หน้าหนาวมาเยือนแล้ว…
‘เชียงใหม่’ หัวเมืองท่องเที่ยวหลักของทางภาคเหนือ คงเตรียมตัวต้อนรับขบวนนักท่องเที่ยวที่จะไปสัมผัสความหนาวเคล้าศิลปะและวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวล้านนากันอย่างใจจดจ่อ เราอยากเชิญชวนทุกคนกลับมาสัมผัสบรรยากาศสถาปัตยกรรมล้านนาในแบบลักซ์ชัวรี่โฮเทลบนพื้นที่กว่า 150 ไร่ของถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพง
โรงแรม ดาราเทวี เชียงใหม่ (The Dhara Dhevi Chiang Mai) ที่ยังคงความยิ่งใหญ่และรอทุกคนมาเยือนความงามอยู่เสมอ
การเดินทางของเราครั้งนี้เดินทางด้วย
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) สายการบินบูทีคแอร์ไลน์ บริการแบบครบวงจร ( Full Service) ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินที่มีเลาจน์บริการผู้โดยสารทุกระดับ

ผู้โดยสารที่บินกับ
สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส มักจะไม่พลาดที่จะเผื่อเวลามาสนามบิน เพื่อมานั่งรีแล็กซ์ที่ห้องรับรองของสายการบินทั้ง
ห้องรับรองบูทีคเลาจน์ (Boutique Lounge) และ
ห้องรับรองบลูริบบ้อนคลับเลาจน์ (Blue Ribbon Lounge)
และจากการประกาศผลรางวัล สกายแทร็กซ์ เวิลด์ แอร์ไลน์ อวอร์ด ประจำปี 2561 (SKYTRAXWorld Airline Awards 2018)
บางกอกแอร์เวย์ส ได้คว้า 2 รางวัล สายการบินภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลกและดีที่สุดในเอเชีย มาครอง ทางสายการบินจึงทำช็อคโกแล็ตออกมาวางแจกให้กับผู้โดยสารในเลาจน์ และปีนี้ยังเป็นปีพิเศษของบางกอกแอร์เวย์ส ที่เปิดบริษัทดำเนินธุรกิจมาครบรอบ 50 ปีอีกด้วยเช่นกัน
ห้องรับรองบลูริบบ้อนคลับเลาจน์ (Blue Ribbon Lounge) ห้องรับรองที่บริการแบบเหนือระดับ สำหรับผู้โดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ชั้นธุรกิจ, ชั้นพรีเมียม และสมาชิกระดับพรีเมียร์ มีพื้นที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับเที่ยวบินที่บินภายในประเทศ เลาจน์เปิดให้บริการตั้งแต่ 04:30 น. ถึง 22:00 น. บริเวณ โซน A, ชั้น 2 (ตรงข้ามประตู A3)

มีอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wifi) ให้ใช้ฟรี, คอมพิวเตอร์, อาหารว่างและเครื่องดืม, ที่นั่งพักผ่อน, หนังสือพิมพ์และนิตยสาร, อาหารจานร้อน, ห้องอาบน้ำส่วนตัว, ห้องน้ำ

และเมื่อมาถึงเลาจน์ของ
บางกอกแอร์เวยส์ ก็คงไม่พลาดที่จะแวะมาชิมดาวเด่นตลอดกาลอย่างข้าวต้มมัด และยังมีขนมไทยอื่นๆที่อร่อยไม่แพ้กัน

สำหรับอาหารถือว่าครบถ้วนและหลากหลายสำหรับมื้อเช้า แซนด์วิช ขนมปัง เครื่องดื่มก็มีทั้งน้ำผลไม้ น้ำอัดลม โอวัลติน ชา กาแฟ

ไข่ลวกในน้ำ (Poached Egg) ปรุงออกมาได้ดีอย่าลืมลองทานกัน

ภายในเลาจน์ยังมีเก้าอี้นวดและทีวีส่วนตัวไว้บริการอีกด้วย ถูกใจจริงๆ ระวังจะนวดเพลินจนเผลอหลับยาว
โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชียงใหม่มากนัก เดินทางด้วยรถยนต์เพียง 15 นาที ออกแบบและก่อสร้างขึ้นจากแนวความคิดที่จะรวบรวมรูปแบบศิลปกรรมที่มีความงดงามในอาณาจักรล้านนา ทั้งบ้านเรือน หอแก้ว หอคำ และคุ้มหลวงทั้งในรูปแบบไทยวน ไทลื้อ ไทลาว ไทเขิน ไทใหญ่และมอญพม่า
“ดาราเทวี เชียงใหม่” เป็นโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่ในเชิงสถาปัตยกรรม ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่นทำให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกแรกที่มีโอกาสได้เข้าไปเยือน
ดาราเทวี เชียงใหม่ รู้สึกทึ่งในความงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก แม้จังหวะที่เราไปจะมีฝนตกลงมา ความชุ่มเย็นของบรรยากาศกับผสมผสานเข้ากับความสงบเงียบ และสุขุม ลุ่มลึก ของสถานที่ ยิ่งดูก็ยิ่งทึ่งในความตั้งใจของผู้ออกแบบที่บรรจงสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ ให้ ดาราเทวี เป็นเหมือนเมืองย่อมๆแห่งอาณาจักรล้านนา เราเชื่อว่าทุกคนที่แวะมาต้องหลงไหลและตื่นตากับสถาปัตยกรรมของที่นี่

โลโก้ของโรงแรมมีแรงบรรดาลใจมาจาก ‘ดวงดาว’ ที่มีความโยงใยกับความหมายของชื่อโรงแรม พวงกุญแจวิลล่าใช้โลหะเงินมาทำเป็นพวกกุญแจรูปโลโก้ดวงดาว

หลังจากที่ได้ชมบรรยากาศทางล็อบบี้ของโรงแรมกันแล้วถึงเวลาไปชมพื้นที่ด้านใน (โซนด้านในของดาราเทวีอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะผู้พักอาศัยเท่านั้น ผู้เยี่ยมชมทั่วไปไม่สามารถเข้าชมภายในได้) แต่บางช่วงโรงแรมก็จัดอีเวนท์ ‘เมียงเมืองดารา’ เพื่อพาแขกนั่งรถบักกี้ชมความงดงามของอาณาจักรดาราเทวี สามารถสอบถามกิจกรรมนี้ได้จากโรงแรมโดยตรง
ห้องพักแบ่งเป็นแบบวิลล่าและสวีท มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 60 ตารางเมตรไปจนถึง 644 ตารางเมตร พื้นที่แสนกว้างต้องอาศัยรถบักกี้ในการเดินทางไปมาภายในโรงแรม แต่ผู้เข้าพักหลายคนก็เลือกที่จะค่อยๆเดินชมบรรยากาศของโรงแรมไปเรื่อย ๆ เหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของหมู่บ้าน

“วิลล่า” ได้แรงบันดาลใจมาจากการสร้างบ้านเรือนไทยพื้นเมืองล้านนาที่มีหลังคาหน้าจั่วและบ้านไม้สักเคลือบมันทั้งหลัง มีทั้งหลังเดี่ยว และหลังคู่ ดีไซน์ของแต่ละหลัง นำเอาเอกลักษณ์เรือนไม้ยกใต้ถุนสูงของชาวเหนือมาใช้ ตกแต่งหลังคาด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์ป่าต่างๆ ครั้งนี้ SOtraveler.com ได้เข้าพักวิลล่าหมายเลข 8 เป็นวิลล่าแบบสองหลัง

ภายในวิลล่าแต่ละหลังจะมีห้องน้ำแยกสัดส่วนชัดเจน ระเบียงนอกชานบ้านและศาลาสำหรับนั่งพักมองชมผืนนาเขียวขจี
วิลล่าหมายเลข 8 แบ่งเป็นวิลล่า 2 หลัง ความแตกต่างอยู่ที่ วิลล่าหลังใหญ่จะมีห้องครัวส่วนตัว หลังเล็กจะเป็นเตียงคู่ เหมาะกับการมาพักผ่อนแบบครอบครัว

เปียโนเล่นได้จริงตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นของวิลล่าหลังใหญ่
ที่วิลล่าหลังใหญ่ ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบอาหาร

ส่วนชั้นบนเป็นพื้นที่ของห้องนอนที่ถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 ส่วนด้วยกัน คือพื้นที่ส่วนที่พักผ่อน และพื้นที่สำหรับทำธุระส่วนตัว ซึ่งประกอบไปด้วยห้องโคลเซ็ท (Closet) ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ

ไฮไลท์ของวิลล่าหลังที่ 8 นี้คือ การมีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้อง สามารถแช่น้ำอย่างผ่อนคลายอยู่ในอ่างอาบน้ำที่อุ่นๆสบายๆ พร้อมกับเปิดม่านเพื่อชื่นชมท้องฟ้าไปพร้อมๆกันเนี่ย โรแมนติกน่าดู

บรรยากาศภายในโรงแรมสดชื่นดีมาก โดยรวมกว่า 70% เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด แต่ละต้นต้องอาศัยระยะเวลาในการปลูกและดูแลกว่าจะเติบโตมาได้ขนาดนี้

แต่ละโซนของวิลล่า ยังออกแบบและตกแต่งไม่เหมือนกัน เหมือนเดินทัวร์ชมหมู่บ้านล้านนาหลากหลายวัฒนธรรม ไม่แปลกใจทำไมแขกถึงชอบเดินเรื่อยๆ มากกว่าที่จะเรียกรถบักกี้มารับ

เมื่อเดินขึ้นทางเหนือของโรงแรมไปเรื่อยๆ จะพบกับนาข้าว ที่ดาราเทวี มีทั้งนาเหนือและนาใต้ เป็นนาที่ใช้สำหรับปลูกข้าวจริงๆ เพราะที่นี่เค้ามีชาวนาคอยปลูกข้าว ปลูกพืชสมุนไพร ก่อนกลายมาเป็นผลผลิตของโรงแรม เราถึงมองว่าที่นี่เป็นเหมือนเมืองๆหนึ่ง

คิดส์คลับสไตล์ล้านนา เจ๋งมั้ยล่ะ

สำหรับใครที่อยากออกกำลังกายที่นี่ยังมีฟิตเนสไว้บริการแขกผู้เข้าพัก พร้อมกับเทรนเนอร์มืออาชีพที่คอยดูแลและให้คำแนะนำอยู่ด้วย

บรรยากาศช่วงเย็นของที่นี่หลังฝนซา ประกอบกับแสงไฟในแต่ละที่ ให้ภาพสวยงามที่อบอวลไปด้วยมนต์ขลังของอารยธรรมล้านนา น่าประทับใจ

และในตอนเช้าที่เราตื่นมาดูพระอาทิตย์นั้น นับเป็นช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกสงบและสบายใจมาก ที่นี่จะมีพระสงฆ์เดินออกมาบิณฑบาตรที่โรงแรมด้วย แขกที่อยากร่วมตักบาตรในตอนเช้า สามารถแจ้งโรงแรมได้

ช่วงเที่ยงๆ เราสามารถไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำส่วนกลางได้ ตอนที่เราไปนั้นไม่มีคนว่ายอยู่เลย เพราะฟ้าออกครึ้มๆ เหมือนฝนกำลังจะตก เราเลยสามารถใช้บริการสระของที่นี่ได้อย่างสบายใจราวกับเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวในที่พัก

ตอนนั้นพอว่ายไปได้สักพักก็ต้องกลับที่พักซะแล้ว ฝนตกกำลังมา
Wellness Activity
หากพูดถึงพื้นที่ที่เป็นไฮไลท์ของดาราเทวี
เดอะ เทวา สปา (The Dheva Spa) เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรมาเยือน เพราะสถาปัตยกรรมของสปาแห่งนี้ถือว่าสวยงามมากๆ ไม่เหมือนที่ใดๆเลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูภาพด้านล่างสิ เราเจอครั้งแรกยังไม่คิดว่าที่นี่คือสปาเลย

เมื่อเราเดินเข้ามาพนักงานของที่นี่จะต้อนรับเราด้วยน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และผ้าเย็น

นอกจากบริการสปาทรีตเมนท์ต่างๆแล้ว
เดอะ เทวา สปา (The Dheva Spa) ยังมีคอร์สสอนโยคะในบ่อวัตสุ (Watsu Yoga Spa) ซึ่งบ่อ
วัตสุมีไม่กี่ที่ในประเทศไทย ความพิเศษของบ่อวัตสุคือ อุณหภูมิของน้ำในสระจะถูกปรับให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิในร่างกายของเรา ความรู้สึกจะเหมือนกับทารกที่อยู่ในท้องแม่ประมาณนั้น โดยนักบำบัด มิสเตอร์ราฟาเอล Raphael เป็นคนคอยให้คำแนะนำและชี้แนะท่าทางการทำโยคะตลอดทั้งคอร์ส 90 นาที

มีทั้งการกำหนดลมหายใจ การเคลื่อนตัวไปในน้ำช้าๆพร้อมกับขยับส่วนต่างๆของร่างกายตาม มิสเตอร์ราฟาเอล

เมื่ออยู่ในบ่อวัตสุ ร่างกายจะเคลื่อนไหวง่าย สบายตัว แต่ทันทีที่ขึ้นมาจากสระจะรู้สึกเมื่อยตัวและตัวหนักขึ้นทันที เหมือนออกกำลังกายมาอย่างหนัก ทั้งที่ตอนเคลื่อนไหวร่างกายในบ่อวัตสุ รู้สึกสงบและตัวเบาดี
Private Dining
มาถึงมื้อเย็นที่มีฝนตกปรอยๆ เราไม่สามารถออกไปทานข้าวข้างนอกได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาของที่นี่เลย เพราะที่พักของเรานั้นสามารถจัด
ไพรเวท ไดน์นิ่ง (private dining) ได้ โดยการแจ้งไปที่โรงแรมล่วงหน้า แล้วเค้าก็จะจัดโต๊ะกับพื้นที่ให้อย่างรวดเร็ว น่าประทับใจมากๆ

บริเวณรอบๆห้องก็จะถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สด และเทียนหอม ที่ให้บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก

เมนูสตาร์ทเตอร์ (Starter) เป็นเมนู
“Carpaccio of beef with Anchovy-Mousseline sauce and Parmesan tuile” สำหรับเมนูนี้ถ้าใครที่ไม่ทานของดิบให้ผ่านไปเลย เพราะมันคือเนื้อดิบสไลด์บางราดด้วยซอสแองโชวี่ และแต่งหน้าด้วยชีสกรอบ ในความรู้สึกของเรามันคือจานเปิดที่ดีมาก
“Seared Sea Bass fillet with Vegetables Greek style and Coriander Jus” ปลากะพงขาวย่างโรยด้วยโรสแมรี่ทานคู่กับผักสไตล์กรีก และราดด้วยซอสสมุนไพร
“Grilled Tenderloin Beef with Black pepper sauce” เนื้อสันในย่างราดซอสพริกไทยดำทานคู่กับผักย่างและฟักทองบด
“Lobster Bisque flavored with White Port Wine and Star Anis” ซุปล็อบสเตอร์ไวน์ขาวเข้มข้น ที่เคี่ยวล็อบสเตอร์ทั้งตัวทั้งเปลือกนานจนกลายเป็นซุป
“Organic Rosemary Cake with Lemon-extra Virgin Olive Oil Sherbet and Rosemary Caramel” เค้กโรสแมรี่ออร์แกนิค ทานคู่กับไอศครีมเชอร์เบทราดด้วยซอสโรสแมรี่คาราเมล
“Love Chocolate, Dhara Dhevi freshly brewed Coffee and Teas” ช็อคโกแลตสูตรพิเศษของดาราเทวีกับมาการองรสกาแฟ
Breakfast
อาหารเช้าให้บริการที่ ห้องอาหารอะกาลิโก (Akaligo) ชื่อห้องอาหารมีความหมายว่า “ไร้กาลเวลา” ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับล็อบบี้ ที่หน้าห้องอาหารจะมีแม่อุ้ย (คำที่คนล้านนาใช้เรียกผู้ใหญ่ที่มีอายุมากๆ) ท่าทางใจดีมานั่งถักสานให้เราดู และถ้าเราสนใจที่จะทำแม่อุ้ย กวักมือมานั่งใกล้ๆยินดีสอนให้เลยทันที และข้างๆก็จะเป็นนักดนตรีที่จะคอยบรรเลงขิมอย่างไพเราะให้คนในบริเวณนั้นฟัง

กลับมาที่ห้องอาหาร อะกาลิโก (Akaligo)
อาหารเช้ามื้อเดียวก็ทำเอาอิ่มแปล้จนถึงเที่ยงได้ เพราะมีอาหารหลากหลายสเตชั่นมากจริงๆ เริ่มต้นตั้งแต่สเตชั่นสลัด ที่มีทั้งผักสด และสลัดผักที่ปรุงไว้แล้ว

น้ำผึ้งจากรังผึ้งแท้ๆ ไม่ต้องกลัวผึ้งต่อย

สเตชั่นคอร์นเฟลค และซีเรียล (Corn Flake & Cereals) มีให้เลือกหลายแบบมาก

ถ้าใครที่เบื่อบรรยากาศในห้องแอร์ สามารถออกมานั่งทานข้างนอกวิวตอนเช้าสดชื่นมากเลย
สเตชั่นเมนูเส้นที่เราสามารถสั่งให้พ่อครัวปรุงตามที่เราต้องการได้

น้ำผัก และผลไม้สกัดเย็น คั้นสดเครื่องดื่มสำหรับสายรักสุขภาพ

ขากลับเรากลับด้วย
สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส เช่นเดียวกัน ที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่
ห้องรับรองบูทีคเลาจน์ (Boutique Lounge) และ
ห้องรับรองบลูริบบ้อนคลับเลาจน์ (Blue Ribbon Lounge) มีพื้นที่กว้างมากเมื่อเทียบกับเลาจน์ในสนามบินต่างจังหวัดอื่นๆ ทั้งอาหารและการบริการคงมาตรฐานให้ทุกคนได้อิ่มก่อนขึ้นเครื่อง

หากบินไปเชียงใหม่แล้วอยากบินแบบอิ่มท้องล่ะก็
ห้องรับรองบูทีคเลาจน์ (Boutique Lounge) และ
ห้องรับรองบลูริบบ้อนคลับเลาจน์ (Blue Ribbon Lounge)ทั้งขาไปและขากลับ ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน

หนาวนี้ใครมีแผนที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่หรือยังไม่มีที่พัก อย่าลืมมอง
โรงแรม ดาราเทวี เชียงใหม่ (The Dhara Dhevi Chiang Mai) ไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกสถานที่พักผ่อน หรือจะแวะมาทานของอร่อยๆ นวดผ่อนคลายที่เดอะ เทวา สปา ก็เก๋ไม่เบา แล้วเช็คอินจากเชียงใหม่ของคุณครั้งนี้จะพิเศษไม่ซ้ำใคร
[ms_post_fields groups=”info”]
32,192 views