เมื่อพูดถึง “ซันเดย์บรันช์” หลายคนอาจจะนึกภาพถึงห้องอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดบนทำเลที่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย ในวันนี้ SOtraveler.com จะขอเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับทุกคน ด้วยการพาไปนั่งทานอาหารมื้อซันเดย์บรันช์ (Sunday Brunch) พร้อมกับการชมวิวชายหาดและผืนน้ำทะเลที่กว้างสุดหูสุดตา ที่สำคัญขับรถจากกรุงเทพฯ ออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็จะได้พบกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายที่คุ้มค่าการเดินทางกับที่นี่ ห้องอาหารเอดจ์ (Edge) ชั้น 14 โรงแรมฮิลตัน พัทยา
ทำเลของโรงแรมอยู่ห่างกับชายหาดเพียงแค่ข้ามฝั่งของถนน เรียกได้ว่าใกล้มากๆ มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกถึงกลิ่นไอของทะเล ที่มาสัมผัสตัวอยู่ตลอด ช่วงเวลาที่เราอยู่ที่โรงแรม เราได้เดินเก็บภาพรายละเอียดมุมต่างๆ ของโรงแรม รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนแอบเห็นเวลาจากโทรศัพท์มือถือบอกเวลาเกือบเที่ยง เป็นช่วงเวลาที่เราวางแผนไว้สำหรับการไปยังห้องอาหารเอดจ์ (Edge) ชั้น 14 ของโรงแรม
เรามาถึงโรงแรมฮิลตัน พัทยา (Hilton Pattaya) บนทำเลที่ติดกับชายหาด เราจึงขอเริ่มต้นด้วยซีฟู้ด (Seafood) เมนูโปรดที่หลายท่านให้ความสนใจ ส่วนของ Seafood on ice นั้น ทางห้องอาหารได้จัดเต็มมาอย่างพร้อมเพรียง ทั้งหอยนางรมนำเข้าตัวใหญ่ๆ 3 ชนิด, กุ้ง, กั้ง, หอยแมลงภู่เนื้อแน่น หอยนางรมถือเป็นอาหารที่มีไขมันและคอเรสเตอรอลต่ำ มีคุณค่าทางอาหารสูง จึงมีผู้นิยมรับประทานเป็นจำนวนมาก ที่นี่มีทั้งสายพันธุ์ Marennes Oleron, France Atlantic และ Irande มาพร้อมไว้รอต้อนรับทุกคน
อยู่ใกล้ๆ กัน จะเป็นหอยแมลงภู่นำเข้าตัวใหญ่ เนื้อแน่นเต็มคำ ถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในถังไม้ใส่น้ำแข็ง ทุกอย่างดูสดใหม่ เหมือนเพิ่งถูกนำขึ้นมาจากทะเล
หลังจากที่เราได้ถ่ายรูปอาหารประเภท Seafood เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องหยิบจานขึ้นมาตักอาหารทะเลไปชิม เริ่มจานแรกเราก็จัดหอยนางรมไปให้ครบทั้ง 3 สายพันธุ์ พร้อมกุ้งและกั้งไปอีกอย่างละนิด
ไข่ปลาคาเวียร์ก็มีอยู่ในสเตชั่นนี้เช่นกัน ใครอยากลองแบบไหน ก็สามารถตักมาลองชิมได้ และหลังจากการได้ลองชิมในทุกๆ แบบ จะทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างของไข่ปลาคาเวียร์แต่ละแบบด้วย
ไข่คาเวียร์ (Caviar) ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ได้มาจากปลาคาเวียร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นไข่จากปลาหลากหลายประเภท โดยส่วนมากจะนำมาจาก ไข่ปลาสเตอร์เจียน การรับประทาน คาเวียร์ นั้นนิยมจะตักไข่ปลาด้วยช้อนคันเล็กๆ ทาลงบนขนมปังแล้วรับประทาน
มุมทานอาหารมีสีสันแบบสบายๆ สดใสเข้ากับบรรยากาศภายนอก ด้านข้างเป็นกระจกมองออกไปด้านนอก เห็นวิวทะเลกว้างสุดสายตา ส่วนของโซฟาตัวที่นั่งก็นุ่มสบายให้เราสามารถใช้เวลาอยู่นานๆ ได้เป็นอย่างดี
ส่วนของอาหารญี่ปุ่น มีการจัดทั้งซูชิปลาไหล และซาชิมิหลากหลายรูปแบบ ผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นต้องไม่พลาด ทั้งความหลายหลายของวัตุดิบและสีสัน ช่างเย้ายวนใจ
ขบวนพาเหรดซูชิ ถูกนำมาจัดเรียงให้กับผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง โดยซูชิแต่ละคำจะถูกเติมเข้ามาในขบวนพาเหรดอยู่ตลอดเวลาที่ห้องอาหารเปิดให้บริการ ต้องบอกว่าพอเห็นซูชิเรียงตัวกันมากๆ ตอนนั้นก็แอบคิดถึงเรื่องการทานซูชิให้อร่อย จะต้องเริ่มกินจากปลาที่รสชาติอ่อนก่อน แล้วค่อยไล่ไปหาปลาที่รสชาติที่เข้มข้นมากขึ้นต่อๆ ไป เพื่อไม่ให้รสชาติที่อร่อยของปลาแต่ละประเภทถูกกลบไป
ซาชิมิสดๆ เนื้อหวานๆ ก็พร้อมให้บริการไม่อั้น ทั้ง ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลากะพง, กุ้ง, หอยปีกนก, ปลาหมึก, ปูอัด ความอร่อยของวัตถุดิบที่ถูกคัดมาอย่างดีและด้วยความชอบโดยส่วนตัวแล้ว ทำให้เราใช้เวลาในการทานอาหารจานนี้โดยใช้เวลาไม่นานนัก
นอกจาก Seafood on ice แล้ว ก็ยังมี Seafood grill ที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวเอเชียอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโต, ปูม้า, กั้ง
ถ้าทาน Seafood แล้วขาดน้ำจิ้มทะเลสูตรเด็ด ก็คงจะทำให้ความเพลิดเพลินในการรับประทานหายไปเยอะเลยเช่นกัน เราเลยจัดน้ำจิ้มมาทั้ง 2 สูตร มีความอร่อยและลงตัวคนละแบบ
ไลน์ถัดไปจะเป็นสลัดบาร์เพื่อคนที่รักสุขภาพและชอบทานผัก มีผักและน้ำสลัดให้เลือกหลากหลายรายการ
สเตชั่นอาหารไทย ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร ด้วยการเตรียมอาหารไว้ในหม้อดินเผา ให้ความรู้สึกเหมือนอาหารเพิ่งถูกทำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นหอมจากเครื่องแกงไทยเย้ายวนใจ จนแอบมองอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
ข้าวซอยที่ถูกปรุงใหม่มีรสชาติที่จัดจ้าน ใครที่เคยคิดว่าถ้าจะทานข้าวซอย ต้องเดินทางไปชิมที่ภาคเหนือ อาจจะมีความคิดใหม่ เมื่อที่นี่ก็สามารถสร้างรสชาติ ทั้งกลิ่นและรสสัมผัสที่อร่อยได้ดีไม่แพ้ต้นตำรับ
เดินมาได้เรื่อยๆ ก็พบสเตชั่นอาหารทางฝั่งตะวันตก เริ่มต้นด้วยมุมอาหาร Cold cut แบบมาเต็มทั้งเนื้อและชีส เลือกทานได้ตามความพีงพอใจ
หลังจากที่เราได้เต็มอิ่มกับอาหารหลักเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาโปรดของเรา นั่นคือช่วงเวลาของหวาน เพราะที่นี่ถือได้ว่าเด็ดมาก มากจนเราแอบปลื้มกันด้วย เพราะความหลากหลายและรสชาติ ทำให้เราใช้เวลาในส่วนนี้เพลินจนเราเองยังตกใจเมื่อกลับมามองนาฬิกาอีกครั้ง
เปิดตัวด้วยเค้กข้าวเหนียวมะม่วง ….. คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ เป็นเค้กข้าวเหนียวมูลราดด้วยเนื้อมะม่วงชิ้นใหญ่ หวาน หอม จนเราต้องขอสารภาพว่า เดินแวะเวียนไปบ่อยจริงๆ
หันตัวกลับไปอีกด้านก็พบกับ ความตระการตา ของเค้กหลากหลายชนิด ที่มีสีสันสุดสวย ถูกนำมาตั้งเรียงรอให้ผู้ที่ชื่นชอบได้เข้ามาสัมผัส ในช่วงที่เรากำลังเก็บภาพและบันทึกข้อมูลอยู่นั้น ก็มีแขกหลายท่านเดินผ่านมาทางนี้ แอบอมยิ้มกันก็หลายคน จนเราแอบคิดไม่ได้ว่า เค้าอาจจะรอช่วงเวลาของอาหารหวานอยู่ก็เป็นได้
ฟองดูว์ผลไม้ก็เป็นอีกสิ่งที่ห้องอาหารนำมาตั้งวางไว้ เผื่อคนที่ไม่ชื่นชอบของหวานประเภทเค้ก ก็สามารถเลือกทานได้
หรือถ้าหากคุณไม่ชอบแนวเค้กชิ้นใหญ่ๆ ก็สามารถเลือกทานเค้กชิ้นเล็กหรือขนมไทย ที่ทางห้องอาหารจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ขนมขบเคี้ยวและบิสกิตสีสันสดใส กำลังรอผู้ที่ชื่นชอบแวะมาลองชิม
ถ้าขนมหวานแนวเค้กยังไม่จุใจท่าน ทางห้องอาหารยังมีไอศกรีมโฮมเมดหลากหลายรายการให้เลือก แอบกระซิบตรงนี้เลยว่าทุกรสมีความอร่อยมากๆ ถ้าได้ลองแล้วจะคิดถึงไปอีกนาน
หลังจากที่ได้บรรยายให้กับทุกท่านแล้ว ก็ถึงเวลาที่พร้อมสำหรับเราในการรอชิมไอศกรีมที่มีความหอมแบบฉบับโฮมเมด ถือเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารนี้ได้เป็นอย่างดี ความสุขเกิดขึ้นได้แทบจะตลอดเวลา อาจจะเพราะความสวยงามของการจัดวางอาหาร และรสชาติถ้ามีการให้คะแนนโดยกรรมการ จะต้องบอกว่า มื้อนี้ ได้คำว่า “ผ่าน” จากกรรมการทุกคน
ข้อมูลสำหรับห้องอาหาร
ห้องอาหาร Edge ตั้งอยู่ที่ ชั้น 14 โรงแรมฮิลตัน พัทยา เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 22.30 น.
สำหรับ บุฟเฟ่ต์ซันเดย์บรันช์ มีทุกวันอาทิตย์ ราคาสุทธิ 1,500 บาทต่อท่าน เด็กอายุ 1-5 ขวบทานฟรี (ราคานี้รวมเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่มีบริการในบุฟเฟ่ต์) ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 15.00 น. สำรองที่นั่งโทร 038 253 077