การได้นั่งทานอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาล้วนแต่เป็นบรรยากาศที่ทุกคนชื่นชอบและปรารถนาที่จะได้มานั่งสัมผัสบรรยากาศดีๆ พร้อมลิ้มรสอาหารอร่อยๆ กล้อมแกล้มกันไป ครั้งนี้เรามีอีกหนึ่งโลเคชั่นสุดเจ๋งติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นร้านอาหารและบาร์ที่ตั้งอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามกับวัดอรุณฯ ซึ่งมีเพียงไม่กี่พิกัดที่จะให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศดีดีแบบนี้ได้ เรากำลังจะเชิญชวนทุกคนมานั่งทานอาหารและจิบดริงค์ชื่นใจๆ ไปด้วยกันที่ โรงแรม ศาลา รัตนโกสินทร์ (Sala Rattanakosin) ซึ่งเราเดาว่าหลายคนน่าจะพอเดาถูกตั้งแต่เห็นรูปภาพ ด้วยความโดดเด่นอันเป็นเอกลัษณ์ของโรงแรม ห้องอาหารและวิวที่สวยงามเตะตา หลายคนจึงหาโอกาสมานั่งชิลๆที่นี่กันบ่อยๆ ใครที่ยังไม่เคยมาหลังจากอ่านบทความจากเราต้องมาลองด้วยตัวเองแล้วล่ะ
โรงแรม ศาลา รัตนโกสินทร์ (Sala Rattanakosin) ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของแม่น้ำเจ้า่พระยา อธิบายกันง่ายๆ ก็ฝั่งตรงข้ามกับวัดอรุณราชวรารามหรืออีกชื่อที่เรียกกันคือวัดแจ้ง ร้านอาหารของโรงแรมจะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือบริเวณด้านในอาคาร (Indoor) จะเป็นส่วนของร้านอาหาร อีทเทอรี่ แอนด์ บาร์ (Eatery and Bar) และโซนดาดฟ้าของตัวอาคาร เดอะรูฟ (The Roof) ซึ่งเป็นจุดที่เราจะหลงไหลไปกับสเน่ห์ยามค่ำคืนของบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีวัดอรุณราชวรารามตั้งอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามให้รับชมอย่างสง่างาม สะท้อนความสวยงามตกกระทบไปยังผิวน้ำในยามค่ำคืน
ทางขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม The Roof ออกแบบเป็นบันไดวน 5 ชั้นภายในถูกตกแต่งด้วยความเรียบง่ายเน้นการใช้สีโทนขาว-ดำ-เทา สัมผัสได้ถึงการออกแบบที่มีชั้นเชิงทางศิลปะ ใครที่ชอบถ่ายรูปจะต้องหลงไหลไปกับการตกแต่งและสถาปัตยกรรรมของศาลารัตนโกสินทร์เป็นอย่างมาก
เริ่มต้นกันในส่วนของชั้นดาดฟ้า ทางโรงแรมจัดเตรียมที่นั่งชิลๆ สำหรับแขกที่มาไว้ 2 แบบ 2 สไตล์ แต่ได้สัมผัสวิวและบรรยากาศริมแม่น้ำที่สุดยอดเหมือนๆกัน ส่วนแรกเป็น่สวนของบาร์ ที่มีเก้าอี้บาร์ให้นั่งจิบค็อกเทลกันเพลินๆ ส่วนที่ 2 ทางห้องอาหารจัดเตรียมไว้เป็นที่นั่งโซฟาประมาณ 2-4 คนต่อโต๊ะ โปร่งรับลมเย็นสบาย
บรรยากาศดีดีแบบนี้จะมีอะไรเหมาะไปกว่าการได้จิบค็อกเทลสดชื่นๆ สักแก้ว หรือใครที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์ก็สั่งเป็นม็อกเทลมาจิบเคล้าไปกับบรรยากาศ ชนแก้วพอให้ดังกริ๊งกั๊งกันพอหอมปากหอมคอ
เครื่องดื่มที่เราจะแนะนำในส่วนของค๊อกเทล ถือว่าเป็นหนึ่งในดริงก์ยอดนิยมที่บาร์เทนเดอร์ชงมาเกินกว่าหลายพันแก้วแล้ว เพราะมีลูกค้าสั่งเยอะที่สุด จากที่เราสังเกตดูพนักงานยกเสิร์ฟ ก็เยอะอย่างที่พนักงานที่ห้องอาหารบอกไว้จริงๆ
ต้มยำมาร์ตินี่
หน้าตาของดริงค์เต็มไปด้วยเครื่องต้มยำสมชื่อ แต่ว่ารสชาติไม่ได้มีรสต้มยำ แก้วมาร์ตินี่ใส่เครื่องสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของต้มยำมาอย่างครบเครื่อง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น มีรสเปรี้ยว หวาน ซาบซ่า
ม็อคเทลเสาวรส (Passion fruit Mock tail )
เครื่องดื่มสดชื่นทานง่าย เหมาะกับบรรยากาศที่หลากหลายและแน่นอนว่า บรรยากาศยามเย็นริมเจ้าพระยาแล้วได้จิบม็อคเทลเสาวรสไปด้วยล่ะก็ ชื่นใจแน่นอน
ที่ห้องอาหารยังมีของทานเล่นให้เลือกสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มนั่นคือ หมูสะเต๊ะย่างเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มถั่ว เป็นเมนูที่ชาวต่างชาติโปรดปรานมากๆ กินคู่กับเครื่องดื่มและวิวสวยๆ
พอฟ้าเริ่มมืดแต่ละโต๊ะก็จะมี Ambient Lamp หลากสี ประกอบกับการเปิดเพลง Trance ชิคๆ ช่วยเติมเต็มบรรยากาศ Rooftop bar ให้ชิลมากขึ้น รายละเอียดเล็กๆอย่างหนึ่งที่ เรา ชอบมากๆนั่นคือการวางลำโพงของร้านนี้ซึงวางไว้ตามมุมรั้วของดาดฟ้าและหันหน้าออกด้านนอกเพื่อที่จะให้เสียงเพลงไม่รบกวนบทสนทนาอันแสนแซบของเหล่าเพื่อนๆที่มาสังสรรค์ด้วยกัน และยังช่วยให้เสียงล้อมรอบทุกทิศอีกด้วย
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับเครื่องดิ่มและวิวอันสวยงามแล้ว ทางพนักงานก็พาพวกเราลงไปทานอาหารในโซน Dining 3 ที่มีวิววัดอรุณตั้งตระหง่านผ่านกระจกใสๆที่ให้บรรยากาศโรแมนติกยามค่ำที่ตระการตามากๆ
โดยอาหาร อีทเทอรี่ แอนด์ บาร์ (Eatery and Bar) ของโรงแรม ศาลา รัตนโกสินทร์ (Sala Rattanakosin) นั้นควบคุมและดูแลโดยเซฟชาวแอฟริกาใต้ที่ชื่อว่า เชฟ Fernado Roman (เฟอร์นานโด้ โรมาน)
สไตล์อาหารของอีทเทอรี่ แอนด์ บาร์ (Eatery and Bar) นั้นเป็นเมนูอาหารไทยที่เรียบง่ายและคงความดั้งเดิมเพื่อให้ถูกปากทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยด้วยกัน โดยจะเสิร์ฟเป็นสไตล์อาหารไทยนั่นคือเป็นเมนูกับข้าวที่ทานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ
เมนูแรกที่เราได้ชิมนั่นก็คือ ปลากระพงสามรส ปลากระพงสดๆเนื้อขาวแน่นชุบแป้ง ทอดจนเหลืองกรอบ ผัดกับกระเทียม และ พริกที่ให้กลิ่นหอมเผ็ดร้อน เป็นจานที่เรียบง่ายได้ครบทุกรส และเป็นการใช้วัตถุดิบท้องถื่นที่หาง่ายๆอย่างปลากระพง เป็นจานเริ่มต้นที่ดี
ถัดมาเป็นมัสมั่นขาแกะ ซึ่งเป็นจานที่เป็นการผสมผสานวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอย่างเนื้อแกะกับเมนูที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกปี 2017 ราชาแห่งแกง แกงมัสมั่น ตัวขาแกะนั่นเป็นวัตถุดิบที่ปรุงยากเพราะมีกลิ่นสาบเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ขาแกะที่นี่ไม่มีกลิ่นสาบแต่ยังคงกลิ่นดีที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อแกะไว้ รสสัมผัสของเนื้อแกะนั้นเปื่อยกำลังดี นุ่มแต่ยังสู้ฟันอยู่ ยิ่งเคี้ยวกลิ่นหอมของเนื้อแกะผสมผสานกับเครื่องเทศยิ่งทำให้อร่อยขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วเป็นจานที่ครบรส และมีเอกลักษณ์ของตัวเองเป็นจานที่น่าลิ้มลองมาก
อีกเมนูที่ถือว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางห้องอาหารเลยนั่นก็คือ หมูสามชั้นกรอบ เสิร์ฟพร้อมผักบุ้ง ฝักทองปั่น และ ซอสแอปเปิ้ล จานนี้เป็นจานที่มีสะดุดตามากที่สุดในเมนูทั้งหมดที่เราได้ลองชิม โดยที่หมูสามชั้น ผิวด้านนอกกรอบมาก แต่กลับกัน ส่วนเนื้อขาวนั้นยังมีมันหมูแทรกอยู่ตามชั้นเนื้อ คงความชุ่มฉ่ำไว้
เวลาหั่นจะได้ยินเสียงขูดกันของมีดและตัวหนังแต่เมื่อผ่านชั้นหนังไปแล้ว ตัวเนื้อนั้นถูกผ่าออกง่ายเหมือนเนยเลยทีเดียว รสสัมผัสที่แตกต่างกันทั้งหมูที่ชุ่มฉ่ำกับหนังที่กรุบกรอบนั้นสร้างความฟินให้กับทุกคนที่ได้ลิ้มลอง
เมนูต่อมาเป็นชุดอาหารทะเล Seafood Platter ซึ่งเป็นกระเช้า 2 ชั้นที่รวมเอาอาหารทะเลสดๆหลากชนิดมาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ซีฟู้ด พริกเผา และ กระเทียม ในจานก็จะมีตั้งแต่ กุ้งเผา ปูนึ่ง หอยแมลงภู่ รวมทั้งเซฟยังฉีดน้ำที่ผสมไปด้วย มะนาว เนย และใบไทม์ไปบนอาหารทะเลเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหารอีกด้วย เมนูนี้จะเน้นความหลากหลายของเมนูอาหารที่มีมาครบทุกรูปแบบ จานเดียวได้ครบเมนูทะเล
หลังจากเมนูอาหารอันโอชะทั้งหลายแล้ว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน เมนูขายดีของที่นี่เป็นที่โปรดปรานของชาวต่างชาติและคนไทยเราก็คุ้นเคยกันดีกับเมนู ข้าวเหนียวมะม่วง การจัดว่างนำเสนอมาในแนวของสำรับ ประกอบไปด้วยมะม่วงสุก ข้าวเหนียวห่อใบตอง และ น้ำกะทิที่ใส่ถ้วยน่ารักๆแยกไว้ ให้เราใส่เองตามชอบ มะมวงหวานหอม โรยงาจี่ที่มีกลิ่นคั่วหอมหวานมันละมุนกินพร้อมกันแล้วคือลงตัวที่สุด
แน่นอนว่าคุณเองก็สามารถมาปลดปล่อยอารมณ์และเติมความชิลให้กับวันธรรมดาของคุณให้เป็นวันพิเศษอีกหนึ่งวันแบบเดียวกับ SOtraveler ได้เช่นกันที่ อีทเทอรี่ แอนด์ บาร์ (Eatery and Bar) และ เดอะรูฟ (The Roof) โรงแรม ศาลา รัตนโกสินทร์ (Sala Rattanakosin)
SALA RATTANAKOSIN
EATERY AND BAR
เปิดบริการทุกวัน
มื้อเช้า (Breakfast): 07.00 am – 10.30 am
มื้อกลางวัน (Lunch): 11.00 am – 04.30 pm
มื้อเที่ยง (Dinner): 05.30 pm – 10.30 pm
THE ROOF
เปิดบริการทุกวัน : ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 24.00 น.