บนชั้น 3 ของโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok ถนนวิทยุ มีห้องอาหาร Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิสมัยใหม่ (Modern Kaiseki) เสิร์ฟอาหารที่สร้างสรรค์เมนูโดย เจฟฟ์ แรมซีย์ เชฟหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ดีกรีมิชลินสตาร์จากร้าน The Molecular Bar Restaurant ในกรุงโตเกียว กับอีกหลายรางวัลจากห้องอาหาร Babe ประเทศมาเลเซีย
Kintsugi มีแนวคิดในการนำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิสมัยใหม่ ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วโลกมาปรุงเป็นเมนูอาหารรสชาติเยี่ยมหน้าตาสวยงาม เสิร์ฟเรียงลำดับเป็นจาน ๆ แบบเซ็ตคอร์สเมนู เปี่ยมล้นไปด้วยการรังสรรค์อย่างมีพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์ สร้างความสุขและความประทับใจให้กับแขกทุกคนที่มาทานได้อย่างเต็มเปี่ยม
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างมีชั้นเชิง สไตล์มินิมอล ผสมผสานกับความอบอุ่นด้วยไม้โทนสีเข้ม มีโต๊ะให้เลือกนั่งทั้งแบบนั่งทั้งหน้าเคาน์เตอร์ โต๊ะภายในห้องอาหาร และห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง
ในส่วนของเมนู อาหารแต่ละจานได้รับการสร้างสรรค์ทั้งหน้าตา รสชาติ และรสสัมผัสที่แปลกใหม่ สะท้อนถึงรสนิยมและศิลปะในการนำเสนออาหารของเชฟอย่างมีชั้นเชิงไม่เหมือนใคร สำหรับวันนี้เราได้ลิ้มลองเซ็ตเมนู Kin มีทั้งหมด 12 คอร์ส จะน่าหลงไหลมากแค่ไหน มาติดตามประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือและรูปภาพสวย ๆ กับเมนูอาหารของ Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey พร้อมกับเราได้เลย!!
ช่วงเวลาปกติ เจฟฟ์ แรมซีย์ จะเข้ามาที่ร้านเดือนละครั้ง เพื่อมาตรวจเช็คความเรียบร้อยของเมนูอาหาร หากเชฟมีเมนูใหม่ เชฟจะประจำที่ร้านเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว จนกว่าจะมั่นใจว่าอาหารทุกจานจะได้รับการถอดแบบความเป็นเลิศออกไปถึงแขกที่มาทานแบบครบร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกเมนู โดยมีสุดยอดเชฟคนไทยเป็นเชฟประจำร้านที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เสมือนมี เจฟฟ์ แรมซีย์ คอยประกบอยู่ข้าง ๆ อย่างเช่นวันนี้ เราได้ชิมเมนูที่ปรุงโดย เชฟภาณุ วิริยพงษ์สุกิจ ผู้ช่วยเชฟใหญ่ (Sous Chef) เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับเชฟ พบว่าเชฟภาณุมีประสบการณ์และแนวคิดที่ไม่ธรรมดา ดีกรีที่ เจฟฟ์ แรมซีย์ ไว้วางใจให้ปรุงอาหารแทนเชฟได้ ต้องบอกว่าเป็นเชฟที่มีของ
เอาล่ะ เริ่มเข้าสู่เมนูอาหารกันดีกว่า…
From 1 to 12
คอร์สที่ 1
Shirako Brandade with Katsuo Glass
เมนูแรกก็ช่างดูน่าตื่นเต้นกับการนำวัตถุหลักอย่าง ชิราโกะ (Shirako) หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า ‘ท่อเก็บน้ำอสุจิปลา’ วัตดุดิบชั้นดีของชาวญี่ปุ่น มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันต่ำ ทานกันทั้งแบบปรุงสุกและดิบ แต่จะเลือกทานเฉพาะปลาบางชนิดเท่านั้น อย่างในเมนูนี้เป็นท่อเก็บน้ำอสุจิของปลาค็อด ให้เนื้อสัมผัสคล้ายกับครีมคัสตาร์ดนุ่มชุ่มลิ้น เสิร์ฟกับปลาคัตสึโอะหรือปลาโอแห้ง เป็นเมนูแรกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดี
คอร์สที่ 2
Chilled Japanese Eggplant with Tomato Gelee
ปรับรสชาติให้รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้นในคอร์สที่ 2 เป็นการนำมะเขือม่วงญี่ปุ่นย่างไฟอ่อน ๆ ทั้งเปลือกให้ข้างในสุก จากนั้นนำมาแช่ในน้ำสต๊อกปลาดาชิ ที่ผสมด้วยสาแก ซอสถั่วเหลือง มิริน จนกระทั่งเปลือกของมะเขือม่วงญี่ปุ่นย่างเริ่มอ่อนตัว เชฟจึงลอกเปลือกด้านนอนออกแล้วแช่ต่ออีกสักพัก ท็อบด้านบนด้วยเจลลี่มะเขือเทศ ที่ผ่านการต้มและกรองหลายรอบจนกระทั่งได้เป็นเจลลี่สีใส แต่ยังคงรสชาติของมะเขือเทศอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนสีเขียวที่อยู่ด้านบนเป็นกระเจี๊ยบแช่น้ำตาลแล้วนำไปต้ม ทานพร้อมกันแล้วได้รสชาติหวานเย็นและหอมสดชื่น
คอร์สที่ 3
Alaskan King Crab and Black Truffle Chawanmushi
เมนูไข่ตุ๋นที่หอมและรสชาติกลมกล่อมมาก ประกอบไปด้วย ปูอลาสก้า แบล็คทรัฟเฟิล เมนูไข่ตุ๋นของที่นี่มีความแตกต่างจากที่อื่นโดยจะตุ๋นด้วยอุณภูมิต่ำแต่ใช้เวลานาน เพื่อให้เนื้อสัมผัสของไข่ตุ๋นเนียนนุ่ม ราดด้านบนด้วยซอสอันคาเคะ ซึ่งเป็นน้ำสต๊อกปลาดาชิผสมแป้งญี่ปุ่นคุซุ แต่งกลิ่นและรสชาติด้วยทรัฟเฟิลออย น้ำขิง เชฟแนะนำให้ตักทานตั้งแต่ด้านล่างขึ้นมา เพื่อที่จะได้ทานพร้อมกันกับซอสอันคาเคะ ซดร้อน ๆ คล่องคอ
คอร์สที่ 4
1000 Year-Old Cedar Smoked Kanburi Nigiri
ซูชิปลาบุริหรือปลาหางเหลือง เชฟจุดรมควันสด ๆ ด้วยไม้ซีดาร์จากญี่ปุ่นอายุกว่าพันปี กลิ่นควันของไม้ซีดาห์หอมนุ่มมาก และยังเคียงด้วยโอริกามิรูปนก ที่ทำจากขิงดองทานปิดท้าย ให้สัมผัสที่หวานหอมกลิ่นคล้ายบ๊วยตอนท้าย ค่อยๆ ละลายรสชาติออกมาในปากจนขิงนุ่มลง แล้วเราจึงกลืนได้อย่างอร่อยเพลิน
คอร์สที่ 5
Nagano Walnut Soba
เมนูนี้ได้แรงบรรดาลมาจากการที่เชฟไปเที่ยวที่เมืองนากาโนะ (Nagano) แล้วได้ไปชิมเมนูโซบะเย็นที่มีการใส่วอลนัทลงไปด้วยซึ่งเชฟติดใจในความอร่อยของเมนูนี้มากมาก เชฟนำเมนูมาต่อยอดด้วยการนำวอลนัทอบที่อุณภูมิ 150 องศาเซลเซียลเป็นเวลา 20 นาทีจนเหลืองกรอบ จากนั้นนำมาปั่นจนกลายเป็นซอสวอลนัทเนื้อข้น เอามาคลุกกับเส้นโซบะ ด้านบนเป็นผักเคียง 7 ชนิด ประกอบไปด้วย ต้นหอม, เมียวงะ, ใบโอบะ, ไควาแระ, สาหร่ายทะเลญี่ปุ่นตากแห้ง, งาขาว และขิงอ่อนของไทย เสิร์ฟคู่กับน้ำซอสโชยุผสมวอลนัทบด
คอร์สที่ 6
Grilled Tachiuo
เมนูปลาทาจิอูโอะหรือปลาดาบเงินย่าง เป็นปลาที่มีไขมันสูงจนแทบจะละลายในปาก ก่อนจะนำไปย่าง เชฟจะนำปลาไปหมักในสาเก คอมบูฉะ มิโสะขาว ด้วยความปลาชนิดนี้มีไขมันเยอะ ในเมนูจึงมีเครื่องเคียงเสิร์ฟคู่อยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หัวไชเท้าฝนหยดด้วยอูมามิซอส เม็ดแปะก๊วยคั่วเกลือ เลมอน ซอสไซเกียวมิโสะ
คอร์สที่ 7
Seared Scallop with Citrus Emulsion
ต่อกันด้วย หอยเชลล์ฮอกไกโดตัวใหญ่สด เสิร์ฟคู่กับซอสสูตรพิเศษคือ ซอสเนยกับส้มยุซุ และซอสปลาแอนโชวีมิโซะ พร้อมหัวไชเท้าขาว หัวไชเท้าแดง ฟักทองที่ดองด้วยน้ำเกลือ ได้รสชาติหวาน ๆ ของหอยเชลล์แบบเต็ม ๆ
คอร์สที่ 8
Kin Kat
มาถึง Signature ของร้านที่แทบทุกโต๊ะสั่งมาทาน เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมสองชนิดคือ “Kit Kat” และขนมญี่ปุ่นโบราณเป็นแป้งเวเฟอร์ชื่อว่า “Monaka” เชฟจึงรังสรรค์ออกมาเป็น Kin Kat ที่ไส้ทำมาจาก ฟัวกราส์ปั่นผสมกับนม คอนยัคและมิริน เคลือบด้วยดาร์คช็อคโกแล็ต ประกบด้วยเวเฟอร์กรอบ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ที่ทุกคนต้องมาลองสัมผัสด้วยตัวเอง เราขอเผยโฉมให้เห็นรูปแบบการเสิร์ฟแล้วกัน รอให้คุณมาฉีกกล่องเพื่อลิ้มลองเมนูข้างในด้วยตัวคุณเอง
คอร์ส 9
Braised Kinki with Dashi Gohan
ต่อด้วยเมนูปลาคินกิ (Kinki) เมนูนี้โดดเด่นด้วยข้าวที่หุงด้วยน้ำสต๊อกปลาดาชิ เสิร์ฟพร้อมกับปลาคินกิคลุกซอสที่มีส่วนผสมของสาเก ขิง โชยุ จากนั้นนำไปย่าง พร้อมผักเคียงที่มีส่วนผสมของผิวส้มยุซุและใบคาโมเมะ ทำให้ได้ทั้งรสชาติที่เข้มข้นแต่กลมกล่อม พร้อมกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ
คอร์ส 10
Japanese A4 Wagyu
สายเนื้อต้องถูกใจสิ่งนี้ เนื้อวากิวเกรด A4 เสิร์ฟแบบมีเดียมแรร์ ด้านล่างเป็นเนยเพียวเรย์ มีเมนูเคียงเป็นสาหร่ายญี่ปุ่นหมักเกลือตากแห้งผสมเนย พริกแดงเหลืองเขียวย่าง หน่อไม้ฝรั่งย่าง และพริกไทยญี่ปุ่นดองหวาน วิธีทานให้ทาเนยให้ทั่วตัวเนื้อ สามารถแต่งรสด้วยซอสยูซุโคโชที่ให้รสชาติเผ็ดเปรี้ยวเค็ม ชาปลายลิ้นเล็กน้อย ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อเชฟจะเปลี่ยนเป็นปลาให้ ฟินเหมือนกันไม่ต้องกังวล
คอร์สที่ 11
Double Stock Soup with Tsukune and Yuzu
ต่อด้วยเมนูซุปที่ประกอบไปด้วยน้ำสต็อกไก่และสต็อกปลาดาชิ ภายในถ้วยยังมีไก่บดปรุงรสปั้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ เพิ่มความหอมด้วยโฟมยุซุท็อบไว้ด้านบน ให้ความกลมกล่อมและกลิ่นหอม ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์
คอร์สที่ 12
Strawberry Cheesecake
ปิดท้ายชุดเมนูนี้ด้วย Strawberry Cheese Cake รสเปรี้ยวหวานสดชื่น เป็นชีสมูสลูกกลมๆ สีแดงและสีขาว สีแดงสอดไส้ราสเบอรรี่เจลลี่ รองด้วยครัมเบิ้ล พร้อมวนิลาครีม ยูสุครีม ทานพร้อมราสเบอร์รี่ซอร์เบท์ วิธีรับประทานให้ทานพร้อมกันในคำเดียว เพื่อให้ได้รสชาติและสัมผัสที่หลากหลาย
คราวนี้ถึงตาคุณแล้ว คุณเองก็มาสัมผัสประสบการณ์ และลิ้มรสแต่ละเมนูของ Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey แบบโซทราเวลเลอร์ได้เช่นกัน ที่ชั้น 3 ของโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok ถนนวิทยุ แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อความสมบูรณ์แบบในการจัดเตรียมโต๊ะไว้รองรับมื้ออาหารที่คุณรอคอย สำหรับช่วงนี้นอกจากจะมีเซ็ตคอร์สให้เลือกทานตามแบบ Kaiseki แล้ว ทางห้องอาหารยังเปิดให้เลือกสั่งทานแบบอะลาคาร์ทได้อีกด้วย
สำหรับเมนูของ Kintsugi by Jeff Ramsey มื้อเย็น แบบไคเซกิสมัยใหม่ มีให้เลือก 2 เซ็ตคอร์สคือ
- ITO 9 คอร์ส ราคา 2,500++ บาท/คน
- Kin 12 คอร์ส ราคา 4,400++ บาท/คน
Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey เปิดให้บริการทุกวัน:
- มื้อกลางวัน 12.00 – 14.30 น.
- มื้อค่ำ 18.00 – 22:30 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 22:00 น.)
ช่องทางการติดต่อ
- เบอร์โทรศัพท์: 02-650-8800
- อีเมล: [email protected]