ชวนทุกคนแวะมาสัมผัสประสบการณ์ “วินเทอร์ เจอร์นีย์” (Winter Journey) หรือเมนูประจำฤดูหนาว ของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) ห้องอาหารรางวัลมิชลินสตาร์หนึ่งดาวหกปีซ้อน ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 นำเสนอโดยเชฟเฮนริค อูล-แอนเดอร์เซน และหัวหน้าเชฟชยวีร์ สุจริตจันทร์
โดย Winter Journey เซ็ตใหม่นี้ จะนำเสนอในคอนเซ็ปต์ “เซนส์ ออฟ ไทยแลนด์” (Sense of Thailand) ที่เชฟเฮนริคและเชฟชยวีร์ ตั้งใจที่จะยกระดับการนำเสนอวัตถุดิบการทำอาหารไทยให้เป็นที่รู้จัก ผ่านการเลือกใช้ผัก สมุนไพร เครื่องเทศและเครื่องปรุงนานาชนิดที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาเนรมิตให้เป็นเซ็ตเมนูประจำช่วงฤดูกาลแห่งความหนาวเย็น
เมื่อมาถึงห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน แขกทุกท่านจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทีมห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ที่จะพาทุกท่านเริ่มต้นประสบการณ์การรับประทานอาหารอันแสนวิเศษนี้ที่บริเวณเลาจ์นของห้องอาหารฯ และเริ่มรับประทานแปดเมนูเรียกน้ำย่อย ที่สะท้อนภาพลักษณ์อาหารไทยผ่านคอนเซ็ปท์ “สตรีทฟู้ด” ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นและนำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ “เมอแร็งก์วาซาบิโยเกิร์ต”, “ถุงข้าวพองรสต้มยำ”, “กะเพราปลาหมึกหั่นเต๋า”, “ไก่สะเต๊ะ” ที่เสิร์ฟเป็นแบบไอศกรีมรสสะเต๊ะ พร้อมหนังไก่อบกรอบแผ่นบาง, “ไอศกรีมแกงเหลืองปู” และ “เมี่ยงคำ” เป็นต้น
เข้าสู่คอร์สที่เก้าที่โต๊ะอาหารของท่านกับเมนู “ซุปเป็ดพะโล้น้ำใสและเป็ดสองสหาย” เสิร์ฟคู่กับไส้อั่วและลาบเป็ด ที่เชฟทั้งสองเลือกนำเสนอเครื่องพะโล้ตำหรับอาหารไทย โดยเชฟเฮนริคได้รับแรงบันดาลใจมาจากไวน์ร้อน ที่หารับประทานได้ในช่วงฤดูหนาวในประเทศแถบตะวันตก นำเสนอผ่านเครื่องแยกสารโมเลกุล อันเป็นซิกเนเจอร์ของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน
คอร์สที่ 10 นำเสนอ “สลัดหอยเชลล์ฮอกไกโด” เน้นชูโรงกลิ่นหอมของผักชี พริกเขียว และแตงกวา
คอร์สที่ 11 นำเสนอ “ต้มข่าเจลลี่เห็ด” ที่รวบรวมเห็ดนานาชนิดเป็นวัตถุดิบหลัก ไม่ว่าจะเป็น เห็ดมอเรล (Morel) และเห็ดทรัฟเฟิลดำสด (Black Truffle) เพิ่มความน่าตื่นเต้นด้วยเส้นตัลยาเตลเล (Tagliatelle) ทำจากเจลลี่เห็ด
หากท่านชื่นชอบต้มยำ คอร์สที่ 12 นำเสนอ “ราวิโอลีล็อบสเตอร์ต้มยำบิสก์” ที่มีรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแกงต้มยำไทย
คอร์สที่ 13 ที่ทุกท่านจะชื่นชอบไปกับสีสันที่ถูกนำเสนอผ่านจาน “กราแต็งบีทรูท” (Gratin) เสิร์ฟแบบร่วมสมัยกับปลาค็อดและไอศกรีมรสแกงเขียวหวาน ที่ทุกส่วนผสมต่างจะทำหน้าที่ได้อย่างลงตัว
เข้าสู่เมนูจานหลักหรือเมนคอร์ส อันเป็นหัวใจหลักของการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจครั้งนี้ “เนื้อลูกวัวซอสมัสมั่น” ที่เชฟเลือกใช้เนื้อสันนอกเนื้อลูกวัวนำเข้า มีรสสัมผัสนุ่มนวล รับประทานกับซอสมัสมั่นรสชาติเข้มข้นคู่กับแก่นตะวันทอดกรอบ (Sunchoke Chips) หัวหอมดอง และหัวหอมสไลซ์บางทอดกรอบ ยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นไทยกับข้าวหอมมะลิจากจังหวัดยโสธร ปลูกในทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดีของประเทศไทย
เข้าสู่เมนูคอร์สที่ 15 เพื่อให้ทุกท่านได้เรียกความสดชื่นกับเมนู “โฟมผลไม้เปรี้ยวไทย” ที่รวบรวมผลไม้รสชาติเปรี้ยวขึ้นชื่อของไทยมาช่วยกันสร้างสมดุลให้กับเมนูนี้ ได้แก่ มะนาวและส้มโอ ตัดรสชาติหวาน มัน เค็ม กับเมอแร็งก์รสเค็ม
และปิดท้ายกับเมนูที่ทุกท่านจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับการนำเสนอที่แปลกตา ได้แก่ “สัปปะรดแม่โขง” นำเสนอด้วยการนำสุราแม่โขงจุดเปลวไฟที่สัปปะรดเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับกับทุกท่าน จากนั้นจะทำการคลุกเคล้าไอติมรสมะพร้าวสัปปะรดด้วยมือ สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และความชาญฉลาดในการเลือกใช้วัตถุดิบไทยให้เกิดความลงตัว เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดประสบการณ์การเดินทางวินเทอร์ เจอร์นีย์อย่างยอดเยี่ยม
เมนูวินเทอร์ เจอร์นีย์ (Winter Journey) จะให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 มื้อกลางวันจะให้บริการเมนูแปดคอร์ส ราคา 2,900++ บาทต่อท่าน และ เมนู 10 คอร์ส ราคา 3,500++ บาทต่อท่าน เวลา 12:00-15:00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 13:00 น. สำหรับเมนู 10 คอร์ส และ 14:00 น. สำหรับเมนู 8 คอร์ส) และสำหรับมื้อค่ำให้บริการเมนู 16 คอร์ส ราคา 4,300++ บาทต่อท่าน เวลา 18:00-24:00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 21:00 น.)
หากต้องการยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารให้ยอดเยี่ยมมากขึ้น สามารถจับคู่กับไวน์ชั้นดี เลือกสรรโดยซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) ของห้องอาหารฯ ในราคา 2,200++ บาทต่อท่าน สำหรับเมนูแปดคอร์ส (จำนวนสี่แก้ว) ราคา 3,300++ บาทต่อท่าน สำหรับเมนู 10 คอร์ส (จำนวนหกแก้ว) และราคา 3,600++ บาทต่อท่านสำหรับเมนู 16 คอร์ส (จำนวนเจ็ดแก้ว)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร 02 162 9000 หรือ อีเมล [email protected]