มื้อนี้เราขอชวนผู้อ่านมาลิ้มรสอาหารไทยโบราณตำรับชาววังแท้ๆ ที่ ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์ (Loukjaan by Saneh Jaan) ร้านอาหารไทยลูกสาววัยละอ่อนของ เสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารมิชลิน 1 ดาว ของประเทศไทย รับรองว่ารสชาติที่ถูกปากทั้งความกลมกล่อม และความจัดจ้านถึงเครื่องพริกแกงของ ลูกจันทน์ จะทำให้คุณอร่อยอิ่มท้อง และจะเป็นอีกหนึ่งมื้อแห่งความสุขของคุณ!
“เสน่ห์จันทน์ เป็นร้านอาหารไทยที่ก่อกำเนิดโดยคนที่รักการทำอาหารจริง ๆ และความมุ่งมั่นก็ได้รับรางวัลเป็นความเชื่อใจของลูกค้า จนในที่สุด ก็ได้รับการรับรองความเป็นร้านอาหารชั้นเลิศด้วยการได้ดาวจากมิชลิน ไกด์ เปรียบได้ว่า เสน่ห์จันทน์ เป็นแม่คร้วผู้ชำนาญการอันแตกฉานด้านอาหารชาววัง และอาหารไทยแต่ตั้งเดิม ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เสน่ห์จันทน์จะนำเสนอ ‘ลูกจันทน์’ ลูกสาววัยละอ่อนน่ารัก มาสืบทอดเมนูอร่อยของร้านแม่ ผสมผสานกับเมนูใหม่ ๆ เพื่อเผยโฉมความเป็นสาวงามร่วมสมัย รวมทั้งเมนูเพื่อสุขภาพสำหรับคนที่ห่วงใยกัน” – เสน่ห์จันทน์ กล่าวถึง ลูกจันทน์
บรรยากาศของ ลูกจันทน์ เน้นบรรยากาศโปร่งโล่งและความเรียบง่าย เสมือนแวะมาทานข้าวบ้านเพื่อน เน้นการเปิดรับแสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาขับความงามของเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป สะท้อนถึงรสนิยมในความหรูหราที่เรียบ เก๋ ดูดี
ลูกจันทน์ ยังคงสืบทอดเมนูอาหารไทยโบราณและสำรับไทยที่หารับประทานยาก พร้อมนำเสนอเมนูร่วมสมัยใหม่ ๆ
เริ่มต้นเมนูแรกกันด้วย ยำส้มโอ (280 บาท) เมนูชาววัง รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวทานแล้วสดชื่น ปรุงจากส้มโอเนื้อฉ่ำรสหวานอมเปรี้ยว คลุกเคล้ากับน้ำยำแบบโบราณที่มีความหวานจากน้ำตาลโตนดและเปรี้ยวจากน้ำส้มมะขาม แนมด้วยความหวานมันของกุ้งสดเนื้อเด้ง โรยด้วยหอมแดงทอด เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ต่อกันด้วยอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ห้ามพลาด ดอกขจรผัดวุ้นเส้นและแหนม (180 บาท) ทางร้านนำดอกขจรมาผัดกับวุ้นเส้น ทีเด็ดคือซอสสูตรลับของทางร้านที่ช่วยขับกลิ่นและรสของดอกขจรให้หอมละมุนอย่างโดดเด่น ผัดคลุกเคล้าจนวุ้นเส้นสุกใส พร้อมด้วยกุ้งสดเนื้อเด้ง รสชาติเค็มนำหวาน ตัดด้วยความเปรี้ยวอย่างไม่เกรงใจของแหนมทองทอดกรอบ
ไม่ควรลืมเมนูไทยโบราณที่หาทานอร่อย ๆ ได้ยาก แกงรัญจวนหมู (240 บาท) อาหารไทยต้นตำรับสูตรชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มีเครื่องปรุงหลักคือ น้ำพริกกะปิ นำมาปรุงแต่งให้กลายเป็นน้ำแกงสามรส ทางร้านได้รังสรรค์เมนูให้มีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้นด้วยการเติมหางกะทิ พร้อมโรยตะไคร้ชอย ใบมะกรูดหั่นฝอย โหระพา และผักชี เพื่อสร้างสีสัน และเสริมกลิ่นรส
เสริมด้วยเมนูที่ลดดีกรีความจัดจ้านลงมาสักหน่อย หมูพะโล้เต้าเจี๊ยว (260 บาท) ทีเด็ดของทางร้านคือการคัดเลือกไข่เป็ดที่มีไข่แดงขนาดใหญ่ หมูสามชั้นคุณภาพดีตุ๋นจนเนื้อสัมผัสนุ่มนวล ส่วนเต้าหู้เมื่อนำไปทอดจะพองฟูสวยหอมและดูดซับน้ำพะโล้ที่เข้มข้นเอาไว้ข้างในจนชุ่ม พะโล้ของทางร้านใส่เต้าเจี้ยวลงไป เพื่อช่วยเพิ่มมิติ และความซับซ้อนของรสชาติพะโล้ ให้มีความกลมกล่อมและหอมขึ้นไปอีกระดับ
ความอร่อยยังไม่จบ เพราะเรายังมีอีกหนึ่งเมนูหาทานได้ยากมาแนะนำ นั่นคือ แกงมอญคอหมูย่าง (320 บาท) เมนูนี้ทางร้านได้พลิกเพลงเมนูแกงป่าของมอญ ความหอมเผ็ดร้อนของเครื่องแกงมอญและเครื่องแกงไทยอร่อยไม่แพ้กัน เพิ่มความกลมกล่อมด้วยกะทิ หอมมันด้วยคอหมูย่างทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วอร่อยจนแทบไม่อยากวางช้อนถ้ายังทานไม่หมด
ส่วนเมนูปลาเรามี แกงเหลืองพริกสดปลากะพง (280 บาท) มาแนะนำ รสชาติเข้มข้มเครื่องแกงถึงใจ เชฟเลือกใช้ปลากะพงสดเนื้อหวานคุณภาพดีเพื่อเนื้อสัมผัสที่ดีกว่าอย่างแตกต่าง น้ำแกงส่งกลิ่มหอมเย้ายวนตั้งแต่ยกชามมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยให้เมนูนี้
ตบท้ายด้วยเมนูของหวาน เพื่อให้มื้ออาหารนั้นครบอรรถรสความเป็นไทย ส้มฉุนหิมะ (100 บาท) คือเมนูที่ตบท้ายได้อย่างน่าจดจำ มีส่วนผสมของ ลิ้นจี่ เปลือกมะกรูดเชื่อม มะม่วงซอย ขิงซอย และหอมเจียวกรอบ ๆ กินกับน้ำเชื่อมกรานิต้าที่รวมรสและกลิ่นของส้มซ่า มะกรูด และมะนาว ทานแล้วสดชื่นฉ่ำใจมาก
ข้าวเม่ารางกะทิ (100 บาท) เมนูข้าวขนมไทยโบราณ นิยมทำในช่วงที่มีข้าวใหม่ เป็นข้าวชนิดหนึ่งที่ยังอ่อน มีสีเขียว นำไปคั่วไฟจนมีสีเหลืองทอง ทานคู่กับเผือกที่นึ่งสุกกำลังดี กับน้ำกะทิ ที่คัดสรรน้ำตาลมะพร้าวชั้นดี ผสมกับหัวกะทิที่คั้นใหม่ เต็มไปด้วยความหวานหอม และกลมกล่อม
หรือจะลิ้มลอง บัวลอยทอดน้ำขิง (120 บาท) รสชาติอร่อยกลมกล่อมเฉพาะตัว แป้งบัวลอยทอดมีความกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับน้ําขิงที่หอมกลิ่นขิง และมีรสหวานอ่อนๆ อีกหนึ่งเมนูถูกใจที่เราแนะนำให้ลอง
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบอาหารไทย ต้องแวะมาลิ้มลองให้ได้ จะชวนเพื่อนหรือชวนครอบครัวก็อร่อยได้เช่นกัน แวะมาใช้บริการกันได้ที่ร้าน ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์ (Loukjaan by Saneh Jaan) นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารประจำครอบครัวร้านใหม่ของคุณ
ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์
- ที่ตั้ง : ชั้นล็อบบี้ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
- โทรศัพท์:02 095 9999
- เปิดให้บริการทุกวัน อาหารกลางวัน: 11:30-15:00 น. / อาหารเย็น: 17:30-22:00 น.