ร้านเรือนกระจกตั้งอยู่ในซอยเมธีนิเวศน์ ติดกับห้างดิ เอ็มโพเรียม เป็นที่ตั้งของ คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ (Karmakamet Diner) ร้านอาหารสุดชิค ที่ควรแวะมาชิมและถ่ายรูปในเวลานี้
ที่เราเรียกว่าเรือนกระจกหรือกลาสเฮาส์อาจจะไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์ของร้าน เพราะคอนเซ็ปต์ของร้านจริง ๆ แล้ว ที่นี่คือโรงงานผลิตเครื่องหอมตามที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีกับแบรนด์เครื่องหอม Karmakamet เราตั้งใจที่จะเรียกว่ากลาสเฮาส์ เพื่อให้ทุกคนจินตนาการถึงบรรยากาศของร้านคาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ ได้ง่ายขึ้น และเป็นกลาสเฮาส์ที่ตกแต่งภายในไว้อย่างคลาสสิค
คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ สามารถเลือกนั่งได้ทั้งบรรยากาศแบบเปิดใกล้ชิดต้นไม้ธรรมชาติที่ร่มรื่นของร้าน หรือจะเลือกนั่งภายในร้านก็จะได้สัมผัสความคลาสสิคของการตกแต่งร้านในขณะที่รับประทานอาหารไปด้วยพร้อม ๆ กัน
คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ เปิดบริการมื้อบรันช์ตั้งแต่เวลา 10:00 น. ไปจนถึงมื้อดินเนอร์ 23.30 น. ด้วยรูปแบบของการตกแต่งร้านและการติดตั้งกระจกใสบานใหญ่รอบ ๆ ร้าน ทำให้บรรยากาศในช่วงกลางวันและช่วงเย็นจะแตกต่างกันด้วยแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา การเซ็ตอัพโต๊ะทานอาหารทั้งสองช่วงเวลาก็ไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นการมาทานอาหารในแต่ละช่วงเวลาของที่นี่ จะให้สัมผัสประสบการณ์ทางด้านของบรรยากาศที่แตกต่างกัน ซึ่งดีมากทุกช่วงเวลา
บรรยากาศในช่วงมื้อค่ำ ลักษณะของการเซ็ตอัพโต๊ะอาหารจะให้บรรยากาศที่อบอุ่น ค่อนข้างมีความโรแมนติกด้วยแสงเทียนและแสงไฟนุ่มนวลสบายตาภายในร้าน หากมากันแบบคู่รักก็ดูเข้ากับบรรยากาศ
หากชวนกันมาแบบครอบครัว, กลุ่มเพื่อนสนิท หรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ที่นี่ก็มีโต๊ะใหญ่ให้นั่ง ซึ่งบรรยากาศก็เอื้อต่อการพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอย่างอบอุ่น ในวันที่เรามาทานก็มากันสามคนยังนั่งคุยกันเพลินจนร้านใกล้ปิด
การตกแต่งรอบๆร้านจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและอาจถ่ายรูปลงอินสตาแกรมอัพสตอรี่บนเฟสบุคจนเป็นจุดไข่ปลาเลยล่ะ
คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ (Karmakamet Diner) หนึ่งในห้องอาหารที่มีเชฟหญิงเป็นเชฟใหญ่ โดยเชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ เราได้สอบถามกับทางร้านเช่นกันว่าอะไรคืออัตลักษณ์หรือสไตล์การปรุงอาหารของเชฟส้ม ได้คำตอบมาคร่าว ๆ ว่า เชฟส้มมีความเก่งในการเลือกใช้สมุนไพร เครื่องเทศ และ เก่งเรื่องการผสมผสานเรื่องกลิ่นในเมนูอาหาร
ในบางเมนูจะมีความซับซ้อนจนคุณยากจะคาดเดาแต่อร่อยแบบไม่ต้องเดา ซึ่งในเรื่องของกลิ่นก็สอดคล้องกับความเป็นแบรนด์เครื่องหอมของ Karmakamet จนเกิดเป็น Karmakamet Diner ขึ้นมา ก็คือร้านอาหารเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ที่คุณสามารถมานั่งทานอาหารได้ชิล ๆ ตลอดทั้งวัน
เชฟส้มยังทำเทคนิควิธีการปรุงอาหารแบบตะวันตก มาผสมผสานอย่างกลมกลืนกับศิลปะการปรุงอาหารแบบตะวันออก พร้อมกับการคัดเลือกแต่วัตถุดิบที่ดีเยี่ยม มาปรุงอาหารด้วยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ จาน ทำให้ทุกคนมีความสุขกับอาหารทุกจานของเชฟ
ซึมซับกับบรรยากาศของร้านกันมาสักพัก เรามาเริ่มหาอะไรสดชื่น ๆ จิบกับดีกว่า
Basilica Smash (Basil Leaf, Fresh lime, Orange-Cardamom syrup, Soda) ม๊อกเทลที่ผสมระหว่างซีรัปกระวานและส้ม น้ำมะนาวสด โซดา และ ใบโหระพา ตอนแรกที่เราเปิดเมนูเห็นม๊อกเทลแก้วนี้มีส่วนผสมของซีรัปกระวานก็นึกถึงรสชาติที่เผ็ดร้อนขึ้นมาเลยกวาดสายตาข้ามไปดูเมนูอื่น ท้ายสุดเราขอคำแนะนำจากทางร้านว่าเราอยากได้เมนูเครื่องดื่มที่สดชื่น ๆ สักหน่อย ทางร้านนำเสนอเป็นม๊อกเทลแก้วนี้ขึ้นมาและบอกว่าเราต้องชื่นใจกับเมนูนี้แน่นอน มาเลยแล้วเจอกัน
พอม๊อกเทลมาเสิร์ฟที่โต๊ะ หน้าตาผิดไปจากภาพที่เราคิดไว้ สีสันสดใส ดูสดชื่นน่าจิบ แถมยังโป๊ะด้านบนด้วยน้ำแข็งใส รสชาติว้าวได้ใจ เปรี้ยวซ่าอมหวานและมีกลิ่นหอมของส้มและกระวานนิด ๆ ดีมากเลยล่ะ
Dawn Martini (Ciroc vodka, Cointreau, Lemon, Orange marmalade, Jacob and son biscuit) แก้วนี้เป็นค็อกเทล มีส่วนผสมของว็อดก้าซีร็อค เหล้าส้ม มะนาว เสิร์ฟมาพร้อมกับ มาร์มาเลดส้มและบิสกิต เวลาทานให้จิบค็อกเทลสลับกับการทานบิสกิตและมาร์มาเลดส้ม จะให้ความรู้สึกที่หอมหวลละมุนอยู่ในปาก รสชาติจัดว่าเด็ดด้วยส่วนผสมหลักเป็นว็อดก้าซีร็อคและเหล้าส้ม ทานได้นิ่ม ๆ ลื่น ๆ เพลินเลย
ในส่วนของเมนูอาหารในส่วนของเมนูดินเนอร์เริ่มต้นด้วย อามูส บุช ช็อตเด็ด ทางร้านได้กล่าวไว้อย่างนั้น ทางร้านเสิร์ฟมาเป็นเมนูกรานิต้าที่มีส่วนผสมของพริกหยวกย่าง, น้ำมะเขือเทศ, มะกอกเขียว ท๊อปด้านบนด้วยปลากะตักขาว รสชาติสดชื่น ซาบซ่าส์มากกับช็อตเด็ดแก้วนี้ มีรสเผ็ดที่ปลายลิ้นนิด ๆ พอกระตุ้นต่อมรับรส
เริ่มต้นชิมเมนูแรกกันด้วย บีท เลเยอร์ (Beet Layers) ที่เสิร์ฟหัวบีทบดในรูปแบบของเลเยอร์สลับสีเป็นชั้นๆ พร้อมกับพาร์มาแฮม, แฮมอิเบอริโค ฮามอน, ฟัวกราส์ บีทรสหวานกลาง ๆ ทานคู่กับแฮมได้ดี แถมยังมีฟัวกราส์หอม ๆ ให้ทานคู่กัน เป็นความอร่อยที่เพลินมากสำหรับเมนูแรก
ต่อเนื่องด้วย หอยนางรม เลเยอร์ (Oyster Layers) ซึ่งมีส่วนผสมของ น้ำแตงโมเย็น, ไข่เป็ดทอดเป็นแครกเกอร์, ไข่ไก่และไข่มุก ซุปมันฝรั่ง, กะหล่ำปลีดอง รสชาติหวานเค็ม ทานแล้วได้ความสดชื่น
เมนูนี้เราชอบที่สุด ชเปทซ์เลอ (Spaetzle) พาสต้าสไตล์เยอรมันเคลือบเชดดาร์ชีสแบบชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมไข่แดงรมควัน รสชาติเข้าขากันดี หอมมันและกลมกล่อม
เนื้อวากิว (Wagyu) ทางร้านแนะนำแนะนำเป็นวากิวย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบแล้วเรียงซ้อนเป็นชั้นรสชาติหวานจากมัน มัสตาร์ดพอนซู ซอสวาซาบิ และ พริกจาลาป้าพูเร ถูกใจคนชอบทานเนื้อ
เมนูปลากะพงและกุ้งลายเสือนำไปเซียร์ เสิร์ฟพร้อมสตูว์ถั่วขาวและสตูว์ผักสูตรเฉพาะของคาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ เมนูนี้ชูรสชาติของวัตถุดิบหลักปลาและกุ้งได้ดี สตูว์ช่วยเสริมความกลมกล่อมให้กับแต่ละคำที่ทาน เป็นเมนูที่สร้างสรรค์และรสชาติดี
เมนูล๊อปเตอร์ตุ๋นสอดไส้ฟัวกราส์และเนื้อปู เสิร์ฟพร้อม เนื้อล๊อปเตอร์สดเด้งหวาน
ปิดท้ายด้วย Banana Split In The Clouds เมนูไอศกรีมที่มีไฮไลท์อยู่ที่การเสิร์ฟไอศกรีมบานาน่าสปริท ท๊อปปิ้งด้านบนด้วยสายไหมสีหวาน เมนูนี้เป็นเมนูฮอทในอินสตาแกรมที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปคู่แล้วอัพลงรัว ๆ แนะนำให้สั่งมาตอนที่จะทานและพร้อมถ่ายรูป เพราะสายไหมที่โดนอากาศจะค่อย ๆ ยุบตัวแฟบลง เดี๋ยวจะได้รูปสายไหมที่ไม่ฟูเหมือนคนอื่นเค้าล่ะ เรากระซิบบอกเทคนิคแล้วนะ
สำหรับใครที่อยากจัดงานเลี้ยง หรือกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศดี ชวนเพื่อนไปสังสรรค์กันอยู่ล่ะก็ ที่คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์มีห้องไพร์เวทให้จัดงานเลี้ยง หรือทานอาหารในมื้อรวมญาติด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นให้ไปใช้บริการกันด้วย
โทนสี จาน ช้อน ผ้าเช็ดปาก ถูกจัดเซ็ทไว้อย่างเรียบร้อย
เราเชื่อว่าหลายคนชอบกลิ่นหอม และส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึง Karmakamet เฉพาะในมุมของเครื่องหอม จึงอยากให้คุณได้ลองมาทำความรู้จักกับ Karmakamet Diner กันบ้าง ในมุมของอาหารเค้าจะทำออกมาได้ตรึงใจไม่แพ้เครื่องหอมเลยล่ะ
คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์ (Karmakamet Diner)
เวลาเปิดบริการ: เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 10:00 น. – 23.30 น.
ที่อยู่: 30/1 ถ.สุขุมวิท คลองตัน คลองเตย กรุงเทพฯ 10110
พิกัดให้หาง่าย: BTS สถานีพร้อมพงษ์ อยู่บริเวณด้านหลังห้างเอ็มโพเรียม ซอยเมธีนิเวศน์ ซึ่งอยู่ระหว่างห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม และสวนเบญจสิริ
เบอร์โทรสอบถามข้อมูลและจองโต๊ะอาหารกับทางร้าน: (+66) 2 262 0700 หรือ อีเมล [email protected]