Sunday Brunch ห้องอาหาร “แมริออท คาเฟ่ (Marriott Café)” โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ (JW Marriott Hotel Bangkok) เป็นบรันซ์แบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ จุดเด่นของ Sunday Brunch Marriott Cafe คือ
“การนำเสนอเมนูอาหารที่ปรุงขึ้นจากเชฟที่มีความเชี่ยวชาญ ในอาหารแต่ละประเภท การคัดเลือกซีฟู้ดสดมาเสิร์ฟ รวมถึงไลน์ขนมหวานที่อลังการมาก”
Sunday Brunch, Marriott Café (แมริออท คาเฟ่) JW Marriott Hotel Bangkok
ห้องอาหาร Marriott Café (แมริออท คาเฟ่) อยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม ห้องอาหารกว้างขวาง ให้ความรู้สึกโล่งสบายจากแสงธรรมชาติ ที่ส่องผ่านกระจกเข้ามายังห้องอาหาร ทำให้บรรยากาศดูรีแล็กซ์ เข้ากันกับการนั่งทานอาหารอร่อย ๆ ในมื้อสายวันอาทิตย์แบบนี้
Marriott Café มีโต๊ะให้นั่งทั้งแบบนั่งสนทนากันพอดี แบบโต๊ะยาวสำหรับกลุ่มครอบครัว เท่าที่ผมสังเกต ครึ่งนึงของแขกที่มาทาน ซันเดย์บรันซ์ มื้อนี้ จะชวนกันมา แบบครอบครัว ดูอบอุ่นดีนะ อีกส่วนหนึ่งมากันเป็นคู่ ไลฟ์สไตล์ดูทันสมัยสังเกตจากอุปกรณ์ไอทีที่พกติดตัว
ทุกคนดูคุ้นเคยกับห้องอาหารเป็นอย่างดี คงไม่ใช่ครั้งแรกที่มาทานแน่ ๆ ผมเองไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะที่นี่เปิดมานาน ย่อมมีลูกค้าติดใจในคุณภาพ ของวัตถุดิบ รสชาติ และ การบริการ ห้องอาหาร Marriott Café ก็คงเป็นหนึ่งในห้องอาหารของโรงแรม ที่จะมีกลุ่มลูกค้าประจำ มาทานอย่างสม่ำเสมอ จนคุ้นเคยกันดี
เอาล่ะ ทุกคนพอเห็นบรรยากาศ ห้องอาหารพอสมควร
เรามาเริ่มต้นดูอาหารกันดีกว่า. . .
ผมเริ่มที่ Seafood เมนูโปรดของการมาทาน Sunday Brunch ของผมก่อนแล้วกัน และผมก็เชื่อว่า หลาย ๆ ท่าน #สายSeafoodLover (ขอติด Hash Tag ตามสมัยนิยม เมื่อไปทาน Sunday Brunch ที่ไหนก็ตาม จะมุ่งตรงไปที่ไลน์ Seafood ก่อนเป็นอันดับแรก
ความสดของ Seafood คือจุดขายของ JW Marriott Hotel Bangkok ซึ่งทำให้เรา ฟินส์ ยกคะแนนให้ 10 10 10 ไปกับการลิ้มรสความสดอร่อยของ Seafood ในไลน์อาหาร มี Seafood ให้เลือกหลากหลายพอสมควร เสิร์ฟเป็น Seafood On Ice หากใครอยากทานเป็นแบบ BBQ สามารถแจ้งพนักงานได้
กุ้ง (Shrimp) สำหรับคนที่ไม่ชอบทานกุ้ง เพราะไม่ชอบแกะเปลือกกุ้ง Sunday Brunch ที่นี่เสิร์ฟกุ้งที่แกะเปลือกเรียบร้อย ทำให้ทานได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กๆ และสาว ๆ
กุ้งแม่น้ำ (River Prawn) อร่อยเพราะความสดของเนื้อกุ้ง ทั้งแน่นและหวาน เปลือกกุ้งแกะไม่ยาก
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (Mussel)
กั้งหิน (Rock Lobster)
ปูหิมะ (Snow Crab) เป็นปูที่มีเนื้อหวานนุ่มดี
หอยนางรม (Oyster) มีพนักงานคอยแกะวางบนน้ำแข็ง เติมเรื่อย ๆ เพื่อให้เนื้อหอยนางรมยังคงความฉ่ำ และมีรสชาติหวาน เลือกหยิบพร้อมเลือกเครื่องเคียงได้เลยครับ
มุมซีฟู้ดแต่ละอย่างจัดว่า รสชาติและคุณภาพดี
ถัดจาก Seafood จะเป็นส่วนของ Craving Station สเต็กเนื้อต่างๆ
Roasted Prime Rib
Baked Salmon มาทั้งตัวใหญ่ๆ เนื้อฉ่ำ ไม่คาว
Glazed Honey Ham
พาสต้า(PASTA) & ฟัวกราส์ (FOIE GRAS)
อยู่ติดกับ Craving บริการแบบสั่งและเสิร์ฟที่โต๊ะ ทำให้เราได้ทานอาหารปรุงเสร็จร้อน ๆ ใหม่ ๆ จานต่อจาน ผมชอบการเสิร์ฟแบบนี้นะ ระยะเวลารอไม่นาน เดินตักอย่างอื่นกลับมาที่โต๊ะ สัพพักฟัวกราส์ที่ผมสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ส่วน Pasta รอไม่นาน ผมเดินตัก ๆ อย่างอื่นอยู่ละแวกนั้น เชฟปรุงเสร็จพอดี ก็รับจานมาเอง
เฟตตูชินี (Fettuccine) หมึกดำ ผัดใส่กะเทียม กุ้ง และ หอยเชลล์ ผัดแบบผัดฉ่า เน้นว่าขอเผ็ดหน่อย เชฟปรุงได้รสชาติตามที่สั่งไป อร่อยถูกใจ
ฟัวร์กรา (Foie Gras) ที่นี่ทำมาแบบกรอบนอกนุ่มใน เกรียมๆหน่อย ซอสเข้มๆ ใช่เลยแบบนี้ ฟัวร์กรา ดูจากรูปลักษณ์การปรุงของเชฟเสิร์ฟมา พอจะเห็นถึงอร่อย เนื้อสัมผัสมีความมัน นุ่มลิ้นลื่นคอดี
เครื่องดื่มซึ่งรวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ เป็นน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรมีให้เลือกประมาณนึง ขายดีที่สุดที่พนักงานต้องมาเติมบ่อยที่สุดคือ น้ำมะพร้าวปั่นที่ผสมเนื้อมะพร้าวลงไปด้วย
ยังรวมชาและกาแฟไว้อีกด้วยนะ
ส่วนใครที่โปรดปรานกับการจิบไวน์ไปกับมื้ออาหาร Sunday Brunch ทางโรงแรมก็มีแพคเกจดื่มไวน์แบบไม่จำกัด ให้เลือกเช่นกัน โดยบวกเพิ่มอีก 1,100++ ก็ได้ทานไวน์อย่างเต็มที่
แล้วแต่ไลฟ์สไตล์และความชอบของบุคคล สำหรับผมชอบที่จะจิบเพียงเล็กน้อย เพียงกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าของมื้ออาหาร ได้ไวน์สักหน่อย เพิ่มความตื่นตัว และปลุกร่างกายให้รับรสอาหารได้ดียิ่งขึ้น
ชาและกาแฟ รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ สั่งได้จากพนักงานเลยนะครับ
ไลน์อาหารไทย โดย เชฟธนัย จิตมโนวรรณ เชฟ ผู้มากประสบการณ์ในการ ปรุงอาหารไทย รสชาติและความเข้มข้นของพริกแกง รวมถึงวัตถุดิบสมุนไพร ที่นำมาปรุงเป็นเมนูอาหารเสิร์ฟ เชฟคัดวัตถุดิบชั้นดีมาปรุง เพื่อให้ได้รสชาติ กลิ่นที่หอม และรสชาติที่กลมกล่อม
เชฟธนัย ยังมีเคล็ดลับในการปรุงอาหารให้ทุก ๆ วัตถุดิบ
กลมกล่อมผสานรสชาติกันได้ดี ซึ่งเชฟชักชวนเลยว่า
ต้องชิมให้ได้นะ
ยำปลาหมึก (Spicy Squid Salad)
สลัดกุ้งสด (Spicy Shrimp Salad)
ขนมจีนมาพร้อมผักและไข่ต้ม
ไลน์อาหารอินเดีย โดยเชฟ Pradeep Semwal เชฟผู้เชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ในการทำอาหารอินเดีย สำหรับเมนูที่ลงไลน์อาหาร เชฟเน้นรสชาติที่เป็นซิกเนเจอร์ของอินเดีย แบบฉบับดั้งเดิม ดังนั้นคุณจะได้รสชาติที่เข้มข้นของพริกแกงและเครื่องเทศ ถึงรสถึงเครื่องแน่นอน
ส่วนด้านนี้จะเป็นเมนูปรุงสำเร็จ เสิร์ฟร้อนในหม้อ
แกงเขียวหวานไก่ (Green Curry Chicken)
แกงเผ็ดเป็ดย่าง (Red Curry Duck)
Grilled Beef Oyster Blade Red Wine Sauce
เบคอน
อาหารจีน มีให้เลือกทั้งเป็ดย่าง หมูหัน ติ่มซำ ฮะเก๋า วันนี้ผมไม่เน้นมาก หากเน้นโปรดเดี๋ยวกลับมาทานที่ห้องอาหารจีน Man Ho ดีกว่า จะได้อรรถรสเต็มกว่านี้
ฮะเก๋า นุ่มฉ่ำ
เท็มปุระ ทอดมาดี กรอบและไม่อมน้ำมัน ทอดได้ฟูดีจัง
แซลมอน ทูน่า ปูอัด หมึกยัก สำหรับคนที่ชอบทาน คงถูกใจมาก คุณภาพดี แซลมอนรมควัน และ ทูน่ารมควัน จัดว่ารสชาติใช้ได้
โรลต่าง ๆ ก็น่าทาน แต่มื้อนี้ขอไม่เน้น เดี๋ยวแน่นเกินไป เทมากิ ข้าวห่อสาหร่ายทรงกรวย อยู่ติดกัน มีพนักงานบริการ ห่อให้ใหม่ ๆ
มุมสลัด หากมา JW Marriott Bangkok ก็ต้อง Salad Signature ของที่นี่เลยคือ Caesar Salad จุดเด่นคือความสด กรอบของผัก กับน้ำสลัดที่หอมเข้มเข้น
เป็นอีกหนึ่งมื้ออาหารที่ทานกันอย่างวาไรตี้ เราเอนจอยกับบรันซ์อย่างเต็มที่เช่นกัน ชีสและขนมปัง จัดเสิร์ฟบนโต๊ะ บรันซ์มื้อนี้ผมไม่ได้แตะเลย เพราะอาหารในไลน์
เยอะมาก และยังมีเมนูโปรดอยู่หลายเมนู
ผลไม้สักหน่อยยังไหวกันมั้ย สำหรับผมทานแตงโม ปิดท้ายมื้ออาหารไปหน่อยเดียว อิ่มแน่นจากอาหารหลักไปเยอะ
ไอศกรีมทีให้เลือกอยู่ 5 รสชาติ
ไลน์ขนมหวาน สำหรับที่นี่ถือว่าจัดใหญ่ไฟกระพริบ 10 10 10 ยกคะแนนให้อีกรอบ มีให้เลือกทานเยอะมากแค่ไหน มาติดตามกันดู
ฟองดูว์ ช็อกโกแลต (Chocolate Fountain) จากที่ผมไปทานมาแต่ละห้องอาหาร ต่างกันบ้างที่ความเข้ม ความขมของดาร์คช็อกโกแลต โดยรวมจะทำออกมาดี ผลไม้และขนมที่นำมาเคลือบ ผมก็หยิบ มาร์ชแมลโล่, สตอร์เบอร์รี่ พื้นฐานทั่วไป เป็นเมนูสนุกและคงวิ่งเข้าหาเป็นเมนูแรก หากผมยังอยู่ในวัยเด็ก
เค้กทำไว้หลายแบบ เผลอหยิบตามความชอบ มองดูจานอีกที แอบตกใจ รวมๆ ที่จะกิน ปริมาณเกือบเท่าเค้กขนาดหนึ่งปอนด์ได้เลยนะ ต่างจากมื้อธรรมดาทั่วไป ที่จะแตะเค้กสักชิ้น ก็มักจะคำนึงถือปริมาณน้ำตาลและ แคลอรี่
จุดนี้เลยมาไกล มื้อนี้ไร้ซึ่งการคำนวณแคล ทุกอย่างถูกปิดไว้ ด้วยหน้าตาที่เย้ายวนของแม่ขนมหวาน หยิบฉันสิ…ขนมหวานสะกดผมไว้อย่างนั้น
ทีรามิสุ เหมาไปสองแก้ว เมนูโปรดปราน เข้ม ๆ ฉ่ำ ๆ ถือว่าอยู่ในขั้นอร่อย
ข้าวเหนียวมูล มะม่วง สังขยา และน้ำกะทิ เป็นไฮไลท์ของขนมหวาน ที่ใครต่อใคร ต่างประทับใจ ข้าวเหนียวมูล ทำออกมาได้ดี ข้าวเม็ดนิ่มกำลังพอดี ไม่เละไม่แข็งมีความมันแซมเคลือบเม็ดข้าว
Sunday Brunch Marriott Cafe 12:00 น. – 15:00 น.
• พิกัด: ร้านอาหาร Marriott Café โรงแรม JW Marriott Hotel Bangkok
• ประเภทของอาหาร: บุฟเฟ่ต์นานาชาติ จากเชฟผู้เชียวชาญ ในแต่ละประเภทของอาหาร
• ราคา: 1,990++ บาท (สุทธิ 2,343 บาท) รวมเครื่องดื่ม free flow soft drink
• สำรองที่นั่ง: 02 656 7700
โปรโมชั่นบัตรเครดิต:
• SCB, KBank, AMEX, and Citibank: 15% discount on food only (Year round)
Sunday Brunch Marriott Cafe
ทุกคนอยู่กับมื้อสายวันอาทิตย์ กับผมจนมาถึงบทสุดท้ายของรีวิวฉบับนี้แล้ว ข้อสังเกตอย่างนึงคือ อาหารที่เสิร์ฟในไลน์จะวางไม่เยอะ นั่นเป็น ความตั้งใจของห้องอาหาร ที่ต้องการจะเสิร์ฟอาหารให้ทุกคนได้ทาน กันแบบปรุงเสร็จใหม่ๆ ดังนั้นการเสิร์ฟไซต์ที่ไม่ใหญ่มากในไลน์อาหาร ทำให้เชฟ ได้ปรุงอาหารมาเติมบ่อยๆ และลูกค้าก็ได้ทานรสชาติที่ปรุงเสร็จใหม่
หลังจากที่ได้ชม Sunday Brunch ของที่นี่กันแล้ว ใครชอบและถูกใจในไลน์อาหารแบบนี้ ก็เก็บไว้ในหนึ่งในตัวเลือกมื้อบรันซ์ ที่คุณจะพาคนใกล้ตัวและครอบครัวไปทานด้วยกัน สำหรับผม คงพาที่บ้านมาทานอีกครั้ง เพราะชอบในคุณภาพของอาหาร และไลน์ขนมหวานที่มีให้เลือกทานเยอะดี