ความครีเอทีพและแพชชั่นในความรักการทำอาหารของ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ บาร์ธ ซีวินสกี้ (Chef Bart Cywinski) จะทำให้คุณหลงไหลไปกับรสชาติของอาหารอิตาเลี่ยนในสไตล์การปรุงและตกแต่งจานของเชฟ บาร์ธ มากยิ่งขึ้นทวีคุณ แล้วคุณจะติดใจในเทคนิคการทำอาหารอันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของเชฟ บาร์ธ อยากให้คุณมาลองแล้วคุณจะได้อีกหนึ่งห้องอาหารอิตาเลี่ยน เก็บไว้เป็นหนึ่งในเฟเวอร์ริทลิสของคุณอย่างแน่นอน กับ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar)
สำหรับท่านใดที่สนใจจองห้องอาหาร Medici สามารถจองได้ที่ link นี้ https://bit.ly/2FDqh4t
เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar) ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน โรงแรม โฮเทล มิวส์ แบงค็อก หลังสวน ด้วยลุค โทนและตำแหน่งที่ตั้งของเมดิชี่ อาจทำให้หลายคนจินตนาการไปถึงห้องอาหารหรูไฟน์ไดนิ่ง นั่งทานอย่างเป็นทางการและมีราคาสูง หากมีโอกาสได้แวะมาคุณจะพบว่า เมดิชี่ เป็นห้องอาหารที่ชิล รีแล็กซ์และนั่งทานอาหารได้ผ่อนคลายมาก เป็นมุมหลบหลืบสุดโรแมนติก เหมาะมากที่จะมาซ่อนตัวทานอาหารอยู่ที่นี่ และจะยิ่งถูกใจมากขึ้นหากคุณได้ทราบว่าราคาอาหารไม่ได้ต่างจากร้านอาหารในห้างใจกลางเมืองเลย
เชฟ บาร์ธ ซีวินสกี้ (Chef Bart Cywinski) คือ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟของเมดิชี่ จากการสัมผัสสไตล์การทำอาหารของเชฟ บาร์ธ เราสัมผัสได้ถึงความเป็นคนเฟอร์เฟคชั่นนิสมากๆ คนนึง และยังได้ฟังถึงความตั้งใจของเชฟในการปรุงแต่ละเมนูอย่างพิถีพิถัน นำเสนอวัตถุดิบจากท้องถิ่นและปลอดสารพิษ ผสมผสานเข้ากับสไตล์รสชาติอาหารในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลี่ยน อีกทั้งยังมีรูปแบบการนำเสนอ จัดจานที่น่าสนใจ จนออกมาเป็นจานที่ดีที่สุดทุกๆจาน เสิร์ฟให้กับแขกที่มาทานที่เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ได้ยินอย่างนี้ คุณรู้สึกถึงความโชคดีมั้ยล่ะที่จะได้ลิ้มรสฝีมือเชฟที่มีความตั้งใจและพิถีพิถันในแต่ละเมนูที่เสิร์ฟมากขนาดนี้
เชฟได้เน้นย้ำถึงเรื่องวัตถุดิบที่ปลอดสารพิษอยู่หลายครั้ง เชฟบอกว่าเชฟเลือกที่จะใช้วัตถุดิบที่ปลูกโดยธรรมชาติ ปลอดสารพิษ วัตถุดิบหลายอย่างจึงเลือกสรรจากมูลนิธิโครงการหลวงมาเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงเมนูต่างๆ เพื่อความสะอาด ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของคนที่ทาน
แต่เชฟก็ยังน้ำว่า น้ำมันมะกอกและสมุนไพรต่าง ๆยังคงต้องนำเข้าจากประเทศ ด้วยรสชาติ ความหอม ยังงัยต้องมาจากประเทศแหล่งปลุกของวัตถุดิบนั้นจริงๆ
เมื่อเราได้มีโอกาสมาทานอาหารที่เมดิชี่ จึงขอเล่าเมนูที่เราได้มาทานสักหน่อย ที่นี่มีไวน์ให้เลือกจิบหลากหลายรสชาติ ซึ่งคุณสามารถคุยกับซอมเมอลิเย่ร์ของท่ีนี่ เมื่อเลือกไวน์ที่ถูกใจมาทานคู่กับมื้อดินเนอร์ได้เลย
หนมปัง Complimentary เสิร์ฟหลายรูปแบบ
ทานคู่กับ Balsamic และ Olive oil
ตามมาด้วย Amuse Bouche เสิร์ฟเป็นคำเล็กๆให้ทานกันกรุบกริบก่อนเริ่มทานเมนูหลัก
เมนูแรก เชฟเลือกที่จะพรีเซนส์เมนู Pumpkin and Truffles Soup ให้เราชิม เป็นซุฟฟักทองเสิร์ฟมาในแก้วกาแฟคล้ายเมนูกาแฟคาปูชิโน่ เพิ่มเติมด้วยการหยดกลิ่นทรัฟเฟิลลงไปด้วย ทำให้ซุปฟักทองเนื้อละมุน รสชาติเข้มข้นแก้วนี้ มีความพิเศษขึ้นมาด้วยการทิ้งความหอมของกลิ่นทรัฟเฟิลตบท้ายในลำคอทุกครั้งซด
เมนูถัดมาเป็นเมนู Local Mud Crab and Tomato Cannelloni สลัดเนื้อปูเสิร์ฟมาด้วยพรีเซนเทชั่นราวกับเตรียมเสิร์ฟในร้านมิชลินสตาร์ เป็นสลัดปูที่เนื้อข้นอัดแน่นไปด้วยเนื้อปู ท็อปด้วย Sturgeon Caviar และ Avocado Mousse เป็นเมนูสลัดเริ่มต้นที่เรียกน้ำย่อยได้ดีมาก
ตามมาด้วยเมนู Foie Gras Ravioli Truffle Cream ราวีโอลีสอดไส้ฟัวกราส์ราดด้วยทรัฟเฟิลครีมอย่างชุ่มฉ่ำ เมนูนี้ต้องบอกว่ารวมวัตถุดิบชั้นดีมาไว้ในเมนู ได้ความครีเอทของเชฟในการปรุงออกมาให้เข้ากันอย่างละมุน เมนูนี้ผ่านเข้าเป็นเมนูที่ถูกใจไปอย่างง่ายดาย
ตามมาด้วยเมนูจานหลักเมนูแรก Roasted Lamb ซี่โครงแกะย่างที่เชฟทำออกมาได้ดีมาก เนื้อแกะมีกลิ่นหอมทานเข้ากับซอสสูตรเฉพาะของเชฟ บาร์ธได้ดี
และเมนูจานหลักอีกจานคือ Roasted Snow Fish เนื้อปลาหิมะที่นำไปคุกกิ้งด้วยเครื่องซูวี ทำให้เนื้อปลามีความฉ่ำนุ่ม จากนั้นนำมาเซียร์ให้ผิวด้านนอกเหลืองหอม กรอบ ทานคู่กับโพเลนตา ตัดรสชาติกันแก้เลี่ยน เป็นเมนูที่เชียร์ให้ชิมอีกหนึ่งเมนู
เมนูล้างปากหลังจบเมนูอาหารคาวแล้วจะต่อด้วยของหวาน เป็นไอศกรีมโฮมเมดเลมอน (Lemon Sorbet) ท้อปด้วยเกล้ดน้ำแข็งเลมอนกรานิต้า (Lemon Granita) แล้วเชฟจะตามมาราดเหล้ามะนาว (Lemoncello) ที่เชฟทำขึ้นมาเองให้ถึงโต๊ะ เมนูนี้ทานแล้วสดชื่นมาก จนแทบไม่อยากทานไซส์เล็กแบบเมนูล้างปาก เชฟเสิร์ฟเมนูนี้ออกมาให้ติดใจอยากทานของหวานต่อทันที
เมนูของหวานน่าประทับใจมากเช่นกันกับ สตรอเบอร์รี่เจลาติน สป็องเค้ก มีความครีเอทีพด้วยเส้นพาสต้าสตรอเบอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่สดรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย ตั้งเข้าปากไปพร้อมๆกัน ออกมาเป็นเมนูของหวานรสสตรอเบอร์รี่ที่ลงตัวและแปลกใหม่มากๆ
อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่เรายกให้เป็น A Must Try เลยคือ Crème brûlée เครมบรูเล่เนื้อดีที่หาทานที่ไหนไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะเนื้อเครมบรูเล่ที่ไม่เหมือนใคร หอมหวานละมุมคล้ายทาร์ตไข่ รสชาติไม่หวานมาก ทานกับกล้วยราดราคาเมลและสตรอเบอร์รี่อบแห้งก็ให้รสชาติและสัมผัสที่พิเศษดี
เมื่อคุณได้มานั่งทานอาหารที่ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ คุณจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่ใครต่อใครต่างประทับใจและหาบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้จากร้านอาหารอื่นๆ นั่นคือ เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ เป็นทั้งห้องอาหารและโรงละคร ในระหว่างที่เรากำลังนั่งทานอาหารอยู่นั้นก็มี นักร้องโอเปร่าเดินเข้ามาร้องเพลงภายในห้องอาหาร เสียงก้องกังวานจนขนลุก และยังเดินไปตามโต๊ะอาหารของแขกแต่ละโต๊ะ
ด้วยการตกแต่งและบรรยากาศของเมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ที่เอื้อต่อการเป็นโรงละครแสดงสด ทำให้เราอินไปกับบรรยากาศและเสียงที่น่าทึ่งของนักร้องโอเปร่าอย่างประทับใจ และเรายังได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยว่า บางวันก็จะสลับสับเปลี่ยนเป็นดนตรีสด หรือบางครั้งก็เป็นการร้องโอเปร่าตอบโต้กันราวกับเป็นละครเวทีสดขนาดย่อม
ใครยังไม่เคยมา เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar) หรือเคยมาแล้วไม่ได้มานานแล้ว อย่าลืมแวะเวียนมาลองกันเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ต้องหาโอกาสมาลองจริงๆ
ร้านอาหาร เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar) โรงแรม โฮเทล มิวส์ แบงค็อก หลังสวน เปิดบริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น
- มื้อกลางวัน (Lunch) – 12:00 น. – 14:30 น.
- มื้อเย็น (Dinner) – 18:00 น. – 22:30 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะได้ที่โทร 02-630-4000 หรือ ไลน์แอด @musebkk