มานโฮ (Man Ho) ห้องอาหารจีน โรงแรม JW Marriott กรุงเทพฯ (สุขุมวิทซอย 2) อีกหนึ่งสถานที่สร้างโมเมนต์ของมื้ออาหารดี ๆ ให้กับครอบครัวและคนรู้ใจของคุณ ในบรรยากาศที่ตกแต่งสไตล์จีนร่วมสมัย เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบโก้หรูอย่างมีเอกลักษณ์ รวมถึงการดีไซน์ให้ห้องอาหารจีนห้องนี้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่งสบายตาต่างจากห้องอาหารจีนทั่ว ๆ ไป ทำให้ทุกคนที่ก้าวเข้ามายังห้องอาหารมานโฮ ต่างรู้สึกอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เอื้อต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและคนรู้ใจ
ผนวกกับรสชาติและคุณภาพของอาหารที่มานโฮ ไม่เคยหลุดจากท็อปลิสห้องอาหารจีนแนะนำในกรุงเทพฯ เลย มีแต่จะเพิ่มลูกค้าขาประจำมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่แปลกใจในแต่ละครั้งที่เราแวะเวียนมาทานอาหารที่นี่จะพบว่า โต๊ะใหญ่ถูกจองไว้หลายโต๊ะและมีครอบครัวใหญ่มาทานกันหลายครอบครัว เพราะ “มานโฮ” กลายเป็นหนึ่งในห้องอาหารประจำครอบครัวของเค้าเหล่านั้นไปแล้ว
แค่เพียงบรรยากาศดีกับการบริการชั้นเลิศระดับโรงแรมห้าดาว คงไม่อาจทำให้ มานโฮ ครองใจผู้คนไว้ได้มากมายขนาดนี้ รสชาติอาหารจีนของที่นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนหลงไหล เมนูแบบต้นตำรับทำได้อย่างพิถีพิถัน และยังครีเอทเมนูใหม่ ๆ มานำเสนอให้ทุกคนลิ้มลองกันเป็นประจำ
มานโฮได้ปิดรีโนเวทไปนานกว่า 3 เดือนและตอนนี้พร้อมต้อนรับให้ทุกคนได้กลับมาชิมรสชาติอันโอชะของที่นี่อย่างที่คุ้นเคยกัน มานโฮโฉมใหม่ยังถือโอกาสนี้เปิดตัวหัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารจีนคนใหม่ เชฟเลสลี่ (Leslie) เชฟผู้มีประสบการณ์ทางด้านอาหารจีนมาอย่างยาวนานและมีความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงแต่งเมนูอาหารจีนดั้งเดิมให้ออกมาในรูปแบบที่ทันสมัยแต่รสชาติยังคงความกลมกล่อมเสมือนต้นตำรับ หลังจากที่เราได้ชิมเมนูฝีมือเชฟเลสลี่แล้วต้องยอมรับในฝีมือเชฟเลสลี่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เริ่มจากเมนูแรก เนื้อปลาเก๋ารมควันซอสเซี่ยงไฮ้ เมนูที่เชฟเลาะเอาเนื้อปลาเก๋ามาแล่เป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำไปคลุกกับซอสเซี่ยงไฮ้ให้ออกมามีรสเผ็ด เค็ม หวาน เสิร์ฟแบบรมควันมาในจานพร้อมฝาแก้วครอบพอจัดวางที่โต๊ะก็เปิดออกให้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วโต๊ะ กลิ่นควันยังติดอยู่กับเนื้อปลาเก๋าทอดคลุกซอสเซี่ยงไฮ้ เพิ่มสัมผัสทั้งทานด้านรสชาติและกลิ่นหอม
เมนูซิกเนเจอร์ของเชฟเลสลี่ อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลองกันให้ได้คือ ปลากระพงผัดซอสเปรี้ยวหวาน เป็นเมนูที่นำเนื้อปลากระพงมาเลาะก้างออกจนหมด บั้งอย่างละเอียดและสวยงามจนคิดว่าเชฟแล่ปลาออกเป็นชิ้น ๆ นำไปทอดแล้วนำมาเรียงประกอบกันใหม่
เราได้สอบถามกับทางเชฟเลสลี่โดยตรงด้วยความอยากรู้ว่าเอาก้างปลาออกยังงัยเนื้อปลาถึงได้ออกมาสวยขนาดนี้ เชฟเล่าเทคนิคออกมาเล็กน้อยว่า เชฟใช้วิธีการเลาะก้างออกแล้วใช้แหนบดึงก้างเล็ก ๆ จนหมดเกลี้ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันมาก
ลำพังวัตถุดิบหลักที่เป็นปลากระพงทอด ก็ยั่วยวนชวนน้ำลายสอมากอยู่แล้ว เชฟยังปรุงซอสผัดเปรี้ยวหวานที่มีส่วนผสมของผลไม้รสชาติเปรี้ยวหวานมีกลิ่นหอมเช่น มะม่วง, กีวี่, สตอเบอรี่, แก้วมังกร และถั่วไพน์นัท(ถั่วเมล็ดสน) ราดลงที่เนื้อปลา ช่วยชูรสชาติเมนูนี้ให้หวานมันกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเชฟคือ สเต็กเนื้อออสเตรเลีย เนื้อออสเตรเลียเกรดพรีเมี่ยมไขมันแทรกระดับ MB6 เราขนานนามเมนูนี้ขึ้นมาใหม่ว่า เมนูเนื้อทอง เป็นการนำเนื้อริบอายวากิวที่เซียร์ให้สุกแค่ผิวส่วนนอกหลังจากนั้นนำมาหุ้มด้วยทองคำเปลว เมนูนี้เสิร์ฟแบบปรุงให้ทานกันที่โต๊ะ เชฟจุดไฟเพื่อเซียร์ให้เนื้อสุกจนได้ระดับมีเดียมแรร์อีกครั้ง
หลังจากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเชฟก็เตรียมซอสมาราดลงไปบนเนื้อที่หั่นเรียบร้อยแล้ว ถามเชฟว่าซอสนี้คือซอสอะไร เชฟบอกได้แต่เพียงว่าเป็นซอสสูตรพิเศษของเชฟเอง รสชาติที่เราสัมผัสได้มีความคล้ายกับซอสปูผัดพริกสิงค์โปร์ เนื้อสเต็กนุ่มม ฉ่ำ และหวานมาก เป็นการผสมผสานกันระหว่างเมนูสเต็กสไตล์ตะวันตกกับซอสราดสไตล์เอเชียได้เข้ากันอย่างลงตัว
สำหรับใครที่ติดใจกับความเผ็ดร้อนชาปลายลิ้นสไตล์เสฉวน เชฟก็ครีเอทเมนู ไก่ผัดพริกเสฉวนกับไอศกรีมวนิลลา ไว้เป็นหนึ่งในเมนูให้เลือกสั่งมาทานกัน รสชาติของไก่ผัดพริกเสฉวนนั้นต้องบอกเลยว่าเริ่มต้นด้วยความเค็ม หวาน แล้วปิดท้ายด้วยรสเผ็ด ชาที่ปลายลิ้น อันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารจีนเสฉวนที่จะมีการผสมเครื่องเทศหม่าล่าลงไปในเมนู
และเชฟก็ยังเพิ่มความสร้างสรรค์ขึ้นไปอีกด้วยการเสิร์ฟไอศกรีมวนิลลา มาเป็นเครื่องเคียงให้ทานคู่กับไก่ผัดพริกเสฉวน เพื่อทานคู่กันดับความเผ็ดร้อน เป็นไอเดียที่สร้างสรรค์มากทีเดียว
เมนูพิเศษอีกหนึ่งเมนู ข้าวทอดกรอบซีฟู้ดเสิร์ฟพร้อมซุปพิเศษ เชฟเสิร์ฟให้ทานคล้าย ๆ เป็นข้าวต้มซีฟู้ด แต่ข้าวที่เสิร์ฟเป็นข้าวพองพร้อมกับท็อปด้วยซีฟู้ด เทน้ำซุปที่มีความเข้มข้นลงไปขณะที่เสิร์ฟบนโต๊ะ ทานแล้วได้สัมผัสของเมล็ดข้าวพองที่นุ่มด้านนอกจากการที่โดนกับน้ำซุป แต่ยังคงความกรุบกรอบอยู่ด้านใน น้ำซุปหอมและรสชาติกลมกล่อมคล้ายซุปไก่ นับว่าเป็นไอเดียของการนำเสนอที่น่าสนใจ
เติมเต็มมื้ออาหารมื้อนี้ให้สมบูรณ์อย่างที่สุดด้วย ชีสเค้กสูตรพิเศษของเชฟ เลสลี่ สัมผัสของเนื้อชีสเค้กเนียนละมุนลิ้น รสชาติหวานมัน เสิร์ฟพร้อมกับซอสเสาวรส สตรอเบอรี่ กี่วี่ และแก้วมังกร ซึ่งให้รสชาติที่เปรี้ยวตัดกับความหวานมันของชีสเค้กได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่เราได้ไปสัมผัสและทดลองชิมกับเมนูใหม่ของห้องอาหารจีน มานโฮ (Man Ho) โรงแรม JW Marriott กรุงเทพฯ (สุขุมวิทซอย 2) และอยากจะชวนทุกคนพาครอบครัวและคนรักมาสัมผัสกับความดีงามของห้องอาหารจีนมานโฮอย่างที่เราได้สัมผัสมาแล้วจนเกิดความประทับใจ
ข้อมูลสำคัญของห้องอาหารจีน มานโฮ (Man Ho)
- เปิดบริการทุกวัน
มื้อเที่ยง : 12:00 น. ถึง 14:30 น.
มื้อค่ำ: 6:00 น. ถึง 10.30 น. - เบอร์โทร 02-656-7700