Restaurant Int ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining แห่งใหม่ บนชั้น Rooftop ของโรงแรมเบสท์เวสเทิร์น สุขุมวิท 20 นำโดยเชฟน็อค-พัทธ์อินทร์ พรหมสวัสดิ์ ซึ่งชื่อร้าน ‘INT’ ก็มีที่มาจากชื่อของเชฟน็อคอีกด้วย เรามาทำความรู้จัก Restaurant Int ให้มากขึ้นกันดีกว่า… เริ่มตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านก็จะพบกับบรรยากาศคลาสสิคเรียบหรูด้วยการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่ดูเรียบง่ายเน้นโทนสีเทาเข้มเป็นหลัก เชฟน็อคกล่าวว่า “ที่ตั้งของร้านปัจจุบันยังถือว่าเป็นร้านป๊อปอัพ ที่ประหนึ่งว่าเป็นการ intro ให้ทุกคนได้รู้จัก และสร้างความคุ้นเคยกับรสชาติและสไตล์อาหารของ Restaurant Int ในระหว่างสถานที่ตั้งของร้านจริงๆกำลังเตรียมการอยู่”
เมนูของ Restaurant Int จะเสิร์ฟเป็นเซ็ตเมนูในสไตล์ Progressive Thai Cuisine อาหารไทยที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยเทคนิคสมัยใหม่ นำเสนอในรูปแบบโมเดิร์น รูปร่างหน้าตาอาจเแตกต่างไปจากอาหารไทยที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่รสชาติยังคงไว้ซึ่งความเป็นไทยอย่างลงตัว
Restaurant Int เลือกที่จะแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักด้วยเซ็ตเมนูแรกของร้านอย่าง Chapter 1 – Way Back Home หยิบยกเอาเมนูสตรีทฟู้ดของไทย มารังสรรค์ด้วยวัตถุดิบที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีทั้งไทยและเทศ นำเสนอด้วยเทคนิคโมเดิร์น รับประทานแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างแน่นอน
Chapter 1 – Way Back Home
THB 3,990++/Person
เริ่มต้นคอร์สแรกด้วย BLUE CRAB เมนูที่ให้ความสดชื่นเปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี โดยได้แรงบรรดาลใจมาจากน้ำพริกไข่ปู เริ่มด้วยทาร์ตที่มีส่วนผสมของสาหร่าย ตามด้วยครีมไข่ปูที่เชฟนำไข่ปูไปผัดกับสมุนไพรจากนั้นนำไปปั่นและทำเป็นครีมซอส บีบใส่ตรงกลางเป็นไส้ของทาร์ต ท็อปด้วยเนื้อปูที่คลุกเคล้าออกมาคล้ายยำ เพิ่มความเค็มละมุนด้วยคาเวียร์จากประเทศฝรั่งเศสและไข่ปูย่าง

ถัดมาคอร์สที่สอง SMOKED PORK เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากข้าวเหนียวหมูปิ้งน้ำจิ้มแจ่วผสมผสานลาบทอด เสิร์ฟมาให้รับประทานควบคู่ในคำเดียวกัน ในส่วนของข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็นเมนูอาหารเช้าที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีโดยเฉพาะวิถีชีวิตชาวเมืองที่ต้องเร่งรีบในยามเช้า ก็ได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งนี่แหล่ะเป็นเมนูเพิ่มพลัง ตรงกลางของคำจะเป็นเนื้อหมูที่เชฟนำไปหมักกับสามเกลอและซอสคล้ายการหมักหมูปิ้ง จากนั้นนำไปผ่านกรรมวิธีจนออกมาเป็นเทอร์รีนหมูปิ้งเนื้อละมุน โรยด้วยผงใบโหระพา ส่วนของข้าวพองด้านนอกจะเป็นส่วนที่ให้สัมผัสของความเป็นลาบที่มีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวและข้าวคั่ว

คอร์สที่สาม AGED COBIA FISH เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากทอดมันปลาที่ทานควบคู่กับน้ำอาจาดแตงกวา แต่เชฟนำมารังสรรค์เป็นเมนูทอดมันปลาที่เสิร์ฟในรูปแบบเย็น ประกอบไปด้วยปลาช่อนทะเลคลุกกับสมุนไพรดรายเอจรสเข้มข้น ประกบด้วยแผ่นแคร็กเกอร์ที่มีส่วนผสมของพริกแกงทอดมัน ท็อปด้านบนด้วยอาจาดแตงกวา และมะพร้าวเพียวเร่

คั่นด้วยเมนูขนมปังในคอร์สที่สี่ BREAD & BUTTER ขนมปังที่ได้แรงบรรดาลใจมาจาก 3 เมนูคือ ซาลาเปาทอด ขนมไข่นกกะทาหรือขนมไข่เต่า และขนมจีบทานคู่กับจิ๊กโฉ่ว สัมผัสแรกคือจะได้ความกรอบของซาลาเปาทอด ตามด้วยไส้ขนมปังตรงกลางทำจากมันฝรั่งเนื้อสัมผัสนุ่มและมีกลิ่นหอมเหมือนขนมไข่เต่า ทานคู่กับเนยรสจิ๊กโฉ่วโรยกระเทียมเจียวที่ให้สัมผัสเหมือนกำลังทานขนมจีบ อึกหนึ่งเมนูที่เราประทับใจมาก

คอร์สที่ห้า WILD CAMARON ROJO เมนูเซวิชเช่ที่ให้สัมผัสเหมือนทานต้มยำกุ้งน้ำข้น มีส่วนผสมของกุ้งแดงจากสเปน กุ้งตัวเล็กทอดเพิ่มเทกเจอร์ และยอดมะพร้าว ตัวซอสมีต้นแบบมาจากน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมผสานกับน้ำกะทิและพริกเผา ยกระดับความหอมด้วยยูสุ เข้มข้นโดนใจ

คอร์สที่หก SAVOY CABBAGE เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากหมูกะทะ เป็นการเสิร์ฟหมูกะทะแบบเลเยอร์ มิติใหม่ของการนำเสนอหมูกะทะ เริ่มตั้งแต่จานที่สั่งทำมารูปแบบพิเศษที่จะมีขอบตรงกลางคล้ายกับเตาย่างหมูกะทะ ส่วนเมนูเริ่มที่ฐานด้านล่างทำมาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปั่นและนำไปอบเป็นฐาน ตามด้วยชั้นที่สองเป็นมูสที่ทำมาจากหมูสับกับตับหมู ตามด้วยหมูสามชั้นที่นำไปสโลว์คุกจนนุ่ม ท็อปด้วยเห็ดหูหนูขาว ซาวอย และซอสหมู

คอร์สที่เจ็ด GROUPER เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากข้าวต้มปลา โดยการนำปลาเก๋ามาห่อด้วยข้าวหอมมะลิที่ผ่านการผัดกับมันไก่และสมุนไพร ตกแต่งด้านบนด้วยเพียวเร่ที่ทำมาจากซอสมิโสะและเต้าเจี้ยว เจลลี่ทำมาจากขิงอ่อน เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่มีส่วนผสมของกระดูกปลาย่างปรุงในสไตล์ญี่ปุ่น

คอร์สที่แปด SQUID เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากหมึกผัดไข่เค็ม เสิร์ฟในรูปแบบรีซอสโต้ ทั้งข้าวและหมึกคลุกเคล้ากันจนได้ที่ มีรสชาติหอมกลมกล่อม ซอสไข่เค็มหอมมันกำลังดี ด้านบนยังท็อปด้วยหมึกหอมจากภูเก็ตย่าง โรยด้วยไข่เค็มและโฟมที่ทำมาจากยูสุและไวน์ขาว

เข้าสู่คอร์สที่เก้า BRITANY COD เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากขนมจีนน้ำยาปลาย่าง เชฟนำปลาค็อดนำเข้าจากฝรั่งเศสเนื้อแน่นแต่นุ่ม ย่างจนได้ที่ ให้รสชาตินุ่มนวลและมีความฉ่ำ เสิร์ฟให้ทานคู่กับเส้นด้องแด้งพร้อมซอสและเพียวเร่ที่ทำมาจากใบแมงลัก กระชาย เป็นขนมจีนน้ำยาปลาย่างที่ยกระดับได้อย่างลงตัว

คอร์สที่สิบ WAGYU BEEF เมนูที่ได้แรงบรรดาลมาจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อเอ็นตุ๋น ส่วนของชามที่เลือกใช้ก็สั่งทำพิเศษให้มีความคล้ายกับชามตราไก่ ทางด้านเมนู เชฟเลือกใช้เนื้อวากิวนำไปย่างด้วยกรรมวิธีพิเศษที่จะทำให้เนื้อมีความนุ่มฉ่ำ อันเป็นเทคนิคพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับราวิโอลีที่ทำมาจากใบคะน้าสอดไส้องค์ประกอบของก๋วยเตี๋ยวเนื้อเอ็นตุ๋นไว้อย่างครบครัน ตกแต่งด้วยกากหมูเจียว และเจลที่ทำมาจากพริกน้ำส้ม

ถัดมาเป็นเมนูล้างปากก่อนเข้าสู่คอร์สขนมหวาน SEASONAL FRUITS โยเกิร์ตเสิร์ฟพร้อมซอร์เบต์ฝรั่งที่อินฟิวส์กับใบมินต์เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

ตามด้วยเมนูขนมหวาน BLACK STICKY RICE เมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจาก ‘ขนมจาก’ เป็นเค้กข้าวเหนียวดำให้ความหอมหวานมัน ท็อปด้วยป็อปคอร์นดอยพร้อมไอศกรีมกะทิงาดำ และแผ่นงาขี้ม่อน

สำหรับ Petit Four ปิดท้าย เป็นเมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากขนมหม้อแกง และช็อกโกแลตบอนบอนสอดไส้พีชและเจลลี่บ๊วย

Restaurant INT
- Progressive Thai Cuisine by Chef @knnock
- Line: @int.restaurant
- Call: 093-256-9995
- Open Thursday – Tuesday 5:30pm – 11:00pm
- Way Back Home 13 Courses Tasting Menu: 3,990++ THB