วันนี้เราได้มีโอกาสไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร “เสน่ห์จันทน์” ครัวไทยต้นตำรับดั้งเดิมที่บรรจงผสานศาสตร์และศิลป์ของข้าวปลาอาหารไทยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างประณีต จนล่าสุดได้กลายเป็น 1 ใน 14 ร้านอาหารที่คว้ามิชลิน 1 ดาว จากการประกาศรางวัลมิชลิน สตาร์ครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ไม่แปลกใจเลยที่“เสน่ห์จันทน์” จะมีดาวของมิชลิน มาติดหน้าร้านเพราะว่าอาหารไทยที่นี่เป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจ เรียกได้ว่าอิ่มแต่กายอย่างเดียวไม่พอ ยังทำให้คนที่มาเยือนอิ่มใจ คู่ควรแก่การวนรถไปชิมให้ได้สักครั้ง
“เสน่ห์จันทน์” เป็นชื่อขนมไทยโบราณที่ใช้ในงานมงคล พอได้ยินชื่อ “สะ-เหน่-จัน” ก็ฟังดูสบาย ๆ เป็นชื่อที่จำง่ายและมีเสน่ห์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณ Glasshouse at Sindhorn ถนนวิทยุนั่นเอง
ผ่านประตูเข้าไปเห็นงานประพันธ์พร้อมลายเซ็นของ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์และกวีซีไรต์ ถ่ายทอดถึงคอนเซปต์ของร้าน เป็นกลอนต้อนรับแขกที่บ่งบอกตัวตนของ “เสน่ห์จันทน์” ได้เป็นอย่างดี
บ่อบัวทองตกแต่งอยู่ด้านหน้าช่วยเพิ่มความหรูหรา แถมเป็นสัญลักษณ์มงคล ผูกกับความเชื่อทางศาสนาพุทธของคนไทยด้วยนะครับ อันนี้เราเก็บมาแชร์ให้ดู เห็นว่ามีความหมายดี
การตกแต่งของ “เสน่ห์จันทน์” เน้นไปที่การผสมผสานระหว่างความเป็นไทยเดิมกับสมัยใหม่ เป็นความคลาสสิคที่มีรสนิยมร่วมสมัย ผนังแต่ละด้านตกแต่งด้วยแกลลอรี่ภาพสถานที่สำคัญ ๆ ในประเทศไทย เช่น ภาพบรรยากาศของวัดและพระราชวังต่าง ๆ มีโซนที่นั่งโต๊ะสี่เหลี่ยมโซฟาสำหรับกลุ่มเพื่อน ถ้ามาเป็นครอบครัวก็เลือกนั่งโต๊ะกลมได้ ส่วนถ้ามากับคนรู้ใจก็มีมุมให้ดินเนอร์ที่ค่อนข้างไพรเวททีเดียว
มุมนี้เหมาะสำหรับดินเนอร์สองต่อสองมาก ๆ ถ้าใครอยากมีภาพเข้าธีมก็คงต้องแต่งตัวย้อนยุคแบบไทยคลาสสิคหน่อย ๆ ใส่ฟิลเตอร์ภาพสีเก่า ๆ สักนิดก็โอเคแล้ว
ตัวอย่างภาพที่นำมาใช้ตกแต่งแขวนผนัง กับมุมนั่งทานอาหารให้บรรยากาศที่คลาสสิคดี
สำหรับคนที่ต้องการจัดเลี้ยงที่นี่ก็มีห้องรับรองชื่อเพราะ ๆ ถึง 3 ห้อง ได้แก่ ห้องจันทน์ปรุง ห้องจันทน์ปรางค์ และห้องจันทน์หอม ซึ่งถูกจัดโต๊ะไว้สะอาด หรูหราสวยงามตามรูปแบบห้องอาหาร fine dining รองรับได้ตั้งแต่ 5-10 ท่าน ถ้าสนใจสามารถโทรมาจองล่วงหน้าได้เลย แถมไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วยนะครับ
หลายคนคงไม่คิดว่าร้านอาหารไทยหรู ๆ จะมีบาร์ส่วนตัวที่โดดเด่น แต่ที่ “เสน่ห์จันทน์” มีโซนบาร์สไตล์ไทยประยุกต์ที่ให้บริการเครื่องดื่มรสเยี่ยมครีเอทโดยทีมบาร์เทนเดอร์ที่มีความสามารถ โดย signature drink ของที่นี่จะใช้แรงบันดาลใจจากขนมไทยและเครื่องแกงไทยมาประยุกต์ใหม่ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยและต่างชาติต้องร้องฟิน!
คนรักดนตรีควรแวะมาวันศุกร์ เพราะทุกศุกร์ช่วงหัวค่ำจะมี live piano ฟังเพลิน ๆ ชิลไปกับดนตรีคลาสสิคฟังสบาย สั่งเครื่องดื่มและกับแกล้มนั่งสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ก็เป็นไอเดียที่ดีนะครับ
พูดถึงดริ๊งค์คนไทย ถ้าให้คลาสสิคจริง ๆ ก็ต้องยาดองนี่แหละ เข้าถึงบ้านเราที่สุดแล้ว ใครมีเพื่อนชาวต่างชาติต้องแวะมาลองของได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะผ่านกรรมวิธีบ่มในโหลแก้วอย่างสะอาดปลอดภัย รับ ‘ช้างกระทืบโรง’ สักช็อตไหมครับคุณท่าน
ไหน ๆ ก็มาถึงบาร์แล้ว ขอพูดถึงเครื่องดื่มของวันนี้กันก่อนเลยดีกว่า
ตัวแรกเป็นม็อกเทลที่ชื่อว่า ‘จันทน์หอม’ ม็อกเทลที่ใช้ ‘ส้มฉุน’ มาปั่นละเอียด เชื่อว่าคนรุ่นใหม่หลายคนอาจไม่เคยชิม ‘ส้มฉุน’ ขนมหวานโบราณในสมัยรัชกาลที่ ๒ เพราะไม่ได้หาทานง่าย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่ง ‘ส้มฉุน’ เป็นผลไม้ลอยแก้วที่คนโบราณจะใช้ผลไม้ตามฤดูกาลอาทิ ขนุน ลำใย เงาะ มะม่วง และลิ้นจี่มาใส่รวมกันในน้ำเชื่อมที่มีส่วนผสมของ ‘ส้มซ่า’ ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูลส้มที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน เครื่องดื่มนี้ยังมีกิมมิกเล็ก ๆ ในการโรยด้วยหอมเจียวเพื่อเพิ่มกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ นับเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน กลายเป็นเมนูคลายร้อนที่ดื่มได้ทุกเพศวัย
‘รัญจวน’ เครื่องดื่มสุดเซ็กซี่ที่นำเสนอเสน่ห์ของกลิ่นเครื่องเทศเครื่องแกงของไทย ค็อกเทลสุดครีเอทตัวนี้มีรสชาติเผ็ดร้อน และมีกลิ่นของพริกแกงไทยผสมผสานไว้อย่างน่าสนใจ
ต่อไปมาชิมอาหารคาวหวานกันดูบ้าง จุดเด่นของอาหารทุกจานในเสน่ห์จันทน์คือความใส่ใจในการคัดเลือกวัตถุดิบในการปรุง ที่เลือกเฉพาะวัตถุดิบชั้นเลิศจากภาคต่าง ๆ คือถ้าวัตถุดิบไหนขึ้นชื่อในจังหวัดใด ก็จะซื้อจากจังหวัดนั้นมาใช้ในครัว ทำให้ทุกเมนูมีส่วนผสมคุณภาพยอดเยี่ยมจากทุกภาคมารวมเข้าด้วยกันนั่นเอง ในส่วนของเทคนิคการปรุงก็จะต้องเน้นความเป็น homemade อะไรคั่วเองได้…คั่ว อะไรปรุงเองได้…ก็ปรุง เวลาทานอาหารที่ ‘เสน่ห์จันทน์’ จึงเหมือนเราได้สัมผัสรสมือคุณย่าคุณยายที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง
มาถึงก็เรียกน้ำย่อยด้วย ‘ยำถั่วพู’ ซึ่งมีความสดจนทำให้รู้สึกสดชื่น กุ้งแห้งและถั่วกรอบ รสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ปลุกทั้งรสชาติและรสสัมผัสชวนหิว
‘ต้มข่าไก่สูตรโบราณ’ จะแตกต่างด้วยน้ำซุปที่ค่อนข้างใส รสชาติออกเปรี้ยวจัดจ้านแต่ก็ไม่ได้เข้มข้นจนทำให้รู้สึกเลี่ยน กลิ่นพริกขี้หนูและผักชีหอมชวนรับประทาน ทานกับข้าวสวยแล้วรู้สึกดีมากเลย
ต่อมาเป็นเมนู ‘ปลาอุยฟูผัดพริกขิง’ ที่ใช้ ‘ปลาดุกอุย’ มาทำให้ฟู ก่อนนำไปผัดกับน้ำพริกกากหมู และไข่เค็ม รสชาติปลาอร่อยและหอมพริกแกงมาก ยิ่งไข่เค็มนี่กัดแล้วเนียน แถมไม่เค็มบาดลิ้นจนออกจะให้รสหวานมันด้วยซ้ำ ตัดกับถั่วฝักยาวสดกรอบ เป็นอีกหนึ่งจานที่ทานคู่กับข้าวสวยแล้วโดนสุด ๆ
‘งบปลาช่อน’ หรือ ‘งบปิ้ง’ อีกหนึ่งเมนูไทยโบราณที่ไม่ค่อยได้เห็นได้ทานกันนักในปัจจุบัน… “เสน่ห์จันทน์” จัดเสิร์ฟสวยในใบตองทรงเรือ แถมทำเนื้อปลาออกมาได้เนียนนุ่มแต่ไม่ละเอียดจนเละ คือมีสัมผัสบาง ๆ ของเนื้อปลาติดมาด้วย ใครชอบทานห่อหมก งบปลา ต้องมาลองให้ได้
‘ช่อมาลีไส้ปลา’ – ความงดงามของอาหารไทยอีกจาน เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากช่อม่วง อาหารว่างไทยโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน แต่ “เสน่ห์จันทน์” ใช้สีจากธรรมชาติช่วยเพิ่มสีสันให้กับเมนูนี้ เราทานไปพร้อมพริกขี้หนูและผักชีสดเด็ดช่อช่วยเพิ่มความจัดจ้านในรสและกลิ่นได้เป็นอย่างดี เห็นเล็กพริกขี้หนูแบบนี้ ทานไปใหญ่เต็มคำเลย
มาจนถึงเมนู ‘ซ่าหมู’ อารมณ์ออกจะคล้าย ๆ เมี่ยงคำแต่จะยำเครื่องมาให้เลย รสชาติของน้ำยำเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นมะนาว “เสน่ห์จันทน์” ใส่กระเทียมเจียวช่วยเพิ่มกลิ่นหอม ห่อใบชะพลูเคี้ยวมัน กรุบกรอบด้วยหนังหมูฉ่ำน้ำยำรสจัดจ้าน กลมกล่อมอร่อยตามตำรับไทย
มาถึงที่นี่ไม่ลองของหวานซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านก็คงไม่ได้ “เสน่ห์จันทร์” เป็นขนมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ลูกจันทน์’ ผลไม้พื้นบ้านที่มีผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง มีกลิ่นหอมชวนหลง คนโบราณจึงนำเสน่ห์ของผลจันทน์มาทำเป็นขนมนั่นเอง ซึ่ง ‘เสน่ห์จันทร์’ นับเป็น 1 ใน 9 ขนมมงคลที่นิยมมอบให้กันในงานมงคลเช่นงานขึ้นบ้านใหม่ งานมงคลสมรส เป็นต้น วันนี้เราได้ลองชิมเป็นครั้งแรก ที่ร้านใช้ถั่วเขียวมาทำ ใส่ผลจันทน์บดเพิ่มกลิ่นหอม ก่อนอบด้วยเทียนหอมที่ทำขึ้นเอง ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ทานขนมไทยโบราณแบบนี้มานานมาก พอได้กลับมาทานอีกครั้งก็รู้ว่าขนมบ้านเราก็อร่อย มีเสน่ห์ ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะครับ
“ข้าวเม่ารางน้ำกะทิ” เขาบอกว่าเป็นเมนูของหวานที่หาทานยากมาก ๆ ในตอนนี้ เราก็พึ่งมีโอกาสได้ชิมเป็นครั้งแรก ซึ่งครัวที่นี่ใช้ข้าวเม่าพื้นบ้านอย่างดีจากจังหวัดบุรีรัมย์ คั่วในกระทะด้วยไฟร้อนจัดทำให้เมล็ดข้าวเม่าพองโต ราไฟและคั่วจนมีกลิ่นหอม อบด้วยเทียนควั่นจากขี้ผึ้งทำให้มีกลิ่นหอมกรุ่นของควันเทียนแท้ ๆ รับประทานพร้อมกับเผือกนึ่งและแคนตาลูป จุดเด่นคือน้ำกะทิสดหวานมันที่มีกลิ่นน้ำตาลโตนดหอมหวาน ความอร่อยหลากหลายของของหวานถ้วยนี้คงจะตราตรึงใจเราไปอีกนาน
จริง ๆ เสน่ห์ของครัวไทยบ้านเราก็ไม่ได้จบอยู่ที่ต้มยำกุ้ง ผัดไทย หรือกะเพราไก่ไข่ดาว อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ ความพิถีพิถันของการปรุงอาหารตามวิถีไทยโบราณก็เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ยิ่งถ้ามีโอกาสได้เข้ามาสัมผัส จะรู้ว่าอาหารไทยมีความซับซ้อนและมีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เหมือนเมนูวันนี้ที่คล้ายว่าจะพาเราเข้าไปอยู่ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานยังไงยังงั้น ถ้ามีโอกาสต้องลองพาผู้ใหญ่ในครอบครัวมาทานกันดู เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องประทับใจและ ‘หลงเสน่ห์’ ที่ขนมาทั้ง ‘เสน่ห์ทางกาย’ และ ‘เสน่ห์ทางใจ’ ที่ร้านอาหาร “เสน่ห์จันทน์” บรรจงนำเสนออย่างแน่นอน
ใครที่สนใจก็สามารถมาใช้บริการที่ร้าน เสน่ห์จันทน์ (Saneh Jaan)
โทรศัพท์:02 650 9880
เว็บไซต์ : https://www.glasshouseatsindhorn.com/th/restaurant/saneh-jaan
เฟสบุ๊ค: https://www.facebook.com/sanehjaan
ที่ตั้ง : Glasshouse at Sindhorn ห้อง 130-132 ถ.วิทยุ ปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร 10330
เปิดให้บริการทุกวัน อาหารกลางวัน: 11:30-14:00 น. / อาหารเย็น: 18:00-22:00 น.
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทางรีวิวนี้
หรือในแฟนเพจของเราก็ได้ครับ http://www.facebook.com/SOtravelerDOTcom
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านรีวิวจนจบครับ ^.^