ร้านอาหาร Sartoria by Paulo Airaudo ตั้งอยู่บนชั้น 56 ของ EA Rooftop at The Empire นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผสมผสานความหรูหราร่วมสมัยเข้ากับความคลาสสิกได้อย่างลงตัว ภายในร้านโดดเด่นด้วยการออกแบบที่พิถีพิถัน พร้อมกระจกบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองให้ทุกคนได้ชื่นชมวิวพาโนรามาของกรุงเทพมหานครได้แบบเต็มตา
จุดเด่นของร้านคือพื้นที่ครัวเปิดที่ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของห้องอาหาร เปิดโอกาสให้แขกได้สัมผัสกับศิลปะการปรุงอาหารของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด การนำเสนอแบบไม่มีที่กั้นนี้สร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แปลกใหม่ ทำให้แขกได้เห็นถึงความพิถีพิถันและความคิดสร้างสรรค์ที่ซ่อนอยู่ในทุกจานอาหาร
ทุกองค์ประกอบการออกแบบได้รับการใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษไปจนถึงระบบไฟที่จัดแสงไว้อย่างดี การจัดวางโต๊ะอาหารคำนึงถึงทั้งความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย ด้วยระยะห่างที่เหมาะสมที่ช่วยรักษาบรรยากาศที่เป็นกันเองของร้าน
Testing Menu & Presentation
เมนูอาหารที่ Sartoria by Paulo Airaudo สะท้อนแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของเชฟ Paulo ที่นำอาหารอิตาเลียนมาผสมผสานกับวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงแบบไทยและญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว นำทีมโดยเชฟ Ales Donat ทุกจานที่ออกจากครัวคือผลงานศิลปะที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต สะท้อนประสบการณ์ระดับมิชลินและวิสัยทัศน์อันสร้างสรรค์ของเชฟ
โดยในช่วงนี้ทางร้านได้ให้บริการในรูปแบบของ Testing Menu เริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยที่คัดสรรมาอย่างดีกับเมนู Snacks ที่นำเสนอวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม เริ่มต้นด้วย Jerusalem Artichoke Consommé ที่นำเสนอความพิเศษผ่านการใช้แก่นตะวัน (Jerusalem Artichoke) วัตถุดิบที่มีรสชาติเฉพาะตัว มาเป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างสรรค์ซุปใสสไตล์อิตาเลียน อินฟิวส์ด้วยใบเตย ทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของแก่นตะวันผสานใบเตย รสชาติกลมกล่อม พร้อมด้วยความเค็มที่พอดี สร้างสมดุลของรสชาติได้อย่างน่าประทับใจ ต่อด้วย Carabinero Prawn Tart ทาร์ตกุ้งแดงจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใกล้ชายฝั่งสเปน กุ้งชนิดนี้เป็นกุ้งน้ำลึกที่มีเอกลักษณ์ทางด้านเนื้อที่หวานฉ่ำ มีรสชาติเข้มข้น ท็อปด้วยเยลลี่ยูสุ ที่ให้ความเปรี้ยวตัดความมันของกุ้ง เพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี และยังมีโคนกรอบขนาดพอดีคำ ภายในสอดไส้ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม
ถัดมาคือขนมปังโฮมเมดที่อบสดใหม่ทุกวัน ทานคู่กับน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มรสชาติไม่ว่าจะเป็น ขนมปังฟอคัชชา ที่มีมะเขือเทศอบและสมุนไพรอยู่ด้านบนให้ความหอมจากน้ำมันมะกอกและเครื่องเทศ ขนมปังซาวโดว์ ที่มีเนื้อฟูและเปลือกหนาที่มาพร้อมรสเปรี้ยวเล็กน้อยจากการหมักแป้ง หรือขนมปังกริสสินี ที่มีลักษณะเรียวยาวและกรอบ ซึ่งสามารถทานเปล่า ๆ หรือจิ้มกับน้ำมันมะกอกก็ได้ ทุกคำที่ทานจะเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับประสบการณ์อาหารที่ดี
เข้าสู่เมนู Hamachi หรือปลาฮามาจิที่นำเสนอความสดชื่นผ่านดอกไม้ที่สวยงาม พร้อมการผสมผสานของวัตถุดิบที่หลากหลายอย่าง ผักหัวไชเท้าญี่ปุ่น (Kohlrabi) ที่มีเนื้อกรอบและรสชาติสดชื่น สาหร่ายคอมบุ ที่เติมความลึกซึ้งให้รสชาติ ชิโซะ ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย และองุ่นทะเล ที่เพิ่มความเปรี้ยวสดชื่น ความกลมกลืนของทุกองค์ประกอบเสริมรสชาติของปลาฮามาจิให้สดชื่นและอร่อยขึ้น สะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน
ต่อเนื่องด้วยเมนูพิเศษที่เชฟตั้งใจรังสรรค์อย่าง Maccheroncini Pasta พาสต้าเส้นหนึบเด้งที่เสิร์ฟพร้อมซอสทรัฟเฟิลขาวและทรัฟเฟิลดำ ซึ่งมีกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล ทานคู่กับซอสครีมที่มีความครีมมี่กำลังพอดี สร้างความเข้มข้นในรสชาติได้อย่างลงตัว ทำให้จานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ควรลองให้ได้
พลาดไม่ได้กับ Duck Cappelletti ที่นำเสนอรสชาติของเป็ดอย่างชัดเจนในทุกคำที่ลิ้มลอง การผสมผสานของ ไธม์ และ น้ำซุปเป็ด (Duck Jus) ช่วยเพิ่มความลึกซึ้งให้กับเนื้อเป็ดที่นุ่มและเต็มไปด้วยความอร่อย เนื้อเป็ดถูกปรุงอย่างพิถีพิถันจนมีความนุ่มลึกในรสชาติและทานได้ง่าย เสิร์ฟในรูปแบบของแคปเปลเล็ตตี้ที่มอบความอิ่มเอมในทุกคำ เนื้อเนียนชวนอร่อยมาก
สดใสทั้งรสชาติและการตกแต่งกับ Risotto Carabinero ที่เสิร์ฟข้าวริซอตโต้ที่ผสมผสานกับพาร์สลีย์และกัมควอต (Kumquat) สีเขียวสดใสตัดกับสีแดงของกุ้งคาราบิเนโร (Carabinero) ได้อย่างสวยงาม รสชาติของจานนี้ซับซ้อนแต่กลมกล่อม โดยความสดชื่นจากมะนาวและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากพาร์สลีย์และกุ้งช่วยเพิ่มมิติให้กับความเรียบง่ายของข้าวรีซอตโต้นี้สมบูรณ์แบบในทุกคำที่ลิ้มลอง
เข้าสู่เมนูจานหลักอย่าง Kinmedai หรือปลาคินเมได ปลาทะเลหายากและมีรสชาติที่แตกต่างจากปลาทั่วไป เสิร์ฟมาแบบชิ้นใหญ่ เต็มไปด้วยความหวานและนุ่มละมุน ไฮไลท์ต้องยกให้ซอสแชมเปญ ที่ช่วยเสริมรสชาติของปลาทำให้เนื้อปลามีความนุ่มละมุนและซอสแชมเปญเพิ่มมิติความกลมกล่อมและเอกลักษณ์ให้กับจานนี้ได้อย่างลงตัว
ขยับมาที่เมนูล้างปากอย่าง Lemongrass & Galangal Granita ที่มีกลิ่นหอมจากตะไคร้และโหระพา รสชาติความเย็นช่วยเพิ่มความสดชื่น ก่อนเข้าสู่เมนูของหวาน The Apple เสิร์ฟพร้อม Salted Caramel Gelato ที่มีรสชาติกลมกล่อม และ 40 Years Balsamic Vinegar เพิ่มความลึกซึ้งและซับซ้อนในทุกคำที่ลิ้มลอง และปิดท้ายมื้ออาหารด้วย Petit Four ที่เสิร์ฟชูครีมหอมละมุนและช็อกโกแลตหวานกำลัง ช่วยเติมเต็มความประทับใจอย่างสมบูรณ์แบบ
มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ไฟน์ไดนิ่งที่ไม่เหมือนใครในบรรยากาศหรูหรา พร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกโอกาสพิเศษในชีวิต ทุกคำที่ลิ้มลองจะทำให้รู้สึกถึงความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ราคาเริ่มต้นที่ 4,800++ บาท สำหรับ 6 คอร์สเมนู หรือ 6,200++ บาท สำหรับ 8 คอร์สเมนู และยังสามารถเพิ่ม Wine Pairing ได้ทั้ง 2 คอร์ส เพื่อยกระดับรสชาติให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในทุกมื้ออาหาร ณ Sartoria by Paulo Airaudo ที่ชั้น 56 ของ EA Rooftop at The Empire คือสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะการทำอาหารอิตาเลียนและความงดงามของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว
Pricing & Reservation
Dining Packages
- เมนู 6 คอร์ส: 4,800++ บาท
- เมนู 8 คอร์ส: 6,200++ บาท
- สามารถเลือกเพิ่ม Wine Pairing ได้ทั้งสองคอร์ส เพื่อเพิ่มประสบการณ์การจับคู่ไวน์กับอาหารแต่ละจาน
Contact Details
- Sartoria by Paulo Airaudo
- Location: ชั้น 56 EA Rooftop at The Empire (เอ็มไพร์ ทาวเวอร์)
- Opening Hours: เปิดทุกวัน 18.00 น. – 22.30 น.
- Reservations: https://www.sevenrooms.com/reservations/sartoriabypauloairaudobkkqp/
- Facebook: sartoriabypauloairaudo
- Instagram: @sartoriabypauloairaudo
- Website: https://sartoriabypauloairaudo.com/