สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน สำหรับฉบับนี้ SOtraveler.com อยากจะมาเล่าเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มที่เปี่ยมมนต์สเน่ห์อย่างเช่น “ไวน์” เราจะมาเรียนรู้กันว่าทำอย่างไรเราถึงจะได้ลิ้มรสประสบการณ์การดื่มให้สมกับการที่ไวน์สักหนึ่งขวดจะผ่านกาลเวลาบ่มมาบรรจุให้เราได้ดื่มด่ำกัน โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้รับเชิญเข้าร่วมงานอีเวนท์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากลูคาริส (LUCARIS) แบรนด์แก้วไวน์คริสตัลคุณภาพระดับเวิลด์คลาสแบรนด์แรกของเอเชีย “ลูคาริส กลาสเทสติ้ง” จัดขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เรื่องไวน์พร้อมเทคนิคการดื่มไวน์ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การดื่มด่ำให้ได้อรรถรสที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
มาสเตอร์คลาส “ลูคาริส กลาสเทสติ้ง” ในวันนี้ทางลูคาริส (LUCARIS) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์มาเป็นวิทยากร โดยถ่ายทอดเนื้อหาตั้งแต่พื้นฐานทั่วไปในการดื่มไวน์ พันธุ์องุ่นที่นำมาบ่มไวน์ การเลือกไวน์กับอาหาร นอกจากนี้ยังเปิดโลกของ “การเลือกแก้วให้เหมาะกับไวน์ที่เราจะดื่ม” ให้เราได้รู้จัก หลังจบงานนอกจากจะทำให้เรามีหน้าตาสดใสหน้าแดงอมฝาดแล้วยังทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนว่า “แก้วที่ดีจะช่วยดึงตัวตน กลิ่นและรสชาติเนื้อแท้ของไวน์ออกมาได้อย่างเด่นชัด”
ภายในคลาสวิทยากรจะเล่าเรื่องของไวน์ที่เรากำลังจะชิมแต่ละชนิด ผ่านการจับคู่แก้วไวน์ที่เหมาะสม โดยวันนี้ทางแบรน์ได้เลือกแก้วลูคาริสคอลเลคชั่นดีซายเอ้อร์ (Lucaris Desire Collection) มาเป็นตัวเอกของมาสเตอร์คลาส ซึ่งเป็นแก้วไวน์คริสตัลซึ่งถูกดีไซน์มาให้ลองรับกับไวน์ตามเอกลักษณ์ของไวน์แต่ลนิด เราได้เรียนมาด้วยกันทั้งหมด 6 แบบได้แก่
สปาร์คกลิ้งไวน์ กับแก้วรุ่นสปาร์คกลิ้ง (Sparkling)
เมื่อพูดถึงสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) หลายท่านอาจจะนึกถึงงานเฉลิมฉลอง ไวน์ชนิดนี้มีสไตล์ที่เด่นชัดด้วยรสสัมผัส “ซ่าส์” จากฟองของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในกระบวนการหมัก หรืออาจถูกเติมเข้าไประหว่างการหมัก ไวน์ตัวแรกที่เราได้ลิ้มลองกันคือ Frexinet Cordon Negro Brut จาก แคว้น Cava ประเทศสเปน เกล็ดที่ควรรู้เกี่ยวกับสปาร์คกลิ้งไวน์คือมันจะถูกเรียกตามพื้นที่หรือแหล่งที่ผลิต เช่น “คาวา (Cava) จากสเปน (Spain)”, “อาสติ (Asti) หรือ โปรเซคโก้ (Prosecco) จากอิตาลี (Italy)” รวมถึง “แชมเปญ (Champagne) จากแคว้นชองปาญ ประเทศฝรั่งเศส (France)”
แก้วไวน์ (Wine Glass) ที่เหมาะกับไวน์สปาร์คกลิ้ง (Sparkling Wine) ต้องเป็นแก้วทรงสูง ซึ่งช่วยกักเก็บความเย็นไว้ในแก้ว และให้เราได้เพลิดเพลินกับพรายฟองจากไวน์ชนิดนี้ แก้วลูคาริสคอลเล็กชั่นดีซายเอ้อร์รุ่นสปาร์คกลิ้งออกแบบออกมาเป็นแก้วทรงฟลุทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บรักษาพรายฟองไว้ให้นานที่สุด รวมถึงสามารถปลดปล่อยกลิ่นและบูเก้ของไวน์สปาร์คกลิ้งชั้นดีได้อีกด้วย
Food Pairing : Sparkling Wine เหมาะกับอาหารรสไม่จัดมาก เช่น สลัดผัก, ชีสเนื้ออ่อน (Soft Cheese) จนถึงชีสเนื้อแข็ง (Hard Cheese), อาหารจำพวกปลาและขนมปัง
ไวน์ขาว กับแก้วรุ่น Crisp White
ไวน์ขาว Crisp White คือไวน์ที่มีรสเปรี้ยวเด่น สดใส หลายคนอาจเข้าใจว่า ไวน์ขาว (White Wine) ทำมาจากองุ่นเขียวเพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วสามารถใช้องุ่นแดง หรือองุ่นดำ ในการผลิตไวน์ขาวได้เช่นกัน โดยแยกเปลือกที่มีสีแดงออก แล้วนำเพียงน้ำองุ่นไปทำไวน์ (Wine) สำหรับไวน์ที่ใช้ taste วันนี้คือ Vionta Albariño, Rías Baixas, Spain เป็นไวน์ขาวที่มีรสเปรี้ยวเด่น ให้รสชาติของลูกพีช แพร์ไม่สุกออกมาชัดเจน
นอกจากนี้วิทยากรยังแนะนำถึงพันธุ์องุ่นแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มดื่มไวน์ (Beginer) เช่น ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay), รีสลิง (Riesling), โซวีญง บลอง (Sauvignon Blanc) ซึ่งจะมีมีรสออกไปทางหวาน
Food Pairing : Crisp White นั้นเหมาะกับอาหารไทย เพราะอาหารไทยมักจะมีรสเปรี้ยว เช่นลองนึกถึงเมี่ยงคำที่ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน “อาหารรสเปรี้ยว” จะช่วยเพิ่มสัมผัสของบอดี้ (Body) ความหวาน และระดับรสผลไม้ในไวน์ให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะลด Acidity ทั้งยังเพิ่มความสมดุลให้แก่คาแรคเตอร์ของไวน์ ซึ่งในการ paring เราไม่ควรเลือกไวน์ที่มีปริมาณเอซิดต่ำกว่าอาหาร แต่ควรเลือกไวน์ที่มีระดับความเปรี้ยวเท่ากับหรือมากกว่า
ไวน์ขาวกับแก้วรุ่น Rich white wine
มาถึงแก้วที่สามเราได้ทดลองจิบ Doudet Naudin Chardonnay จาก Vin de France, France ซึ่งเป็นไวน์ขาวที่โดดในเรื่องกลิ่นอโรมา (Aroma) โดยหากจับคู่ไวน์ขวดนี้กับแก้วที่มีกระเปาะค่อนข้างสั้นจะทำให้เราได้กลิ่น ไม้โอ๊คและกลิ่นดอกไม้ (Bouquet) ได้ชัดเจน
ในตอนนี้เองเรากำลังอยู่กับแก้ว แก้วไวน์ขาว ดีซายเอ้อร์ ริช ไวท์ (Desire Rich White) เป็นแก้วไวน์ขาว รูปแก้วสั้นและมีแอร์ลูเมย์ (Aerlumer)* ทางวิทยากรขอให้เราเทไวน์ขาวจากองุ่น Chardonnay ออกจากแก้วใบนี้แล้วเติมไวน์จากองุ่น Albariño ที่เราพึ่งได้จิบไปแทน เมื่อได้ลอง test ไวน์ตัวเดิมจากแก้วที่เปลี่ยนไปแล้วกลับพบว่า Albariño ที่มีรสเด่นเปรี้ยว และสดใส มีกลิ่นลูกพีชไม่สุก กลับเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรงขึ้น ได้ความครีมมี่ (Creamie) และกลิ่นยีสต์ที่ชัดเจน และนี่ทำให้เหล่านักชิมไวน์ทุกคนในห้องถึงร้อง “อ๋อ” ว่าการเลือกแก้วไวน์นั้นจะส่งผลต่อลักษณะไวน์ที่ดื่มเป็นอย่างยิ่ง
หมายเหตุ
*Aerlumer เป็นนวัตกรรมของลูคาริส (Lucaris) ที่ดีไซน์เส้นโค้ง 5 เส้นที่ก้นกระเปาะแก้ว ช่วยกระตุ้นให้ไวน์ทำปฏิกริยาไมโครออกซิเดชั่นกับอากาศได้มากขึ้น จึงส่งผลให้ไวน์มีรสชาติที่นุ่มขึ้นเมื่อแกว่งแก้วไวน์ ทำให้ไวน์ปล่อยอโรมาออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น
Food Pairing : เหมาะกับชีสเนื้อนุ่ม (Soft Cheese), เนื้อสัตว์ขาว เช่น ไก่ , หมู , อาหารทะเล, สมุนไพร, เห็ด และครีมซอสที่มีความมัน เป็นต้น
ไวน์แดงกับแก้วรุ่น Elegant red
ไวน์แดงมีสีแดง นั่นเป็นเพราะ มีการเติมเปลือกองุ่น (Grape Skin), ขั้วองุ่น (Grape Pip) รวมถึงเมล็ดเข้าไปในกระบวนการหมักด้วยต่างจากไวน์ขาวที่คัดเปลือก และส่วนอื่น ๆ ทิ้งไป นอกจากนั้น ไวน์แดงยังถูกหมักในอุณหภูมิสูง เพื่อสกัดเอาสี รสฝาดของแทนนิน กลิ่น และรส ออกมา ซึ่งจะมีความเข้มข้นแตกต่างกันไป ตามระยะเวลาการทิ้งเปลือกองุ่นไว้กับน้ำองุ่นในขั้นตอนการหมัก
พันธุ์องุ่นไวน์แดงสำหรับบีกินเนอร์ (Beginner) ได้แก่ Cabernet Sauvignon, Merlot, Pinot Noi และ Zinfandel ซึ่งจะค่อนข้างทานง่ายสำหรับไวน์แดงขวดแรกที่เราจะทดสอบกันคือ Doudet Naudin Pinot Noir, จาก Vin de France, France ซึ่งมาจาก Wineyard เดียวกันกับไวน์ขาวขวดที่ผ่านมา
องุ่นพันธุ์ ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) มักจะมีราคาที่สูงกว่าไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์อื่น เนื่องด้วย Pinot Noir เป็นองุ่นที่ค่อนข้างอ่อนแอ จึงต้องการความเอาใจใส่อย่างสูง มีบอดี้ค่อนข้างเบา (Light Bodied) สัมผัสค่อนข้างดราย (Dry) และมีรสผลไม้ที่สดชื่น จึงให้สัมผัสสุดท้ายที่ยาวนาน และนุ่มนวล
แก้วไวน์ Elegant Red ที่ใช้มีฐานแก้วกว้าง ปากแก้วแคบ และตัวแก้วสั้น ซึ่งทำให้เหมาะแก่การนำมาดื่มคู่กับไวน์อายุมาก (ผ่านการบ่มมากว่า 5 ปี) เพราะไวน์จำพวกนี้ จะปล่อยอโรม่าได้ในระดับต่ำ ตัวแก้วสั้นจึงช่วยลดระยะระหว่างจมูกและไวน์ ทำให้ผู้ดื่มสัมผัสกับอโรม่าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อจิบ Pinot noir จากแก้วนี้จึงได้สัมผัส Mineral และความ Fruity ที่เด่นยิ่งขึ้น
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Paring) : ด้วยความที่ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) มักจะเป็นประเภทไลท์บอดี้ (Light Bodied) แต่มีความซับซ้อนสูงจึงทำให้ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์นี้ เข้าได้ดีกับเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อแดง
ไวน์แดงกับแก้วรุ่น Robust Red
Carta Vieja Cabernet Sauvignon จาก Loncomilla Valley, Chile มีลักษณะฟูลบอร์ดี้ (Full-Bodied) ค่อนข้างฝาด จบด้วยรสเผ็ดนิดๆ คล้ายพริกเขียว แบบ Bell pepper ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Cabernet Sauvignon
แก้ว Robust Red ที่ใช้มีลักษณะก้นแก้วกว้างทรงทิวลิป มีขนาดใหญ่ ช่วยให้ตัวไวน์ได้สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น พร้อมนวัตกรรมแอร์ลูเมย์ซึ่งช่วยเพิ่มปฏิกริยาไมโครออกซิเดชั่นกับไวน์แดงที่เข้มข้นสูง ส่งผลให้ไวน์มีกลิ่นและรสชาติที่มีความละมุนมากขึ้น คราวนี้วิทยากรขอให้เปลี่ยนแก้วอีกครั้งโดยใช้แก้วแบบ Elegant red ที่มีลักษณะตัวแก้วสั้น ผลคือเราได้กลิ่น Alcohol ชัดมากและทำให้อัตลักษณ์ตัวตนของไวน์นั้นไม่เด่นออกมา
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Paring) : Cabernet Sauvignon มักจะมีรสสัมผัสซับซ้อนและเผ็ด จึงเหมาะที่จะจับคู่กับอาหารที่มีความมัน เช่น เบอร์เกอร์เนื้อ หรือ สเต็ก
โรเซ่ไวน์ Rosé wine
สำหรับตัวสุดท้ายในวันนี้คือ ไวน์สีชมพูดอกกุหลาบหรือ Rosé wine ซึ่งได้จากการหมักจากองุ่นแดงหรือองุ่นดำแต่ในกระบวนการหมักพวกเปลือกองุ่น หรือส่วนอื่น ๆ จะถูกทิ้งให้สัมผัสกับน้ำองุ่นเพียงช่วงสั้น ๆ พอได้สีสัน ในวันนี้ทางวิทยากรเตรียม Delheim Pinotage Rosé ซึ่งเด่นรสผลไม้สุกสีแดงเช่น raspberry และ cherry
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Paring) : Rosé wine เข้าได้ดีกับอาหารที่รสไม่แรงมาก เหมาะกับเนื้อปลาและเนื้อไก่ครับ
นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ทางแบรนด์ลูคาริส ได้เชิญเรามาร่วมมาสเตอร์คลาส “ลูคาริส กลาสเทสติ้ง” ในครั้งนี้ ช่วยเปิดประสบการณ์การเลือกแก้วไวน์ก็เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ให้กับเราเช่นเดียวกับการชิมไวน์เพราะแก้วไวน์
จากเดิมที่เราทราบแต่เพียงว่ามีแก้วไวน์แดง, แก้วไวน์ขาว และแก้วแชมเปญ นั้นยังไม่พอต่อประสบการณ์การดื่มที่เปี่ยมอรรถรส แต่ยังต้องคำนึงถึงความสูง ความกว้าง รูปทรง และรูปแก้ว ซึ่งจะช่วยให้ไวน์แสดงองค์ประกอบทางรสชาติออกมาได้ชัดเจน เราหวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และความรู้จากการถ่ายทอดประสบการณ์ “ลูคาริส กลาสเทสติ้ง” ร่วมกันกับเราในครั้งนี้