โรงแรม So Sofitel Bangkok ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจมุมถนนเส้นสาธรใต้ และพระรามสี่ ซึ่งล้วนอยู่ในถนนที่ได้ขึ้นชื่อว่ารถติดมาก ๆ ในกรุงเทพฯ
และทุกๆ ครั้งที่ผมต้องขับรถบนถนนเส้นนี้ ในระหว่างรอสัญญาณไฟแดงรถค่อยๆ ขยับไปได้ทีละนิดนอกจากการเปิดแอร์เย็นๆ และฟังเพลงสบายๆ บนรถแล้วยังมีเวลาเหลือมากพอที่สายตาของผมจะมองสำรวจตึกสูง ที่ขึ้นรายรอบอยู่บริเวณนี้โรงแรม So Sofitel Bangkok
มีสถาปัตยกรรมทรงอาคารที่เด่นสะดุดตาชวนให้มอง ด้วยการออกแบบภายนอกที่ใช้ความโค้งในเหลี่ยมมุมตึกทำให้ โรงแรม So Sofitel Bangkokดูพริ้วไหว ต่างไปจากตึกทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบข้าง
การมาพักผ่อนที่ โรงแรม So Sofitel Bangkok ครั้งนี้ทำให้ผมเกิดความรักและหลงไหลในความเป็น So Sofitel Bangkokที่มีIdentity หรืออัตลักษณ์ ที่น่าจดจำผมอาจจะเล่าและถ่ายทอดความเป็น So Sofitel Bangkok ผ่านรีวิวนี้ได้ไม่ทั้งหมดแต่จะเป็น1Night 1 Dinner ที่ผมจะพยายามเล่าในมุมที่ผมได้รู้จักให้มากที่สุด
.
.
.
เนื่องจาก โรงแรม So Sofitel Bangkok ตั้งอยู่หัวมุมถนนเส้นสาธรใต้บรรจบกับเส้นพระราม4ดังนั้น โรงแรม So Sofitel Bangkok จึงเข้าได้ทั้งสองทางด้านนี้เป็นด้านพระราม4ที่ด้านหน้ามีป้ายสัญลักษณ์ โลโก้ และชื่อโรงแรมอยู่
ป้ายโลโก้ SofitelSo Bangkok สีทองที่มีสัญลักษณ์ของ So Sofitel Bangkok สลักไว้อย่างละเอียดทำให้รู้สึกถึงความละเอียดและความสร้างสรรค์การให้ความสำคัญกับการออกแบบจนกลั่นกรองออกมาเป็น So Sofitel Bangkok
สัญลักษณ์นี้เป็นภาพของ ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life) จะเห็นอยู่เกือบทุกๆ จุดของ So Sofitel Bangkokก็แน่นอนล่ะ ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life) นี้เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม ที่ได้รับการออกแบบโดยมิสเตอร์คริสเตียน ลาครัวซ์ นักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศส
สิ่งแรกเมื่อมาถึงก็ต้องทำการ Check-In กันก่อนสำหรับแขกทั่วๆไปที่ไม่ได้พักห้องในระดับ Club Signature ก็ Check-In กันที่Lobbyชั้น 9 เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์
พนักงานยกมือ “สวัสดี” และเดินเข้ามาถามว่า“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”เป็นการต้อนรับที่น่ารักและผมได้ยินประโยคนี้เป็นประโยคหลักตลอดเวลาที่ผมใช้บริการที่นี่ทั้งบริเวณ Front และ ห้องอาหาร Red Oven
เมื่อมาถึงSoก็ต้องพบกับ Welcome Drink ที่ขนานนามกันว่า “MagicDrink”ซึ่งพนักงานจะยกส่วนผสมมาปรุงให้ตอนเสิร์ฟ
MagicDink นี้คือ น้ำอัญชัญมะนาวหอมกลิ่นตะไคร้ นี่เองครับ แต่ลูกเล่นในการเสิร์ฟทำให้เรารู้สึกสนุกและมีเรื่องราวในการเสิร์ฟดี
ห้องพักของ So Sofitel Bangkok จะแบ่ง ตามวิวและขนาดของห้อง
So Cozy, So Comfy, So Club, So Studio, So Suite Spa, So Lofty, So VIP
ซึ่งออกแบบดีไซน์โดยสถาปนิกนักออกแบบและมัณฑนากรชื่อดัง โดยใช้แรงบันดาลใจของธาตุทั้ง 5 ธาตุ ที่ขนานนามว่า“The 5 Elements”
ได้แก่ธาตุดิน(Earth) ธาตุน้ำ(Water) ธาตุไม้(Wood) ธาตุโลหะ(Metal) และธาตุไฟ(Fire)
เป็นองค์ประกอบในการออกแบบตกแต่งภายในได้สวยหรูและมีสไตล์อย่างสมดุล
ในส่วนของห้องพักจะออกแบบภายใต้4 Element คือ
ธาตุดิน(Earth Element)
ธาตุน้ำ(Water Element)
ธาตุไม้(Wood Element)
ธาตุโลหะ(Metal Element)
ในส่วนธาตุไฟ(Fire Element)จะนำมาออกแบบบริเวณพื้นที่ส่วนกลางและห้องอาหารที่เห็นได้ชัดก็จะเป็น ห้องอาหาร Red Oven ที่ผมจะทาน Dinner ในรีวิวนี้
ผมพักในห้อง ชั้น23 ธาตุดิน(Earth Element) น้องพนักงานที่ Front ขึ้นลิฟท์พามาส่งที่ห้องพร้อมแนะนำ Facilities ต่าง ๆสำหรับ WiFi ไม่ต้องกังวลตอน Check-In พนักงานจะให้รหัส WiFi ให้และเมื่อเข้ามาในห้องก็ยังสามารถกดดูรหัส WiFi ได้จากทีวีอีกด้วย
ห้องพักธาตุดิน(Earth Element) เป็นการตกแต่งโทนสีน้ำเงินเข้มลาดลายตกแต่งเหมือนจิตรกรรมรูปวาดบนแผ่นหินยุคไทยโบราณ
เมื่อเข้ามาใน ห้องธาตุดิน(Earth Element)โทนสีน้ำเงินเข้มในความรู้สึกแรกเหมือนจะทำให้รู้สึกแรงและทึบแต่เมื่อได้เข้ามาในห้องจริงๆ กลับรู้สึกว่าห้องมีจิตนการและพลังสร้างสรรค์เปลี่ยนอารมณ์ให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา
เตียงนุ่มห้องอากาศสดชื่นสนุกกับการดูรูปวาดที่อยู่ตามผนังเพลินดีได้วิวสวนลุมยิ่งช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายตา
เมื่อมองย้อนไปจากเตียงตรงทางเข้าด้านซ้ายมือจะเป็นโซนห้องน้ำที่กว้างเอาการแบ่งพาติชั่นระหว่างห้องพักและห้องน้ำด้วยประตูบานเลื่อนทรงโค้งเหมือนกำลังเดินเล่นลอดอยู่ในถ้ำ
ในส่วนของ Minibar เป็น Complimentary ทั้งหมดทั้ง น้ำปล่าว น้ำอัดลมน้ำหวาน โซดา ขนมขบเคี้ยว และสามารถเติมได้ครับบริเวณห้องน้ำก็กว้างมาก อ่างอาบน้ำ ตั้งอยู่ข้างนอกแบบนี้เลยด้านในยังมีห้องอาบน้ำ Rain Shower และห้องน้ำ แยกกันคนละห้องด้วย
Amenities สบู่ แชมพูเป็นของ L’Occitane
สำรวจห้องเก็บของเรียบร้อยผมก็ลงมาเล่น สระว่ายน้ำที่ So Fit
SoFit เป็นฟิตเนส ของ So Sofitel Bangkokตั้งอยู่ชั้น10 มีทั้งอุปกรณ์ออกกำลังกาย Fitnessและ สระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity View ที่มีจุดเด่นเป็นสระ Infinity Pool เห็นวิวกว้างของสวนลุมพินี
เมื่อมาถึงที่ สระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity Viewนั่งลงสักพักพนักงานที่สระเอาผ้าเย็นและอาหารว่างมาเสิร์ฟเป็นการจัดเซ็ตที่พอดีกับการวอร์ร่างกายในยามบ่ายแดดจัด ๆ ก่อนลงสระ เป็น น้ำส้มคั้นสด กับ แคนตาลูป และ แตงโมน้ำผึ้ง
ไม่รอช้าบรรยากาศเหมาะที่จะแช่น้ำ
สระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity View
วิวสวนลุมอยู่ด้านล่างมีฉากหลังเป็นวิวเมืองสระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity View
ผมเก็บบรรยากาศของ สระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity Viewมาให้ดูทั้ง3เวลา คือ กลางวัน กลางคืนและตอนเช้า
มาดูสระว่ายน้ำตอนเช้า
ซึ่งเช้านี้เป็นเช้าที่ฝนตกหนักเลยได้บรรยากาศยามเช้าตอนฝนตกมาฝากกันด้วย
ในส่วนของ สระว่ายน้ำ – So Swimming Pool-Infinity Viewตอนกลางคืนก็เป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันสระเปิดไฟสวยเกาะของสระดูไฟเมืองก็เพลินดี เพลินเป็นชั่วโมงเลยครับ
ตอนเช้าที่ฝนตกหนักสระไม่มีคนมาเล่น
ก็น่าเล่นอยู่นะครับสระว่ายน้ำตอนฝนตก
หลังจากเล่นน้ำเสร็จผมก็กลับเข้ามาในห้องพนักงาน Turn down ห้องให้เรียบร้อยวาง ดอกจำปีสีขาว ไว้บนหมอนหอมอ่อน ๆ แบบไทยๆ
พับมุมผ้าห่มให้พร้อมนอนสงสัยห้องผมเป็นห้องมุมห้องแรกพนักงานเลยมา Turn Down ไว
สิ่งที่น่าติดใจอีกอย่างหนึ่งของ So Sofitel Bangkokคือการมีระบบ Apple Mac Mini Multimedia Entertainmentโดยมี Keyboard Bluetooth ให้กดเล่น ผ่านหน้าจอทีวี เหมือนมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวอยู่ในห้องไม่ว่าจะ ดูทีวี เช็คอีเมลล์ เล่นอินเตอร์เน็ต Facebook twitter Skypeเปิด YouTube ครบครันความบันเทิง ภายในห้องพัก
วิวสุดสบายตาจากห้องพักที่เติมความสดชื่นให้สายตาทั้งเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น
ลงมาสำรวจ ชั้น 1บริเวณ Street Lobby มองออกไปเป็นทางเข้าฝั่งถนนสาธร
ทางนี้เป็นทางเข้าฝั่งถนนพระรามสี่ด้านซ้ายมือเป็น Choco Lab
เก็บรูปบรรยากาศ LobbyFront ชั้น 9 ในมุมที่มองออกไปยังสวนลุมพินี
ปลายสุดภาพโถงห้องนี้คือ Counter Check-In
และฝั่งตรงข้าม Counter Check-In เป็น มิกโซ (Mixo)เหมือนบาร์สำหรับบริการขนมและเครื่องดื่มในช่วงกลางวันผมเห็นที่นี่คึกคักเพราะมีลูกค้ามาทาน Afternoon Tea ที่นี่เช่นกัน
ต่อจากนี้เป็น มื้อค่ำ ที่ผมฝากท้องไว้กับ Buffet Dinner ที่ ห้องอาหารเรด โอเว่น (Red Oven)ซึ่งตั้งอยู่บน ชั้น 7 ของ So Sofitel Bangkokผมจองโต๊ะเป็นมุมสงบๆ ด้านในวิวสวนลุมไว้
ผมทานในเย็นวันอาทิตย์ซึ่งแขกค่อนข้างเต็มห้องอาหารจึงไม่ได้เก็บรูปไลน์อาหารมากหนักเป็นการกดถ่ายแบบ Snapshotไว ๆ ตอนผมไปตักทานส่วนใหญ่ก็จะถ่ายจากจานที่ผมตักมาแล้วในโต๊ะนะครับ
ไลน์อาหารที่ผมโฟกัสวันนี้เป็นไลน์ Sea food
กั้งและก้ามปูพนักงานคอยเติมไม่มีขาดเลยครับ
ไลน์อาหารญี่ปุ่นจะอยู่โซนในของห้องอาหาร
แซมมอนและปูอัด บอกเชฟ แล้วเชฟจะหั่นให้สด ๆ เลยครับ
หอยเชลล์ย่าง อร่อยมาก ไม่เลี่ยนเลย ปรุงรสมากำลังดี
เกี้ยวกุ้งหมูกรอบน้ำต้มยำ
สปาเกตตี้คาโบนาร่าและ สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา
ของหวานอร่อยหลายอย่างแก้วนี้เป็นการ Mix หลายอย่างมากใน 1 แก้วรสชาติเปรี้ยวๆหวาน ๆ หลายรส หลายความรู้สึกตอนกิน
พายผลไม้ อร่อยมากครับ
เค้กก็มีให้เลือกหลายแบบอยู่นะครับ
ทีรามิสุ ของโปรดผม
Chocolate Lava เมนูนี้ สั่งแล้วต้องรอหน่อยครับถ้าจะทานก็เผื่อเวลาสั่งล่วงหน้าเลยครับ
ข้าวเหนียวมะม่วงเสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวสามสี
ขนมหวานที่นี่ยังมีให้เลือกทานอีกหลายอย่างซึ่งเก็บไม่หมดในรอบเดียวจริงๆครับ อร่อยหลายอย่างเลยอิ่มไว
ไอศกรีมโฮมเมด
เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมาทานอาหารที่ห้องอาหาร Red Ovenคุณจะได้สัมผัสกับไอศรีมรสชาติเข้มอย่างที่เห็นครับรสชาไทย รสมะพร้าม รสม๊อคค่า มะม่วงเชอร์เบส
นี่พูดถึงผมก็อยากขึ้นมาเลย
ผมมาพักแล้วฝนพรำตั้งแต่เมื่อคืนตอนเช้าก็ยังไม่หยุด ได้อากาศที่สดชื่นไปอีกแบบ
ทิ้งท้ายกับ ตุ๊กตุ๊ก โซ โซฟิเทล แบงค็อก ที่ไม่ธรรมดาเป็นตุ๊กตุ๊ก สุดเท่ส์มีดีไซน์ ออกแบบใช้สีส้มตัดกับสีดำ
สะท้อนความเป็นมหานครบางกอกที่ดูล้ำสมัย แต่ยังคงความเป็นไลฟ์สไตล์ไทยๆ
ถือได้ว่าเป็นที่สุดของความลงตัวในการผสมผสานจริงๆ
-End of Review-
การมาเยือน So Sofitel Bangkok ครั้งนี้ทำเอาผมลืมห้องนอนตัวเองไปชั่วขณะเป็นการพักผ่อนที่ผมสามารถสัมผัสได้ถึง พลังของการเวียนคืนกลับสู่ธรรมชาติทั้งคอนซ็ปต์ของการออกแบบการบริการและความใกล้ชิดสวนสาธรณะกว้าง ๆ อย่างสวนลุมพินีทำให้ได้พักผ่อนแบบสงะโล่งและผ่อนคลาย แบบที่บรรยายออกมาได้ไม่สุดของความรู้สึก
จบการรีวิวจริงๆ ต้องเอ่ยว่า
“JustSAY So”
So – GooD