นับเป็นปีทองของเชฟเมาโร โคลาเกรคโค (Mauro Colagreco) เพราะหลังจากคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาว และสร้างชื่อเสียงให้กับร้านมิราซูร์ (Mirazur) ในประเทศฝรั่งเศสจนโด่งดังและเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากการจัดอันดับ “50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปี ค.ศ. 2019” ไปได้สำเร็จแล้ว เชฟเมาโรสามารถคว้ารางวัลที่ 3 ส่งท้ายปีให้กับตัวเองด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ “เชฟที่มีอิทธิพลมากที่สุดของโลก”
อาชีพพ่อครัวนับเป็นหนึ่งในหลายๆ อาชีพที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูงและเป็นสายงานที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง หลายคนอาจสงสัยและตั้งคำถามว่าเชฟเมาโร โคลาเกรคโคเป็นใครและก้าวขึ้นมาสู่การเป็นเชฟอันดับหนึ่งในวันนี้ได้อย่างไร
เชฟเมาโร โคลาเกรคโค เป็นชาวอาร์เจนตินา เขาได้รับการจับตามองและกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2019 เมื่อเขากลายเป็นเชฟคนแรกที่ไม่มีเชื้อสายฝรั่งเศสแต่สามารถคว้ารางวัลเชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาวไปครองได้สำเร็จ หลังจากนั้นร้านอาหารมิราซูร์ที่เปิดให้บริการอาหารสไตล์ Haute-Cuisine ของเขาก็ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการจัดอันดับ “50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปี ค.ศ. 2019” เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และล่าสุดเขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “เชฟที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกประจำปี ค.ศ. 2020” หลังจากมีการประกาศรางวัลเชฟยอดเยี่ยมแห่งปี “Best Chef in the World 2020“ ซึ่งมีการจัดอันดับเชฟที่ดีที่สุด 100 อันดับในงาน World Summit Chefs ที่ราชรัฐโมนาโคเมื่อเร็วๆ นี้
*การประกาศรางวัลและจัดอันดับเชฟ 100 คนจัดขึ้นโดยนิตยสาร Le Chef จากการโหวตของเชฟที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์มาแล้วเท่านั้น
นับเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือนสำหรับเชฟเมาโร โคลาเกรคโค ที่สามารถขึ้นมายืนหนึ่งเทียบเท่ากับเชฟชื่อดังอย่าง อแลง ดูกาส และเบอร์นาร์ด ลัวโซ ได้อย่างงดงาม ซึ่งในอีกไม่นานนี้ เชฟเมาโรจะปลุกกระแส “Food Scene” ของกรุงเทพมหานครให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง เพื่อให้กรุงเทพฯ กลายเป็นมหานครที่เหล่านักชิมจากทั่วทุกมุมโลกจะเดินทางมารวมตัวกัน ด้วยการเปิดร้านอาหารแห่งใหม่ของเขาขึ้นที่ประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค” (Côte by Mauro Colagreco) ซึ่งจะตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ในปีหน้านี้
ร้านอาหาร “โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค” นำเสนออาหารเมดิเตอร์เรเนียนสไตล์ร่วมสมัย ผสมผสานการปรุงอาหารสูตรต้นตำรับแบบฉบับของชาวเมืองชายฝั่งทะเลประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี ที่ยังคงไว้ซึ่งส่วนผสม เครื่องปรุงรส และวัตถุดิบสดใหม่ที่หาได้ในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการนำเสนอรายการอาหารเด็ดที่ได้รับความนิยมของร้านมิราซูร์ เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาว เพื่อให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ ได้สัมผัสถึงประสบการณ์และการสร้างสรรค์เมนูอาหารแบบ “ไฟน์ ไดนิ่ง” ในบรรยากาศเหนือระดับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
มร. จอห์น บลังโก ผู้จัดการใหญ่ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เช่นเดียวกับประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ท่านอาจเคยได้ยินผู้คนพูดถึงประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่การรับประทานอาหารมีบทบาทและความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเราชาวโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ รู้สึกยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการมอบประสบการณ์ของการรับประทานชั้นเลิศ และยกระดับการให้บริการของร้านอาหารสไตล์ “ไฟน์ ไดนิ่ง” ของมหานครแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้นอีกระดับ”
ติดตามข่าวสารและสำรองห้องพักโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพได้ที่ www.capellabangkok.com หรือโทร. 02-098-3888