เสียงหัวใจของนักชิมอย่างเรามันเรียกร้องทันที เมื่อทราบว่า โรงแรมสุดหรูอย่าง “ชาเทรียม แกรนด์กรุงเทพ” (Chatrium Grand Bangkok) ได้สรรค์สร้างร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งชั้นยอดอย่าง “Casia” (คาเซีย) เพื่อนำเสนอแนวอาหารฝรั่งเศสยุคใหม่ กับคำนิยาม “French Finesse in The Heart of Siam” ที่มีความหมายว่า อาหารฝรั่งเศสสุดล้ำเลิศใจกลางสยาม งานนี้คาเซียได้นำเอกลักษณ์และกลิ่นอายของ French Riviera มาใส่ไว้ในทุก ๆ เมนูอย่างพิถีพิถันและตั้งใจ
หลังจาก “Casia” เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา กระแสตอบรับจากเหล่าผู้ชื่นชอบอาหารสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งก็บอกต่อกันเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสแรกที่ก้าวเข้าสู่คาเซีย ความประทับใจก็เกิดขึ้นกับบรรยากาศ ความหรูหราและคลาสสิก ผสานความผ่อนคลายและเป็นกันเอง ของสไตล์ฝรั่งเศส-เมดิเตอร์เรเนียน เสมือนไปนั่งทานมื้ออาหารสุดพิเศษในฝรั่งเศสตอนใต้ที่สวยงาม และมีมนตร์เสน่ห์
“Casia” เอาใจนักชิมอย่างเรา ๆ ด้วยการคัดสรรวัตถุนำเข้าของผู้ผลิตชั้นนำจากทั่วยุโรป นำมาผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยที่สดใหม่ มารังสรรค์เมนูระดับพรีเมียม เพื่อสะท้อนถึงความสวยงามและรสชาติที่ตราตรึงแบบ French Riviera
รู้จักคาเซียแล้ว จะไม่รู้จักผู้รังสรรค์ร้านแห่งนี้คงจะไม่ได้ เพราะ “Casia” ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากเมืองเอวิยง (Évian) อย่าง เชฟเจอโรม บอนดาซ (Jerome Bondaz) มือขวาเชฟระดับโลก จากร้านมิชลิน และร้านอาหารระดับตำนานหลายแห่ง
ด้วยความใส่ใจในการแสวงหาวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในประเทศไทย เชฟเจอโรม ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับฟาร์มปศุสัตว์ สวนผักและผลไม้ออร์แกนิก รวมถึงประมงขนาดเล็ก เพื่อเน้นการหาผลิตผลตามแนวคิดการทำอุตสาหกรรมและธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อนำมาจับคู่กับวัตถุดิบนำเข้าระดับพรีเมียม จนได้ออกมาเป็นเมนูที่ประณีตใส่ใจและคงความเป็นรสชาติต้นตำรับอย่างแท้จริง เกริ่นกันมาซะยาว เสียงท้องเริ่มร้องเตือน ฉะนั้นอย่ารอช้า… เรามาเปิดประสบการณ์แรกใน คาเชีย กันเลยดีกว่า
เริ่มจานแรกด้วย Amuse Bouche กับเมนู “Notes of the Moment” ที่แบ่งออกเป็น 3 คำ ที่รสชาติแตกต่างกัน แต่ลงตัว กับคำแรก Potato Espuma ด้วยความหอมของมันฝรั่งกรอบ ๆ เลม่อน และพริกไทย ให้รสครีมมี่ และเปรี้ยวอมหวานสดชื่น ปิดท้ายด้วยเค็มแสนละมุนจากคาเวียร์ ผสมผสานรสชาติได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยคำถัดไป Hamachi Tart กับสัมผัสแรกของแป้งกรอบกำลังดี เนื้อปลาฮามาจิได้กลิ่นหอมรมควันนิด ๆ รสชาติเค็มอมหวาน ได้รสเปรี้ยว ๆ ของเลม่อน เสริมความอร่อยให้มากขึ้นไปอีก ปิดท้ายเมนูด้วย Wrap Prawn Ravioli ตัวราวิโอลิแป้งเบาบาง ไส้มีความหวานจากเนื้อกุ้งคาบัชโช่ รสเค็มอมหวานเสริมกลิ่นซิตรัสอ่อน ๆ เข้าไป เสริมให้คำนี้อร่อยอย่าบอกใคร
เป็นจานสลัดที่อลังการดีจริง ๆ ด้วยรสชาติที่ทานง่าย รสชาติเบา ๆ จานนี้ได้รับการแนะนำให้เริ่มทานจากรสที่เบาที่สุดไปหาหนัก หมายถึงให้เริ่มทานสลัดร็อคเกตที่มีรสเป็นเอกลักษณ์ก่อน ตามด้วยรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ ของบัลซามิกที่เคลือบมาบนเนื้อปลา ปิดท้ายด้วยรสครีมมี่ของซอสชีสในแป้งเนื้อบางกรอบ เป็นจานที่ผสมผสานลงตัวจริง ๆ
จานถัดมา ติ่นตากับเมนูหอย เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส Pil Pil ซอสอันโด่งดังของแคว้น Basque ในสเปน รสชาติของจานนี้เริ่มมีสีสันด้วยความเผ็ดร้อนเบา ๆ เนื้อหอยหนุบหนับปรุงมาสุกกำลังดีไม่เหนียว สัมผัสหนึบ ๆ ตัดกับความนุ่มของถั่วฟาว่ารสหวาน ๆ บวกกับความกรุบกรอบของสาหร่าย เพิ่มเติมรสเปรี้ยวอมหวานจากเห็ด Chanterelle ดอง ตบท้ายด้วยรสชาติมัน ๆ คล้ายเนยกระเทียมจากซอส โดยรวมจานนี้มีองค์ประกอบของรสชาติที่หลากหลาย แต่สามารถนำมารวมกันจนมีความกลมกล่อมแบบนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ
แล้วก็มาถึงจานปลาหมึกของโปรดสักที จานนี้มีการใช้กรรมวิธี A La Brasa แบบสเปน เทกเจอร์ที่ได้จากเนื้อปลาหมึกจะมีความกรุบนิด ๆ เนื้อไม่เหนียวไป และได้กลิ่นหอม ๆ จากการซอส Jus รมควัน ที่ราดมา ทำให้รสชาติเข้มข้นได้กลิ่นทะเลนิด ๆ รมควันหน่อย ๆ เสิร์ฟมาพร้อม Zuchini Confit, Tomato Confit และดอก Zuchini ยัดไส้ Shallot รสชาติชวนฝัน อร่อยมาก ๆ เป็นจานเบา ๆ ก่อนเข้าสู่จานหลักจริง ๆ
เมนูขาลูกวัว ที่ผ่านการตุ๋นข้ามคืน จนรสชาติเข้าเนื้อ และให้ซอสรสชาติเข้มข้นเคลือบเนื้อนุ่ม ๆ ที่แทบจะละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมผักตามฤดูกาล
เมนูปลา ที่เสิร์ฟปลามาคู่กับซุป Bouillabaisse Reduction และ บาเกต รสชาติเข้มข้น ตัวเนื้อ Langustine นำเสนอออกมาได้ดีมาก เนื้อสวยไม่เละ ความสุกที่เหมาะสม เป็นแลงกุสตีนที่ดีที่สุดจานนึงที่เคยได้ลิ้มลองมา ในส่วนของเครื่องเคียง Rui sauce, Picada เฮเซลนัทพริก, Aloli ส่วนประกอบที่ลงตัวเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูนี้ได้ดี
เมนูนกพิราบ ว้าวมากสำหรับจานนี้ กับการนำขานกพิราบไป Confit และ รมควัน ก่อนราดด้วยซอส Pigeon Jus ทานคู่กับ ผักยัดไส้ และ แครอทซอยเป็นเลเยอร์ ตัวเนื้อปรุงออกมาได้กำลังดี และรสชาติลงตัวแบบนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะทำเมนูนกพิราบให้ออกมาน่าทานได้ขนาดนี้ อร่อยมาก ๆ เลย
ถ้าให้พูดถึงซีสของที่นี่ บอกเลยว่าคือสวรรค์ดี ๆ นี่เอง ด้วยความหลากหลายของชนิดชีสที่มีให้เลือก สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแน่นอน
คั่นด้วยเมนูซอร์เบต์ล้างปากก่อนเข้าเมนูขนมหวาน
ปิดท้ายมื้อสุดวิเศษ กับเมนูของหวาน อย่างสตรอว์เบอร์รีและพิตาชิโอ้ ที่มอบความสดชื่น ด้วยความเย็นจากเกล็ดน้ำแข็ง เรียกว่าเป็นตัวจบมื้อสุดพิเศษนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
“Casia” มอบประสบการณ์ไฟน์ไดน์นิ่งที่ยอดเยี่ยมให้กับนักชิมได้เป็นอย่างดี ด้วยเมนูที่ถูกคิดถูกคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ผ่านการปรุงด้วยใจของเซฟ Jerome Bondaz จนออกมาเป็นเมนูแสนวิเศษแบบนี้ สัมผัสประสบการณ์ “French Finesse in the Heart of Siam” ที่ห้องอาหาร Casia ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งฝรั่งเศสอันหรูหราแห่งนี้ ยังเหมาะสำหรับโอกาสเฉลิมฉลองพิเศษ หรือมื้อธุรกิจที่จะสร้างความประทับใจให้กับคู่ค้า ไปจนถึงมื้ออาหารของครอบครัว และค่ำคืนอันดื่มด่ำของคู่รักที่น่าจดจำ
สัมผัสประสบการณ์ “French Finesse in the Heart of Siam” ที่ห้องอาหาร Casia สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02 126 7999