Le Méridien Suvarnabhumi ชื่อนี้เชื่อว่าหลายท่านคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ของกอล์ฟรีสอร์ทแห่งแรกในประเทศไทย ทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเครือสตาร์วูด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท กับมาตรฐานการให้บริการระดับ 5 ดาว Sunday Brunch Le Meridien Suvarnabhumi มีความพิเศษเช่นกัน นอกจากการได้มาลิ้มรสกับอาหารที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ยังสามารถใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชิลของสระว่ายน้ำ หรือจะนั่งชมวิวสนามกอล์ฟที่มีความเขียวขจีเพื่อความผ่อนคลาย เรียกได้ว่าเป็นพรีเมี่ยมซันเดย์บรั๊นช์อีกที่หนึ่งที่อยากให้มาลองกันนะครับ
ทำเลที่ตั้งของ Le Méridien Suvarnabhumi, Bangkok Golf Resort & Spa อยู่ในเขตบางพลี จ.สมุทรปราการ โดยจะตั้งอยู่ในพื้นที่ของสนามกอล์ฟซัมมิท วินด์มิลล์ การขับรถส่วนตัวมาที่นี่ ดูจะเป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุด เมื่อเดินทางมาถึง ก็ตรงเข้าไปยังห้องอาหาร Latest Recipe ที่อยู่เลยโถงล็อบบี้เช็คอินไปเพียงอึดใจ
สำหรับช่วงนี้ทาง Le Méridien Suvarnabhumi จัดธีมมื้อสายวันอาทิตย์เป็น สปาร์คกลิ้ง ซันเดย์ บรั๊นช์ (Sparkling Sunday Brunch) ทานอาหารเมนูอร่อยคู่ไปกับเครื่องดื่มซ่าส์ ๆ
สิทธิพิเศษเมื่อมาทาน Sunday Brunch ที่นี่คือ สามารถใช้สระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูล (Infinity pool) และพาเด็ก ๆ เล่นที่ Kid Club ของทางโรงแรมได้
ราคา 2,200++ บาท/ท่าน (รวมเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ)
ราคา 2,700++ บาท/ท่าน (รวมเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งค็อกเทล เบียร์ และไวน์)
ทางห้องอาหาร มีโต๊ะให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor รอบบริเวณ จะมองเห็นสระน้ำ และสนามกอล์ฟ ทำให้การตัดสินใจเลือกโต๊ะอาจจะต้องใช้เวลาสักนิด เนื่องจากความน่าดึงดูดของสถานที่
บรรยากาศของสระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูล (Infinity pool) ที่สามารถเล่นได้ เมื่อมาทาน Sunday Brunch ที่นี่ มุมมองจากเก้าอี้ริมสระ นั่งเอนตัวชมวิวของสระน้ำ ทอดยาวไปถึงหญ้าเขียวขจีของสนามกอล์ฟ สูดอากาศและความสดชื่นได้อย่างเต็มปอด
“เอ็กโพลร์ สปา (Explore Spa)” เป็นสปาตัวจริงเสียงจริงของแบรนด์ เลอ เมอริเดียน ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของศาลาทรงไทย นอกจากภายนอกจะสวยงามแล้ว ภายในก็เด็ดไม่แพ้กัน เพียงเดินชมช่วงเวลาสั้นๆ กลับรู้สึกหลงใหลและเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว
ผืนน้ำกว้างใหญ่ใสราวกับกระจก ที่มองเห็นสีเขียวธรรมชาติสุดสายตา เห็นมุมนี้แทบไม่ต้องอธิบายเลยว่ารู้สึกอย่างไร
บรรยากาศภายในร้าน ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน กับบรรยากาศแบบสบายๆ ด้วยโทนสีแบบอบอุ่น ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้าน และเครื่องครัวอยู่ทั่วบริเวณ
Seafood on Ice
เปิดตัวมาด้วย ซีฟู๊ดออนไอซ์ ซึ่งมีทั้งกุ้งลายเสือตัวโต ๆ, หอยนางรมฟินเดอแคลร์ (Fine de Claire) , ปูอลาสก้าแบบเต็มอัตรา ก่อนที่ทุกอย่างจะลดลงอย่างรวดเร็วจนเชฟต้องนำมาเติมอยู่เกือบจะตลอดเวลา
อาหารทุกอย่างถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งขนาดและคุณภาพ ชนิดที่ว่าพร้อมเสิร์ฟเพื่ออรรถรสที่ดีในการลิ้มชิมรสสำหรับทุกท่าน
นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งยังมี เป็ดรมควันกับซอสฮอยชิน (Smoked Duck hoisin truffer) เสิร์ฟมาในแก้วช๊อต ให้สามารถหยิบทานได้ง่าย
ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นเมนูแซลมอนเย็นปรุงรสและซอสหลากหลายรูปแบบตามความชอบของแต่ละท่าน สามารถปรุงผสมกันได้ตามชอบใจ
Seafood on Ice จะถูกจัดเรียงไว้บนรถเข็นมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเริ่มเข้าสู่ห้องอาหารแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดที่เรียกความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
Drink !
เครื่องดื่มที่เป็น Soft drinks ของที่นี่ มีทั้งน้ำกระเจี๊ยบ, ฝรั่ง, และน้ำพันซ์ มีความละมุนลิ้นมากๆ ด้วยความที่ไม่หวานจัด ออกแนวธรรมชาติๆ จริงๆ หรือจะเป็นเครื่องดื่มแบบ Sparkling มาดื่มคู่กับอาหารอร่อย ๆ ก็จะเป็นมื้ออาหารที่มีความสุขสุดๆ เช่นกัน
เพียงไม่นาน ความเคลิ้มก็เริ่มคลืบคลานเข้ามาถึงตัว เลยทำการสั่งกาแฟร้อนไปแก้วนึง เพื่อเอามาเพิ่มพลังให้ร่างกายพร้อมสำหรับอาหารเมนูถัดไป
Salad Station
มุมสลัดบาร์ ก็มี Red/Green Oak, Red/Green Coral, Rocket และน้ำสลัดหลากหลายแนว เข้ากับยุคสมัยเมนูเพื่อสุขภาพ โดยจะมีการจัดผักต่างๆ บรรจุไว้ในตะกร้า เสมือนเป็นผักสดที่เพิ่งผ่านการเก็บมาจากฟาร์มแบบออร์แกนิค
นอกจากนั้น ยังมีสลัดปรุงเสร็จพร้อมทานที่ทางห้องอาหารได้เตรียมไว้ในบริเวณใกล้ๆ กันด้วย รูปแบบการปรุงก็มีให้เลือกมากมาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเมนูสลัดเพราะจะได้ลองเมนูสลัดใหม่ๆ ด้วย
BBQ Station
ซุ้มบาร์บิคิว (BBQ) จะตั้งอยู่อีกด้านของห้องอาหาร มองเห็นวิวสระน้ำใกล้ๆ สร้างบรรยากาศประดุจทานอาหารอยู่ริมทะเล โดยจะประกอบด้วย กุ้ง หอย ปลา ปลาหมึก ไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ หมู ไก่ เรียกได้ว่านำขบวนมากันเต็มพื้นที่ทีเดียว
เชฟกำลังทำการปรุง Lobster ซึ่งถือว่าเป็น Complimentary สำหรับทุกคนที่เข้ามารับประทานอาหารในห้องอาหาร เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสุดแซ่บเข้ากันสุดๆ
Thai Cuisine Station
อีกมุมหนึ่ง ก็จะเป็นไลน์อาหารไทย โดยจะสังเกตุได้ง่ายๆ เพราะจะมองเห็นครก เครื่องครัวแบบไทยๆ ได้อย่างชัดเจน มุมนี้จะสามารถปรุงส้มตำได้ด้วยตนเอง หรือถ้ายังไม่พร้อมสำหรับการแสดงฝีมือ ก็สามารถเรียกพนักงานให้ปรุงให้ก็ได้เช่นกันครับ
กลิ่นเครื่องส้มตำ ช่างเย้ายวนใจจริงๆ โดยเฉพาะกลิ่นมะนาวที่ได้กลิ่นทีไร รู้สึกตื่นตัวขึ้นทุกครั้ง เสียงตำ ป๊อกๆๆ ก็ยิ่งดึงดูดให้เดินเข้าไปหา สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กับความหอมของเครื่องปรุง ขอรับมาที่นึง พอให้ร่วมทานกับอาหารอื่นๆ ได้อย่างคล่องคอ
ถ้าใครอยากทานอาหารประเภทเส้น ก็สามารถแจ้งกับพนักงานจากไลน์นี้ได้เช่นกันครับ เมนูอาหารก็มีมากมาย สามารถอ่านได้จากป้ายเมนู หรือ ถามจากพนักงานโดยตรงก็ได้เช่นกัน
Japanese Cuisine Station
ไลน์อาหารญี่ปุ่น ถือว่ามีความเด็ดมากทั้งซูชิ และซาซิมิ นำปลาคุณภาพดีมากมาลงในไลน์อาหาร ปลามีความสด หวานอร่อย ถือได้ว่าเป็นพาเหรดซาชิมิเลยก็ว่าได้ งานนี้ก็ไม่พลาดที่จะลิ้มลอง มาถึงนี่แล้วก็จะต้องลองให้ได้หลากหลาย เพื่อจะได้บรรยายถึงรสชาติของอาหารให้ได้มากที่สุด
อีกด้านของไลน์อาหารญี่ปุ่นจะเห็นปลาตั้งอยู่ในตู้แช่ รอการนำมาปรุง สามารถถามเมนูจากเชฟได้เลยนะครับ ว่าสามารถนำมาปรุงอะไรได้บ้าง เมื่อปรุงเรียบร้อยจะถูกนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ……. ตรงนี้มีความพีคจริงๆ ครับ
เมนูที่ผมชอบมากๆ ในไลน์อาหารญี่ปุ่นคือ เมนูซูชิปลาไหลครับ เมื่อเห็นปลาไหลพร้อมอยู่ในตู้แช่ขนาดนั้นแล้ว จะไม่ให้สั่งก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ เลยจัดมาเลย ทางเชฟก็จะถามว่าต้องการจำนวนเท่าไร ก็สามารถแจ้งได้ทันทีครับ
ซูชิถูกจัดเตรียมไว้เป็นแถวๆ ด้านข้าง มีการเติมเรื่อยๆ และปรับเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อยๆ เช่นกัน ถ้าอยากได้เมนูไหนเป็นพิเศษ ลองถามเชฟได้เลยนะครับ
Cold Cuts Station
ไลน์อาหารเนื้อตัดเย็น เป็นเมนูที่นำมาทานกับขนมปัง โดยนำเข้าหลักๆ มาจากอิตาลี แหล่งวัตถุดิบชั้นดีของอาหารแนวนี้ ที่นี่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย มีการหั่นบางรอเสิร์ฟอยู่บนหินอ่อนเย็น
Cheese Station
ถัดมาอีกด้านหนึ่งก็จะเห็นไลน์ชีส ถูกนำมาตั้งเรียงกันเป็นแถว อยากลองชิมแบบไหน สามารถตัดแบ่งได้เลยทันทีครับ งานนี้ก็ไม่พลาดอีกเช่นกัน เดินช้าๆ ตัดอย่างละนิดละหน่อย วางใส่จาน เพื่อนำมาลองชิม
พาร์ม่าแฮม เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมนูเด็ดของหลายๆ คน เมื่อเดินผ่านจะได้กลิ่นหอมของแฮมแทบจะทันที โดยพนักงานจะทำการสไลด์กองไว้ให้ สามารถหยิบทานได้ตามความพอใจ เป็นอีกอย่างที่คนชอบไม่ควรพลาดครับ
Jamon Iberico สุดยอดแฮมหมูดำ ที่ราคาสูงที่สุด มีกระบวนการผลิตที่พิถีถิถันในทุกขั้นตอนมากๆ ถ้ามองเรื่องโภชนาการของแฮมตัวนี้ จะมีกรดโอเลอิคสูง ซึ่งเป็นสารตัวเดียวในน้ำมันมะกอก มีคลอเรสเตอรอลต่ำ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแฮมหนึ่งเดียว ที่สามารถรับประทานพร้อมๆ กับการมีสุขภาพที่ดีได้
Bread Station
ไลน์ขนมปังก็มีให้เลือกมากมาย สามารถนำไปทานคู่กับแฮม กับชีส กับเนื้อตัดเย็น หรือทานเปล่าๆ ก็อร่อยเช่นกัน บรรยากาศของไลน์อาหารนี้ เหมือนตัวเองไปอยู่หน้าเตาที่เพิ่งอบขนมเสร็จใหม่ๆ
Italian Station
Beef Tartares & Foie gras terrine เป็นเมนูเด่นสำหรับไลน์อาหารอิตาเลี่ยน สำหรับคนที่ชอบเมนูเนื้อสับหรือฟัวกราส์ ต้องลองเลยนะครับ ทานคู่กับแตงกว่าดอง เพิ่มอรรถรสของอาหารได้เป็นอย่างดี
Carving & Live Station
อาหารอบชิ้นใหญ่ แล่ หั่นเสิร์ฟ พร้อมเมนู A La Carte ให้สั่งทำกันใหม่ ๆร้อน ๆ จานต่อจาน
ที่ Station จะมีจานอาหารตัวอย่างวางไว้ และที่โต๊ะจะมีตัวหนีบให้เราหนีบจานที่เราต้องการ จากนั้นเชฟจะเริ่มปรุงแล้วนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
-Fried hot southern chili paste with chicken
-Thai crap with chicken and shrimp
-Japanese curry with Grilled Salmon
-Green Curry with Mushroom
-Stir fried Pork Ribs
Carving Station เมนูกรุ่น ภายใต้โคมไฟส่องอาหาร
-Roasted Beef
-Grilled Italian Sausage
-Roasted honey ham
-Baked seabass
-Shrimp rice cracker
-Vegetable Spring roll
-Pizza
หอยเชลล์ย่าง หอยตัวโต เนื้อแน่นสด และหวานมาก เมื่อสั่งมาทานจานแรก ผมถึงกับสั่งจานที่สองต่อเลย เสิร์ฟคู่กับซอสฟักทอง ผมชอบทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดส์เมากกว่า เลยเอามาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดส์ แทน
ฟัวกราส์ (Foie gras) ชิ้นพอประมาณ ด้านนอกกรอบเหลืองข้างในนุ่ม
Dessert !
ของหวานมีให้เลือกประมาณนึง
ไอศครีมก็มี
แจ้งราคากันอีกครั้ง
ราคา 2,200++ บาท/ท่าน (รวมเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ)
ราคา 2,700++ บาท/ท่าน (รวมเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งค็อกเทล เบียร์ และไวน์)
ฝากไว้สำหรับ Sparking Sunday Brunch Latest Recipe, Le Meridien สุวรรณภูมิ