วันนี้เราขอพาทุกคนมาเปลี่ยนรสชาติ เพิ่มระดับความจัดจ้านด้วยอาหารอินเดียที่ร้าน Indus (อินดัส) สุขุมวิท 26 หรือย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งที่นี่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี สร้างความประทับใจให้เหล่าคนรักอาหารอินเดียมาแล้วมากมาย ภายใต้ความตั้งใจของคุณสิธ เซกาล – เจ้าของร้าน ที่ต้องการสร้างร้านอาหารอินเดียที่ดีที่สุด ครบทั้งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รสชาติตามแบบฉบับ พร้อมยกระดับทุกเมนูให้ดูสร้างสรรค์ และทันสมัยมากยิ่งขึ้น การันตีด้วยรางวัล Michelin Plate 3 ปีซ้อน (2018 – 2020) หากอยากรู้แล้วว่าประสบการณ์ทานอาหารอินเดียที่ Indus ครั้งนี้เป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลย
ลิ้มรสอาหารในบรรยากาศ Art Deco house
บ้านสีขาวหลังใหญ่ในสถาปัตยกรรมยุค 60s โอบล้อมด้วยสวนสีเขียวขจี ถูกดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ของร้านอาหาร Indus พร้อมเสริมกลิ่นอายความเป็นอินเดียให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสตั้งแต่ประตูไม้บริเวณทางเข้า ยาวไปจนถึงห้องอาหารที่มีภาพวาดศิลปะยุคราชวงศ์โมกุลที่แขวนประดับแทบทุกจุดของร้าน ให้ความรู้สึกที่หรูหรา แต่ก็แฝงด้วยความอบอุ่นไม่น้อย
ภายในร้านกว้างขวางแบ่งเป็นโซนให้เราเลือกนั่งได้ตามความชอบทั้ง Indoor และ Outdoor นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ในส่วนของ Bar และ Private Room เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือจัดเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ในโอกาสพิเศษด้วยเช่นกัน
เสิร์ฟคุณภาพเคียงคู่รสชาติที่น่าจดจำ
ชื่นชมบรรยากาศของร้านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพูดถึง ‘อาหาร’ จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Indus ครองใจเหล่านักชิมได้อย่างยาวนาน เมนูอาหารของ Indus จะเสิร์ฟในรูปแบบ Fine Dining ด้วยเมนูที่ได้รับความนิยมจากทางตอนเหนือ เช่น ปัญจาบ แคชเมียร์ เดลี โดยแต่ละเมนูนั้นได้รับการคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ และปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟชาวอินเดีย เพื่อให้ทุกจานสามารถคงรสชาติแบบ Authentic Indian Food ไว้ได้อย่างครบถ้วน
เริ่มที่เมนูออเดิร์ฟตามแบบฉบับของอินเดียอย่าง Papadum แป้งกรอบม้วน และข้าวพองเสิร์ฟคู่กับซอสสีสันสดใส ทั้งมะขาม มะม่วง มิ้นท์ และหอมแดง
นั่งรอสักครู่เมนู Appetizer ก็ทยอยออกมาเสิร์ฟ นอกจากกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่เรียกความสนใจจากเราแล้ว ความสวยงามของแต่ละจานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องขอชื่นชมจากใจจริง ๆ
เพิ่มระดับความจัดจ้านด้วย Papdi Chaat ข้าวเกรียบที่นำมาทอดจนกรอบ โรยหน้าด้วยถั่วชิคพี มันฝรั่ง และโยเกิร์ต ตัดรสด้วยซอสมิ้นท์ และซอสมะขามรสเปรี้ยว หนึ่งในเมนู Street Food ชื่อดังจากเดลี ที่ Indus เลือกให้เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยของเรา
ถัดมาคือ Tandoori Creamy Broccoli บร็อคโคลี่หมักด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์บด ครีมชีส ผงกระวาน และเครื่องเทศต่าง ๆ นำไปย่างในเตาทันดูร์จนหอม ได้รสชาติเข้มข้นตั้งแต่คำแรก ใครที่เคยไม่ชอบทานผักบอกเลยว่าเมนูนี้จะทำให้คุณเปลี่ยนใจ นอกจากนี้ Indus ยังเลือกใช้บร็อคโคลี่จากโครงการหลวง เพื่อสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นของไทยอีกด้วย
Kebab-E-Malai เมนูซิกเนเจอร์ของ Indus ที่ทำให้เราประทับใจไม่น้อยกับไก่ย่างเนื้อนุ่ม หมักด้วยโยเกิร์ต ครีม ชีส กระวาน ร่วมกับเครื่องเทศ รสชาติกำลังดี สำหรับคนที่ไม่ชอบรสจัดจ้านมากนักน่าจะถูกใจจานนี้เป็นพิเศษ
เมนูเรียกน้ำย่อยสุดท้ายคือ Palak Paneer จากแคว้นปัญจาบ ผักโขมสับผัดกับครีม และคอทเทจชีสรสละมุน ดูจากหน้าตาแล้วหลายคนอาจนึกถึงผักโขมอบชีสทั่วไป แต่รับรองว่ารสชาติแตกต่างจากที่ทุกคนเคยทานแน่นอน
และแล้วก็ถึงเวลาของ Main Course ที่เรารอคอย เมนูแรกเป็นเมนูที่เราแอบทำการหาข้อมูลมาก่อน และตั้งใจว่าต้องมาทานให้ได้ นั่นก็คือ Raan หรือ ขาแกะ Indus ที่ผ่านการปรุงแบบ slow cooked นานถึง 7 ชั่วโมง ก่อนนำไปย่างไฟอ่อนจนสุก อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่ว่าใครได้มาทานก็เป็นอันต้องตกหลุมรัก ทั้งรสชาติที่จัดจ้านแบบกำลังพอดีสอดแทรกอยู่ในเนื้อแกะนุ่ม ๆ ชุ่มฉ่ำจนแทบละลายในปาก
ต่อกันที่เมนูข้าวหมกไก่ที่ไม่ธรรมดาอย่าง Lucknowi Chicken Dum ซึ่งเป็นการนำข้าวหอมบาสมาติเม็ดเรียวยาวจากอินเดีย มาอบในหม้อทองเหลืองพร้อมกับไก่ เครื่อเทศ โรยหน้าด้วยหอมเจียว และหญ้าฝรั่น กลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลองตั้งแต่ยังไม่วางลงบนโต๊ะ ซึ่งเชฟแนะนำให้ทานคู่กับโยเกิร์ตเพื่อให้ได้รสชาติแบบอินเดียแท้ ๆ
มาทานอาหารอินเดียทั้งที ถ้าไม่มีโรตีกับแกงก็คงจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไรนัก Indus จึงเติมเต็มมื้อแสนอร่อยของเราด้วย Garlic Naan และ Parantha แป้งนานแผ่นกลมที่นำไปย่างในเตาถ่าน มีให้เลือกทั้งแบบแป้งสาลี และโฮลวีท โดยรสชาติจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ทานคู่กับ Butter Chicken แกงไก่สไตล์เดลี ที่นำไก่ไปรมควันย่าง ก่อนนำมาเคี่ยวในน้ำเกรวี่ ราดด้วยเนย และครีม เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่ลงตัวจริง ๆ
ปิดท้ายมื้อแห่งความประทับใจด้วยขนมหวานสไตล์อินเดียอย่าง Gularb jamun flambe ที่มาพร้อมไฮไลท์พิเศษเพราะเชฟจะมาปรุงให้เราได้ชมถึงโต๊ะกันเลยทีเดียว จับตาดูห้ามกะพริบตา เพราะคุณอาจพลาดช็อตสำคัญได้
ค็อกเทลรสเข้ม เอาใจคนชอบดื่ม
นอกจากจะมีอาหารอินเดียที่อัดแน่นทั้งคุณภาพ และรสชาติให้เราได้อิ่มอร่อยกันแล้ว Indus ยังเตรียมเครื่องดื่มค็อกเทลอีกหลากหลายเมนูไว้รอผู้ที่ต้องการเพิ่มบรรยากาศชิล ๆ อีกด้วย ซึ่งค็อกเทลที่เราเลือกดื่มในวันนี้มี 2 เมนูด้วยกัน
Earl loves yuzu ค็อกเทลสีเหลืองอ่อน เสิร์ฟมาในแก้ว coupe รสเข้มจาก Sparkling wine และเพิ่มความหอมชื่นด้วยกลิ่นส้มยูซุ
ตามมาด้วย The Pink City ค็อกเทลสีชมพูหวาน เบสด้วย Vodka ที่มีรสชาติอมเปรี้ยวจากแครนเบอร์รี่ น่าประทับใจไม่แพ้กัน
นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่น้อย สำหรับการมาทานอาหารอินเดียที่ Indus ครั้งนี้ ใครที่ยังไม่เคยทานอาหารอินเดียมาก่อน บอกเลยว่าต้องหาโอกาสมาลองด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะกลิ่นหอมของเครื่องเทศ และรสชาติแบบ Authentic Indian รอคุณอยู่
Indus ร้านอาหารอินเดีย (สุขุมวิท 26)
- เวลาเปิดบริการ : 11:00 – 23:00 น.
- ที่ตั้ง : 71 ซอยสุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ
- การเดินทาง : รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์
- ที่จอดรถ : จอดภายในร้านได้ 12 คัน และมีบริการจอดรถฟรี
- ติดต่อ : 086-339-8582
- บริการเดลิเวอรี่ : www.orderindusbangkok.com