ก้าวเข้าสู่ “Green Season” ช่วงพฤษภาคม ถึงตุลาคมของทุกปี SOtraveler ขอชวนทุกคนมาสัมผัสความอุดมสมบูรณ์แบบ Unseen ที่ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา (Pimalai Resort & Spa) รีสอร์ตหรูบนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ จุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติสีเขียวอันร่มรื่น ผสมผสานความสวยงามของท้องทะเลอันดามันอย่างลงตัว ในหนึ่งปีควรจะมีสักหนึ่งทริปที่ได้พักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้
Pimalai Resort & Spa เป็นรีสอร์ตที่อยู่ภายใต้เครือ Small Luxury Hotels of the World™ (SLH) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 250 ไร่ ที่พักของรีสอร์ตมีทั้งวิลล่าที่ตั้งอยู่บนเชิงเขา เห็นวิวทะเลอันดามันค่อยๆ ไล่โทนจากสีเทอร์คอยซ์ในทะเลน้ำตื้น สู่สีเขียวมรกต สวยสะกดจิต ตลอดจนวิลล่าที่อยู่ห่างทะเลอันดามันเพียงไม่กี่ก้าว ใกล้ชิดกับชายหาดของรีสอร์ตที่ทอดยาวกว่า 900 เมตร
เรารู้สึกประทับใจ Pimalai Resort & Spa ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากสนามบินกระบี่ จนกระทั่งขากลับก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ทางรีสอร์ตมีบริการรถและเรือ รับส่งระหว่างสนามบินกระบี่กับรีสอร์ตบนเกาะลันตา มีโมเมนต์การบริการของพนักงานที่สร้างความประทับใจให้เราอยู่ตลอด

พื้นที่ของ Pimalai Resort & Spa ผสมผสานได้อย่างลงตัวกับธรรมชาติอันร่มรื่น สวรรค์สำหรับผู้ที่แสวงหาการพักผ่อน ท่ามกลางทะเล หาดทราย และต้นไม้อันเขียวชอุ่ม และนอกเหนือจากที่พักแล้วทางรีสอร์ตยังมีกิจกรรมมากมายให้ผู้เข้าพักได้เติมเต็มความสุขทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส, โยคะ, เวทีมวยไทย, สนามเทนนิส, สนามบาสเก็ตบอล, คิดส์คลับ และทริปล่องเรือเที่ยวเกาะ ดำน้ำ ดูปะการัง สัมผัสวิถีชีวิตอันมีเสน่ห์ของชาวบ้านบนเกาะลันตา
ห้องที่เราเข้าพักในครั้งนี้เป็นห้องพักแบบวิลล่าบนเนินเขา (Hillside Ocean View Pool Villa) มองเห็นทิวทัศน์ของผืนทะเลอันดามันอย่างชัดเจน ภาพของเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง พร้อมสายลมที่พัดเอาความเย็นสดชื่นมาประทะผิวกาย ช่างเป็นความสุขที่สัมผัสได้อย่างง่ายๆ ณ รีสอร์ตแห่งนี้
ยามเย็น ยังมีไฮไลต์ในเฉพาะช่วงพระอาทิตย์กำลังตก อากาศจะเย็นลง ทะเลเริ่มสงบมากขึ้น ท้องฟ้าไล่ระดับสีจากโทนร้อนค่อยๆเปลี่ยนเป็นโทนเย็น สุดแสนจะโรแมนติก บอกเลยว่าหลงรักมากๆกับบรรยากาศแบบนี้

ภายในวิลล่ามีสระว่ายน้ำสำหรับแช่ตัวขนาดใหญ่ คั่นกลางระหว่างวิลล่าที่เป็นห้องนอน และวิลล่าที่เป็นห้องนั่งเล่น วิลล่าเน้นการตกแต่งด้วยไม้ สร้างบรรยากาศกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ทุกพื้นที่มีความน่าอยู่ อบอุ่น

เตียงนอนนุ่มสบาย ตกแต่งสไตล์วินเทจ คลาสสิค มีเสาทั้งสี่ด้านปิดล้อมด้วยผ้าม่านที่มีความโปร่งและบาง ทำให้อยากนอนเร็วขึ้น

วิลล่าส่วนที่เป็นห้องนอนยังมีเตียงอาบแดดให้นอนเล่นชมวิวทะเล และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอีกด้วย ส่วนวิลล่าฝั่งห้องนั่งเล่น ตรงระเบียงจะเป็นโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร สำหรับเราใช้เป็นโต๊ะจิบกาแฟยามเช้า ผ่อนคลายอย่างที่สุด



นอกจากจะมาพักผ่อน เอนกาย สบายๆ แล้ว Pimalai Resort & Spa ยังมีกิจกรรมให้เลือกเล่นหลากหลาย ให้ทุกคนได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมภายในรีสอร์ต และกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตได้ร่วมมือกับชาวบ้านบนเกาะลันตา
อย่างกิจกรรมสนุกๆ ที่เราเล่นเองทุกวันในระหว่างที่เข้าพักก็อย่างเช่น การออกกำลังกายที่ฟิตเนส จากนั้นมาวิ่งเล่นบนชายหาด ต่อด้วยการโต้คลื่นอันแสนสนุก พนักงานที่ดูแลตรงชายหาดให้บริการอย่างนอบน้อม น่ารักดี


เรามีโอกาสได้ออกทริปล่องเรือเที่ยว “ถ้ำมรกต” และ “เกาะไหง” เป็นการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวทางทะเลอันน่าตื่นเต้นของเราอีกครั้งหนึ่ง ทางรีสอร์ตมีเรือส่วนตัว ออกจากท่าเทียบเรือในช่วงเช้าสายๆ ล่องเรือชมวิวเพลินๆ จนถึงจุดดำน้ำดูปะการังที่เกาะไหง พนักงานก็นำอุปกรณ์ดำน้ำตื้นแบบสนอร์เกิลลิ่งจัดเตรียมไว้ให้เราใช้อย่างเพรียบพร้อม เจ้าหน้าที่ทางรีสอร์ตให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เอาใจใส่เป็นอย่างดีอย่างสัมผัสได้ น้ำทะเลใสมาก ว่ายเพลิน เห็นปลาว่ายอยู่รอบๆเป็นจำนวนมาก

ช่วงเวลาเล่นน้ำเป็นอีกช่วงที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ้างดำน้ำ ดูแลเสร็จ สักพักก็ขึ้นเรือไปจิบเครื่องดื่มเย็นๆรอ บ้างก็ยังสนุกกับการดำน้ำ จนเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเรือ เนื่องจากถึงเวลาทานมื้อเที่ยง พนักงานจัดเตรียมอาหารให้เลือกตักทานกันตามความชอบ เมนูมีครบทั้งผัด ทอด ขนมหวาน ผลไม้ การได้ทานอาหารหลังจากว่ายน้ำมาหนักหน่วง เรียกความอร่อยได้หลายสิบเท่าเลยทีเดียว

จากนั้นเรือจะล่องไปยังถ้ำมรกต ระยะเวลาพอเหมาะพอดีที่มื้อเที่ยงที่ทานไปเริ่มย่อยในกระเพาะไปสักพัก ความตื่นเต้นได้เริ่มขึ้นอีกครั้งกับการที่เราต้องว่ายน้ำเข้าไปยังถ้ำมรกตเป็นระยะทาง 80 เมตร สนุก มันส์ ตื่นเต้น อีกหนึ่งความท้าทายที่เราต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อไปชมลากูนสีเขียวมรกต หนึ่งในอันซีนแห่งท้องทะเลอันดามันที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ สำหรับเราแล้วสิ่งที่ได้มากกว่าการได้ชมลากูนสีเขียวมรกตภายในถ้ำ คือความสนุกที่ได้เกาะไหล่เพื่อนร่วมทริปเป็นแถว ช่วยกันว่ายน้ำลอดถ้ำให้สำเร็จ เป็นโมเมนต์ที่สนุก ประทับใจจนถึงตอนนี้

นอกจากนี้ทาง Pimalai Resort & Spa ยังมีทริป “เกาะตะละเบ็ง” และ “ชุมชนเมืองเก่า” ให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์การล่องเรือสู่ “เกาะตะละเบ็ง” เกาะหินปูนอันน่าทึ่งกลางทะเลอันดามัน พายเรือคายัคชมทัศนียภาพโดยรอบที่เป็นหน้าผาหินอันโดดเด่น โดยเฉพาะเวลาที่แสงแดดสาดส่องจะเห็นลายหินที่มีความสวยงามชัดเจน หรือจะเป็น ล่องเรือแจวหรือกอนโดลาแห่ง “ทุ่งหยี่เพ็ง” ล่องเรือดื่มด่ำกับบรรยากาศของธรรมชาติ ที่มีทั้งสายน้ำ ผืนป่า แสงและเสียงยามเช้า ยามบ่าย ยามเย็น หรือยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์เจิดจ้าในคืนขึ้น 15 ค่ำ พร้อมจิบชาและของว่างในท้องถิ่นของ “บ้านทุ่งหยีเพ็ง” ชุมชนเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งป่าเขาและป่าโกงกาง เหมาะสำหรับผู้คนที่ต้องการพักผ่อน และให้ธรรมชาติช่วยทำให้จิตใจได้ผ่อนคลาย
และล่าสุดทางรีสอร์ตได้ร่วมกับชาวบ้านในเกาะปอ จัดทริปเที่ยวเกาะปอ เกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่ เป็นชุมชนชาวประมงที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวชมวิถีชีวิต และยังมีแนวชายหาดที่สวยงามให้ได้ลงเล่นน้ำและอาบแดด บนเกาะปอยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการนักท่องเที่ยว มีเพียงโฮมสเตย์ของชาวบ้านบนเกาะปอเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัส เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงเกาะลันตาแบบฉบับชาวบ้านท้องถิ่นอันแท้จริง

ยกระดับการพักผ่อนให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นกับ “พิมาลัยสปา” สปาที่ได้รับรางวัลระดับโลกด้วยเทคนิคการบำบัดแบบดั้งเดิมผสานความร่วมสมัยโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของไทยโดดเด่นด้วยการออกแบบศาลานวดที่ไม่เหมือนใครด้วยคอนเซปต์ศาลาเจ็ดยอด เราไม่พลาดที่จะนวดอโรม่าหลังจากกลับจากทริปดำน้ำ เพื่อปลอบประโลมผิว และคลายอาการเมื่อยล้าจากการดำน้ำตื้น

พนักงานต้อนรับมีกลิ่นน้ำมันให้เลือกถึง 6 กลิ่น แต่ละกลิ่นให้การบำบัดผิวและส่งผลต่อความรู้สึกแตกต่างกันไป เลือกได้ตามความชอบ จากนั้นเทอราปิสจะพาเราไปยังศาลานวดเป็นหลังๆ กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ขั้นตอนการนวดของเทอราปิสที่นี่มีความแตกต่างจากที่อื่น รูปแบบการนวดเริ่มที่การนอนหงาย ให้สูดดมน้ำมันก่อนนวดด้วยท่านอนหงาย และเริ่มด้วยการนวดคอ นวดศรีษะก่อน เป็นเจอร์นี่การนวดที่เรายังไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อน ให้ความผ่อนคลายที่ดีไปอีกรูปแบบหนึ่ง นวดเสร็จเทอราปิสจะพามานั่งที่ศาลาพักผ่อน พร้อมเสิร์ฟน้ำขิงอุ่นๆให้นั่งจิบ

ทางด้านของอาหาร Pimalai Resort & Spa มีร้านอาหารบริการถึง 3 แห่งด้วยกัน อย่าง SPICE’N RICE ห้องอาหารไทยดั้งเดิมรวมถึงอาหารใต้รสเด็ดสมุนไพรส่วนใหญ่ที่ใช้ในร้านอาหารนี้มาจากฟาร์มออร์แกนิกของรีสอร์ทซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ห้องอาหาร RAK TALAY (รักษ์ทะเล) ร้านอาหารริมทะเลที่เท้าสามารถสัมผัสทรายขาวละเอียดได้ตลอดการอิ่มอร่อยกับเมนูฟิวชั่นที่หลากหลายของร้านอาหารนี้รวมถึง Surf and Turf Saturday Buffet ทุกค่ำคืนวันเสาร์อาหารทะเลปิ้งย่างสดใหม่พร้อมดนตรีสดและการแสดงไฟให้ชมเป็นแหล่งรวมตัวของคนในรีสอร์ทที่ครื้นเครง
ส่วน SEVEN SEAS ร้านอาหารตั้งอยู่บนเนินเขาสูง วิวสวยมองเห็นทะเลอันดามันแบบสุดสายตา ให้บริการทั้งมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ


อาหารเช้ามีให้เลือกทานแบบครบครัน เป็นแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มีทั้งสลัดบาร์ ชีส โคลด์คัท อาหารไทย อาหารจีน ติ่มซ่ำ เมนูไข่แบบต่าง ๆ เลือกทานได้แบบอิ่มจุใจอย่างแน่นอน เราสอบไข่กะทะและเอ้กเบเนดิกต์ ทางเชฟทำออกมาได้อร่อยมาก


การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ เครื่องบินลงสนามบินนานาชาติกระบี่ ต่อด้วยรถและเรือ มีท่าเรือ Pimalai Jetty ของรีสอร์ตเอง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เรือ Speed Boat จากภูเก็ต ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง
ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมเที่ยวเมืองไทยที่ไหน เราขอแนะนำ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา (Pimalai Resort & Spa) ที่ๆคุณจะอยากใช้เวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวรีสอร์ตที่แฝงตัวไปกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน อาหารอร่อย ตลอดจนกิจกรรมทั้งในและนอกรีสอร์ต จะทำให้คุณติดใจ และอยากกลับมาเยือนที่นี่อีกหลายๆครั้ง
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา (Pimalai Resort & Spa) หรือจองการเข้าพักได้ที่ pimalai.com อีเมล [email protected] โทร. 02 320 5500 LINE: @pimalai