ช่วงเวลาที่การเดินทางระยะไกลยังไม่คล่องตัวมากนัก ทำให้หลายคนมีโอกาสลองสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนในรูปแบบ Staycation จนคุ้นเคยกันดี กลายเป็นอึกหนึ่งความสุขที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนแบบไม่ต้องเตรียมตัวกันมาก เรียกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่บังเอิญเพื่อนบนโซเชียลของคุณจะแชร์รูปพักผ่อนในห้องพักหรูและวิวสวย ๆ บนอินสตาแกรมและเฟสบุคของเค้าได้ทุกวัน เพราะความคุ้มค่าของแพคเกจ Staycation นั้นทำให้เราต่างปล่อยผ่านไปไม่ได้ ต้องรีบจับจองโดยเร็ว
เช็คราคาและจอง Park Hyatt Bangkok ได้ทันทีที่นี่
วันนี้โซทราเวลเลอร์มีโอกาสได้แวะมาสัมผัสประสบการณ์ Staycation กับโรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ (Park Hyatt Bangkok) โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ผลงานอินทีเรียดีไซน์โดยยาบู พุเชลเบิร์ก (Yabu Pushelberg) นักออกแบบระดับโลกจากนิวยอร์ก ที่ออกแบบพื้นที่ของโรงแรมให้สะท้อนความหรูหราด้วยโทนสีเบจ สีขาว สีดำ ผสมสไตล์มินิมอลที่สร้างมิติให้กับแขกที่เข้าพักรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวได้อย่างโดดเด่น ส่งผ่านคอนเซ็ปต์ ‘Luxury is Personal’ ของแบรนด์ Park Hyatt ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ส่งมอบความสุขในการพักผ่อนอย่างหรูหราแบบเป็นส่วนตัวได้อย่างดีเยี่ยม นำมาซึ่งประสบการณ์ Staycation ที่เราจะเล่าให้ทุกคนได้อ่าน บอกเลยว่าห้ามพลาดเลยสักบรรทัด
เราสัมผัสได้ถึงการบริการที่เป็นมิตร ใส่ใจ และรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ขับรถเข้ามาเทียบด้านหน้าโรงแรม เราแจ้งข้อมูลการเช็คอิน ทีม Concierge เข้ามาดูแลในส่วนของการขนกระเป๋าสัมภาระพร้อมบริการ Valet Parking อย่างมืออาชีพ จากนั้นเราก็ขึ้นลิฟต์ไปล๊อปบี้ของโรงแรมที่ชั้น 10 เพื่อทำการเช็คอินตามขั้นตอน กระบวนการเช็คอินรวดเร็วไม่ซับซ้อน พนักงานต้อนรับให้ข้อมูลเกี่ยวกับมื้ออาหารต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับพาไปส่งถึงห้องพัก
ห้องพักของพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ มีทั้งหมดจำนวน 222 ห้อง ด้วยโครงสร้างของตัวอาคารที่เป็นรูปสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ทำให้แต่ละห้องจะมีพื้นที่และวิวโดดเด่นแตกต่างกัน โดยมีไฮไลต์เป็นผนังกระจกบานใหญ่ที่ทำให้แขกที่เข้าพักอย่างเรามองเห็นทัศนียภาพภายนอกได้อย่างชัดเจน รับแสงธรรมชาติเพื่อสร้างความผ่อนคลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักที่ครบครัน รวมไปถึงเครื่องทำกาแฟ Nespresso เตารีดและอุปกรณ์รีดผ้า
เราเข้าพักห้องพักแบบ King Cornor ที่ประกอบไปด้วยห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำแบบลักซ์ซัวรี จัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องได้อย่างลงตัว
เมื่อเปิดประตูเข้ามา จะพบ Entrance hall พื้นที่สำหรับถอดรองเท้า มีโต๊ะวางของเล็กๆ ถือว่าทางโรงแรมได้จัดสเปสไว้กว้างสมกับความลักซ์ซัวรีของโรงแรม จากนั้นจะแยกโซนเป็น 2 โซนหลัก ๆ คือห้องพักและห้องน้ำ
รายละเอียดส่วนห้องพักมีโต๊ะทำงาน ตู้เย็น มินิบาร์ เครื่องทำกาแฟ Nespresso® เฟอร์นิเจอร์เป็นสีดำ ตัดกับอินทีเรียที่เป็นสีขาวและไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น
พร้อม Living Room ที่มีโซฟาขนาดใหญ่ มี Welcome Fruit วางไว้ต้อนรับ
เตียงนอนมีขนาดใหญ่ มีความนุ่มและแน่น นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน
ม่านห้องพักเป็นม่าน 2 ชั้น ม่านโปร่งและม่านทึบ ควบคุมการเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนห้องน้ำ มี Walk-in Closet พร้อมตู้เซฟ เตารีดและอุปกรณ์รีดผ้า ไม้แขวนให้มาเยอะ พร้อมอ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องสุขาแยก
อ่างอาบน้ำดีไซน์เรียบหรู ทรงโค้งมนรี แช่ตัวได้สบาย
ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในห้องน้ำเป็นของ Le Labo®
สระว่ายน้ำตั้งอยู่ที่ชั้น 9 เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ อินฟินิตี้พูล สามารถเกาะขอบสระชมวิวมหานครได้อย่างเต็มตา
แขกที่เข้าพักยังสามารถผ่อนคลายไปกับห้องอบไอน้ำคริสทัล ห้องซาวน่าระบบ Laconium และบ่อจากุชชี่ whirlpools ของ ปัญญ์ปุริ ออร์แกนิค สปา สปา ลักซ์ชัวรีสปาที่ชั้น 11 ของทางโรงแรม
อาหารเช้า (Breakfast) ให้บริการที่ ดิ เอ็มบาสซี รูม ที่ชั้น 9 ถือว่าเป็นห้องอาหารหลักของทางโรงแรม การจัดวางครัวเป็นครัวแบบเปิด ให้แขกได้เพลิดเพลินกับการปรุงอาหารของเชฟ เลือกได้ว่าจะนั่งภายในหรือนั่งด้านนอกใกล้สระว่ายน้ำ
อาหารเช้า มีให้เลือกสั่งหลายอย่างมาก ทั้งเมนูไข่ที่ทำจากไข่ไก่ออร์แกนิค ไม่ว่าจะไข่ดาว ไข่ดาวน้ำ ไข่ลวก ไข่ต้ม ออมเล็ต เสิร์ฟพร้อมแฮม เชดด้าชีส หอมหัวใหญ่ พริกหวาน มะเขือเท ไส้กรอก เบคอน ผักโขม เลือกสั่งได้ตามใจชอบ
และยังมีเมนู Egg benedict เสิร์ฟพร้อมขนมปังบริออชปิ้ง แซลมอนรมควันหรือจะเลือกเป็นแฮมก็ได้ พร้อมหน่อไม้ฝรั่ง ซอสออล็องแดช และยังมีเมนูอลาคาร์ทสไตล์เอเชียนอย่าง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวไข่เจียว ไข่กะทะ เส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว ข้าวต้มปลากะพง ข้าวเหนียวหมูปิ้งเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว ข้าวหอมมะลิไก่ย่าง โจ๊กฮ่องกงหมูสับ ผัดหมี่ซั่วหมูแดง
มื้อกลางวันเราได้ทานเซ็ตอาหารไทยแบบดั้งเดิม ชื่อว่า “เพลิน-จิต” (Ploenchit) ที่ห้องอาหาร เดอะ ลิฟวิ่ง รูม (The Living Room) ชั้น 9 เป็นเซ็ตอาหารกลางวันที่คุ้มค่าคุ้มราคามาก ในเซ็ตประกอบไปด้วย เมนูอาหาร 3 คอร์ส คือซุป เมนูจานหลัก และของหวาน
ตัวอย่างเมนูอาทิเช่น ต้มยำกุ้ง รสชาติเข้มข้นจัดจ้านสไตล์ไทย ต้มข่าไก่ รสกลมกล่อม ข้าวผัดปู ผัดไทย ข้าวซอยไก่เครื่องแกงโฮมเมดสูตรต้นตำหรับ แต่ละเมนูเสิร์ฟมาในพอชั่นที่อิ่มแน่นท้อง ของหวานมีข้าวเหนียวมะม่วง และกล้วยเชื่อมราดกะทิ แถมยังมีม็อคเทลรสชาติพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าทึ่งรวมอยู่ในเซ็ต ทั้งหมดนี้ราคา 599++ บาท เท่านั้น
มื้อเย็นใครอยากทานแบบเต็มอิ่มจุใจ แนะนำ บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ ที่ห้องอาหาร ดิ เอ็มบาสซี รูม (The Embassy Room) ชั้น 9 มื้อที่คุณจะเต็มอิ่มกับเมนูอาหารพรีเมี่ยมทั้งสเต็กเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ซีฟู้ดเนื้อสดหวาน หอยนางรม ชีส โควด์คัท และยังมีเมนูอะลาคาร์ทให้เลือกสั่งอีกหลายเมนู ตบท้ายด้วยขนมหวานปิดท้ายมื้ออาหารสุดฟิน
สำหรับบริเวณนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้วกับ “เดอะ พาร์ค คาเฟ่” (The Park Café) คาเฟ่ของโรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้เพียงไม่กี่เดือน มีกระแสตอบรับที่ดีมาก เดอะ พาร์ค คาเฟ่ มีทั้งกาแฟหอม ๆ อาหารว่าง เบเกอรี่อบใหม่ และแน่นอนว่ามีครัวซองต์ที่เป็นเบเกอรี่ยอดฮิต ณ ตอนนี้ สำหรับครัวซองต์แนะนำให้โทรสั่งจองล่วงหน้า เนื่องจากทางเชฟอบเบเกอรี่สดใหม่วันต่อวัน จึงทำออกมาในปริมาณที่จำกัด ใครไม่อยากพลาดทานของอร่อย โทรจองล่วงหน้าดีที่สุด การันตีได้ว่าคุณจะไม่พลาดที่จะได้ลิ้มรสครัวซองต์เมนูโปรดของคุณอย่างแน่นอน
“เดอะ พาร์ค คาเฟ่” (The Park Café) เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 08.00-18.00 น. อีกหนึ่งโลเคชั่นคาเฟ่ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ
หลังจากที่เราได้ไปสัมผัสประสบการณ์เข้าพักในรูปแบบ Staycation กับโรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ พูดได้เลยว่า พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ได้ใจเราไปเต็มร้อย ทั้งการบริการของพนักงานที่เอาใจใส่ได้อย่างน่าประทับใจ รสชาติอาหารที่ชวนให้ติดใจอยากกลับไปทานอีกหลาย ๆ ครั้ง รวมไปถึงห้องพักสไตล์มินิมอล เรียบ หรู เห็นวิวกรุงเทพฯ ได้อย่างเต็มตา ใครที่ยังไม่เคยมาลองพักและใช้บริการโรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง นี่อาจะเป็นจุดหมายพักผ่อนสบาย ๆ ในวันหยุดที่คุณกำลังตามหาอยู่
เช็คราคาและจอง Park Hyatt Bangkok ได้ทันทีที่นี่
โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ (Park Hyatt Bangkok)
- เบอร์โทรศัพท์ 02-012-1234
- อีเมล: [email protected]
- เว็บไซต์: https://www.hyatt.com/en-US/hotel/thailand/park-hyatt-bangkok/bkkph