน เซ็นทรัล คอร์ทยาร์ดของโรงแรมที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์
ฟิลิป บิชอป ผู้จัดการด้านเครื่องดื่ม ผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของวงการบาร์ในประเทศไทย และรั้งอันดับที่ 70 ของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสาร Drinks International ได้ใช้ศิลปะในศาสตร์ mixology เนรมิตค็อกเทลสูตรพิเศษที่ผสมผสานวัฒนธรรมการดื่มของทวีปอเมริกาใต้และความเป็นไทยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
“ชีวิตของผู้คนในกรุงบัวโนสไอเรสและกรุงเทพฯ มีการสังสรรค์เป็นศูนย์กลาง” ฟิลิป กล่าว “ซึ่งความรักในการสังสรรค์นี้ล่ะ คือ สิ่งที่เชื่อมพวกเราเข้าหากัน และทำให้มหานครทั้งสองแห่งกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญ บางกอก โซเชียล คลับ จึงอยากจะเน้นความสำคัญให้กับสิ่งนี้ไห้ออกมาได้อย่างงดงาม สดใส และมีชีวิตชีวา ดังนั้นบางกอก โซเชียล คลับ จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนัดพบปะสังสรรค์”
ความรอบรู้ชำนาญของบาร์เทนเดอร์นั้นถูกจัดแสดงผ่านฝีมือการผสมค็อกเทล และแชมเปญจากผู้ผลิตที่มีไว้ให้เลือกสรร ท่านสามารถดื่มด่ำไปกับค็อกเทลที่เป็นที่นิยม รวมถึงเหล้าสปิริตที่ผลิตด้วยความประณีตดั่งงานฝีมือ โดยผู้ผลิตขนาดเล็กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการผลิตทุกขั้นตอน (Artisanal Spirits) และซิการ์จากคิวบา
“ถึงแม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่วัฒนธรรมของกรุงบัวโนสไอเรสและกรุงเทพมหานครฯ ต่างให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิต ช่วงเวลาแห่งความสุขและเครื่องดื่มรสเลิศ” ฟิลิปกล่าว “เมนูของเราเน้นย้ำในเรื่องนี้ และพร้อมนำทุกท่านเดินทางย้อนสู่ช่วงเวลาในอดีตของกรุงบัวโนสไอเรสผ่านเรื่องราวของ ผู้คน (People), สถานที่ (Places) และงานรื่นเริงสังสรรค์ (Parties)” ปิดท้ายรายการด้วยบอทเทิลค็อกเทล (Bottled Cocktail) ซิกเนเจอร์ของทางบาร์ ที่จะเสิร์ฟพร้อมกับเมนูเครื่องดื่มสำหรับทุกท่านที่ตั้งใจสังสรรค์แบบเป็นกลุ่ม ท่านจะได้พบกับค็อกเทลชั้นเลิศที่เราสร้างสรรค์ขึ้นในขวดบรรจุที่มีให้เลือกในขนาดสามปริมาณ (500ml, 1,000ml 3,000ml) โดยเมนูสำหรับบอทเทิลค็อกเทลนั้นฟิลิปได้คัดสรรแล้วว่าจะทำให้ใช้ช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ของท่านสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ยังมีลิสต์แชมเปญหลากหลายที่พร้อมให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ถือเป็นการเริ่มต้นค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบ
บริษัทอาฟโรโค่ (AvroKo) เป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบบางกอก โซเชียล คลับแห่งนี้ ในส่วนของค็อกเทลบาร์ นั้นมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของประเทศอาร์เจนตินา และยังทำหน้าที่เชื่อมต่อคอร์ทยาร์ดกึ่งกลางแจ้งทั้งสองไว้ด้วยกัน โดยฝั่งหนึ่งของคอร์ทยาร์ดเป็นสถานที่สำหรับชาวกรุงผู้หลงใหลในซิการ์ ในขณะที่อีกฝั่งนำเสนอพื้นที่สุดสมบูรณ์แบบสำหรับการพบปะสังสรรค์ พร้อมดื่มด่ำไปกับแชมเปญและบอทเทิลค็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ของบาร์