การได้ลิ้มรสอาหารที่ชอบในบรรยากาศที่ถูกใจนั้นถือเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่มาเติมเต็มให้อาหารมื้อนั้น กลายเป็นมื้อพิเศษได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมื้อค่ำสุดพิเศษของเราในวันนี้เกิดขึ้นที่ “เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์” (Medici Kitchen & Bar) ห้องอาหารอิตาเลียนของ โฮเทล มิวส์ แบ็งค็อก ย่านหลังสวน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Inspirational Traditional Italian Cuisine ที่เลือกใช้วัตถุดิบนำเข้ามารังสรรค์เป็นเมนูแสนอร่อย เพื่อให้ได้รสชาติอิตาเลียนแบบแท้ ๆ ให้เหล่านักชิมอย่างเราได้ลิ้มลอง นอกจากนี้บรรยากาศของ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ยังสร้างความประทับใจให้เราตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ได้สัมผัสเลยทีเดียว
หากถามว่าบรรยากาศของ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ นั้นทำให้เราประทับใจอย่างไร คงต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบที่ละเมียดละไม ดึงความหรูหราระหว่างสถาปัตยกรรมไทย และตะวันตกมาผสมกันได้อย่างลงตัว สังเกตได้จากโครงเหล็กดัดสีเข้ม และอิฐที่ประดับประดาอยู่บนผนังสร้างบรรยากาศให้ดูหรูหรา ขณะเดียวกันก็อบอุ่น และแฝงไปด้วยความโรแมนติก แสงไฟสลัวยิ่งเพิ่มเติม ความลึกลับ น่าค้นหา สั่งเครื่องดื่มที่บาร์สักแก้วแล้วก็เริ่มดื่มด่ำกับบรรยากาศกันได้เลย
ไม่รอช้าเราขอเริ่มต้นที่เมนู Mocktail สูตรพิเศษอย่าง Black Forest ที่ชูรสเปรี้ยวอมหวานเฉพาะตัวจากน้ำองุ่น และแบล็คเบอร์รี่ ให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ แต่อยากเข้าถึงบรรยากาศแก้วนี้รับรองว่าตอบโจทย์
ถัดมาที่ APEROL SPRITZ 390 Signature Cocktail ของ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ที่แสดงถึงความเป็นอิตาเลียนได้อย่างชัดเจน นุ่มละมุน พร้อมเพิ่มมิติด้วยรสเปรี้ยวเล็กน้อย ถือเป็นแก้วที่เราให้คะแนนเต็ม เพราะสามารถจิบได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีเบื่อจริง ๆ
จิบเครื่องดื่มไปได้สักพัก เราก็เริ่มเบนความสนใจมาที่เมนูอาหารคาวกันบ้าง ทุกเมนูของ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ นั้นได้รับการคิดค้น และรังสรรค์จากเชฟ Giuliano Berta (เชฟจูเลียโน) เชฟระดับมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ผู้สรรหาวัตถุดิบที่สดใหม่มาปรุงให้มีรสชาติดี และคงความเป็นอิตาเลียนไว้ได้มากที่สุด แถมในวันนี้เรายังมีโอกาสได้เห็นเชฟจูเลียโนปรุงอาหารให้เราแบบชัด ๆ อีกด้วย
ระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับเครื่องดื่มก็เป็นเวลา 2 ทุ่มครึ่งพอดี ถึงเวลาการแสดงโอเปร่าจาก Fivera วงดนตรีป๊อปโอเปร่าที่โด่งดังแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ใครที่อยากมาชมการแสดงสดของวงโอเปร่า ก็สามารถมาได้ทุกวันอังคารถึงวันเสาร์ โดยจะเริ่มแสดงตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มครึ่งถึง 3 ทุ่มครึ่ง
หลังจากดื่มด่ำกับเครื่องดื่ม และการแสดงโอเปร่าได้สักพัก AFFETTATI E FORMAGGI (750++) ก็ถูกเสิร์ฟขึ้นบนโต๊ะเป็นเมนูแรก โคลด์คัทสุดพรีเมี่ยมหลากหลายชนิด เสิร์ฟคู่ชีสที่นำเข้าจากอิตาลี เพิ่มรสชาติด้วยมะกอก และผักดองแบบโฮมเมด ถือเป็นเมนูเริ่มต้นที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป แถมยังอัดแน่นด้วยความพรีเมี่ยมตามสไตล์ของ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์
หากมาทานอาหารอิตาเลียนแล้วไม่ทานพาสต้าก็คงไม่ถูกต้องสักเท่าไร เมนูตระกูลพาสต้าเมนูแรกที่เราได้ลิ้มลองในวันนี้คือ RAVIOLI FOIE GRAS (650++) ราวิโอลีที่สอดไส้ด้วยฟัวกราส์หรือตับห่าน เนื้อแป้งราวิโอลีที่หนาแบบกำลังพอดี ให้รสสัมผัสเนียนนุ่มเข้าคู่กับไส้ฟัวกราส์ และหอมกรุ่นเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่คำแรก ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มความหอมกรุ่นด้วยทรัฟเฟิลครีมซอส เรียกได้ว่าคนที่หลงใหลในกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลต้องประทับใจอย่างที่สุด
ตามมาด้วย SPAGHETTI DI MARE (690++) สปาเก็ตตี้โฮมเมด ที่ตัวเส้นมีความหนานุ่ม ผัดคลุกเคล้ากับซอสรสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นเครื่องเทศตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทาน เรียกความสนใจด้วยซีฟู้ดเพื่อเสริมย้ำความเป็นอิตาเลียน สามารถเลือกลดหรือเพิ่มระดับความเผ็ดได้ตามต้องการ ความถึงเครื่องของเมนูนี้จะต้องถูกใจลูกค้าคนไทยอย่างเราแน่นอน ที่สำคัญอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟมาในปริมาณที่ค่อนข้างเยอะ เพราะตามวัฒนธรรมของการทานหารอิตาเลียนนั้น จะเน้นที่การ ‘sharing’ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทานกันนั่นเอง
ส่งท้ายเมนูพาสต้าด้วย CAPELLINI ALL’ ASTICE เมนูพิเศษจาก เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ที่ดึงดูดให้เราอยากลิ้มลองด้วยพาสต้าเส้นแองเจิลแฮร์โฮมเมดไม่เหมือนใคร นำไปผัดกับกุ้งล็อบสเตอร์ และหอยแมลงภู่ จนได้รสชาติที่เข้มข้น ทานแล้วแอบรู้สึกว่ามีความคล้ายกับต้มยำกุ้งน้ำข้นของบ้านเรา รสชาติถูกใจ โดยเมนูนี้เป็นเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะช่วงวีคเอนด์เท่านั้น แต่ถ้าอยากทานจริง ๆ เราเชื่อว่าเชฟไม่ขัดใจคุณแน่นอน
คงไม่ได้มีแค่พาสต้าหรือพิซซ่าเท่านั้นที่จะครองใจคนรักอาหารอิตาเลียน เพราะเมนูริซ็อตโตก็เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาด RISOTTO E CAPESANTE (790++) ริซ็อตโตสุดเข้มข้น คลุกเคล้ากับซอสครีมสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมของไวน์ และน้ำซุปหอยเชลล์นำเข้าจากฮอกไกโด ท็อปด้านบนด้วยหอยเชล์ตัวโตที่นำไปย่างจนด้านนอกเป็นสีน้ำตาลทอง แต่ด้านในยังคงความนุ่ม ฉ่ำ เพิ่มความลงตัวให้กับริซ็อตโตจานนี้ได้ดีมาก
มาถึงเมนูสุดท้ายก่อนจะไปทานของหวานกัน นั่นก็คือ FILETTO ROSSINI (1,550++) สเต็กเนื้อสันในชิ้นโตที่นำไปกริลล์ให้ได้ความสุกแบบปานกลาง ด้านนอกเป็นสีน้ำตาล ส่วนด้านในยังเก็บความชุ่มฉ่ำ และความหอมละมุนของเนื้อไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่ความพิเศษยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะเชฟจูเลียโน ยังเลือกท็อปด้านบนด้วยฟัวกราส์ชิ้นหนาที่นำไปเซียร์จนได้กลิ่นที่หอม เนื้อสัมผัสไม่แห้ง และไม่แฉะจนเกินไป เพิ่มความน่าจดจำให้เมนูได้ดีทีเดียว
ก่อนจะจบมื้อค่ำอันน่าประทับใจนี้ ทาง เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ยังเพิ่มเติมความหวานให้กับเราด้วย MEDICI TIRAMISÚ (300++) ขนมหวานที่ขึ้นชื่อของห้องอาหาร ไม่ว่าใครได้มาก็ต้องมาลองชิมให้ได้ ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับที่เชฟจูเลียโนทำให้ครอบครัวได้ทาน โดยความพิเศษของทีรามิสุสูตรนี้คือเชฟได้ใช้ ladyfingers ที่มีส่วนผสมหลักของไข่ และน้ำตาล จุ่มด้วย coffee liquor เม็ดช็อคโกแลต และมาสกาโปนชีส ทำให้เกิดความลงตัวระหว่างความเข้มข้นของกาแฟ และความหวานจากช็อคโกแลต ไม่ขม ไม่หวานจนเกินไป รสชาติดีสมกับเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ขอแนะนำว่าต้องมาลองให้ได้
เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ถือเป็นห้องอาหารที่ทำให้เราประทับใจได้มากทีเดียว แม้จะเป็นห้องอาหารในโรงแรม แต่ก็มีความสมเหตุสมผลในแง่ของราคา คุณภาพ และรสชาติ รวมไปถึงบรรยากาศที่ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับมื้ออาหารของทุกคน
ที่นี่เปิดให้บริการทั้งมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ โดยมื้อกลางวันจะให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ 12:00 น. – 14:30 น. และมื้อค่ำเปิดให้บริการทุกวันเวลา 18:00 น.-22:30 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะได้ที่เบอร์โทร 02-630-4000