“Terrazza..Benvenuto!” เสียงดังทุ้มนุ่ม และใบหน้ายิ้มแย้มจากพนักงานต้อนรับหน้าห้องอาหาร เทอราซซ่าและบาร์รัสติค ซึ่งเป็นร้านอาหารอิตาเลียน ริมสระว่ายน้ำ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส
ใครจะไปรู้ว่าการนั่งทานอาหารค่ำใต้เงาจันทร์ ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง วันออกพรรษา มีวิวสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เปิดไฟใต้น้ำสลับสีน้ำเงิน เขียว ฟ้าวนไปมา มีโดมสีขาวตัดกับสีของสระว่ายน้ำริมสระ และเพลงบรรเลงคลอๆ อารมณ์เหมือนอยู่ที่คฤหาสน์ในคาซ่าลากูนนั้นโรแมนติกไม่น้อย
ความอบอุ่นและเป็นกันเองตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้กลับเข้าไปในร้าน “วันนี้สนใจจะนั่งเป็นด้านนอก หรือด้านในดีครับ” อีกความประทับใจในความใส่ใจของพนักงานที่จดจำการกลับมาเยือนของลูกค้าได้ ครั้งนี้เราเลือกนั่งด้านนอกเพื่อรับลม ชมวิวริมสระว่ายน้ำ
หลังจากนั่งมโนได้สักครู่ ก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความอร่อย จาก เชฟ โรแบร์โต พานาเรียลโล เชฟชาวอิตาเลียนคนเดิม ที่ย้ายจากห้องอาหารอิตาเลียนในซาร์ดิเนียมาอยู่คู่กับโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เพื่อมารังสรรค์เมนูที่มีรสชาติแบบอิตาเลียนดั้งเดิม ให้พวกเราได้ทานกัน
เมนูแรกเรียกน้ำย่อย ที่ได้ถูกยกมาเสิร์ฟ คือ Caprese ,Smoked Burrata, และ Tuna Tartare แต่ละเมนูมีการจัดแต่งออกมาไม่มากไป ไม่น้อยไป กำลังดี ทุกเมนูวัตถุดิบหลักบินตรงมาจากเมืองต้นกำเนิดในประเทศอิตาลี สู่ห้องครัวในบ้านของเทอราซซ่า
Smoked Burrata เมนูที่เชฟโรแบร์โตภาคภูมิใจกับการได้รังสรรค์วัตถุดิบหลักคือ Burrata mozzarella cheese ซึ่งเป็นชีสนำเข้ามาจากเมืองต้นกำเนิด Apulia ความพิเศษคือเป็นชีสที่เลี้ยงในน้ำทำให้ชีสมีความฉ่ำ นำไปย่างให้หอม ผสมกับเห็ด เสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศตากแห้ง ใบร็อคเกต และมะเขือเทศเชอรี่ ราดด้วยซอส Balsamic สูตรเฉพาะของที่นี่
Caprese เมนูนี้มีที่มาจากสีของธงชาติประเทศอิตาลี สีเขียวจากใบโหระพา ขาวจากชีส และแดงจากมะเขือเทศ คำแรกที่ได้ทานมะเขือเทศสดๆลูกโตๆหั่นเป็นแว่น โปะด้วย Burrata mozzarella cheese และใบโหระพาไม่อยากจะบอกเลยว่ามันสดชื่น กลมกล่อม คนที่โปรดปรานมะเขือเทศอย่างเราสามารถทานได้เกลี้ยงเกลาภายใน 3 นาที
Tuna Tartare เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่มีรสชาติจัดจ้านขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยการนำปลาทูน่าดิบสดๆ และมะเขือเทศหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ คลุกเคล้ากันกับน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู เกลือ พริกไทย ผิวมะนาว หอมแดง พริกหยวก และท็อปปิ้งด้านบนด้วยมะกอกบด ตักทุกอย่างเข้าปาก จะรับรสเปรี้ยวๆ จากมะเขือเทศ รสชาติหวานธรรมชาติจากเนื้อปลาทูน่าสดๆ ทานแล้วหลับตาเหมือนได้ยินเสียงคลื่นทะเลซัดสาดขึ้นมาเลย เมนูนี้เสิร์ฟเย็นทำให้ทานไปแล้วรู้สึกเฟรชเอามาก ๆ
มาถึงเซตอาหารจานหลักกันบ้าง เราเริ่มจาก Risotto (Funghi Porcini, Pecorino Cheese & Summer Black Truffle) รีซ็อตโต้ที่เสิร์ฟมาบนถ้วยที่ทำด้วยชีสพาร์เมซานกรุบกรอบ ข้าวนุ่มฉ่ำไปด้วยชีสหอมละมุน คลุกมากับเห็ดพอร์ชินีรสนุ่มนวล และเพิ่มความฟินขึ้นไปอีกขั้นด้วยชีสเห็ดทรัฟเฟิล อร่อยลงตัว
เมนูขึ้นชื่อจานที่สอง Quattro Stagioni พิซซ่า 4 ฤดู ซึ่งถูกใจเราที่สุด อบจากเตามาร้อนๆ ตัวแป้งที่หอมมากและบางกรอบทำให้เราไม่รู้สึกผิดกับการนับจำนวนแคลอรี่มากนัก ตามมากับการร้องว้าว!! กับตัวแทนของหน้าพิซซ่า 4 ฤดู อาติโช๊ค เป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ, มะเขือเทศ ตัวแทนของฤดูร้อน , เห็ดแชมปิญอง แทนฤดูใบไม้ร่วง, สุดท้าย แฮมและมะกอกดำแทนฤดูหนาว แต่ละหน้าให้รสชาติที่เด่นเป็นเอกลักษณ์รับรู้ถึงความรู้สึกของฤดูที่แตกต่างแต่ลงตัว
ปิดท้ายจานหลักด้วย Duck & Balsamic Glaze สปาเก็ตตี้อกเป็ด จานนี้เนื้อเป็ดนุ่มเด้งดีมาก โดยเชฟ นำเข้าเป็ดจากประเทศนิวซีแลนด์ นำมาหมักด้วยสูตรเฉพาะมีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ราดด้วยซอส balsamic ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ที่ผัดกับบลูชีส กระเทียมหอมๆ และใบโหระพา ตักทานกับเนื้อเป็ดชิ้นหนา มันเป็นอะไรที่อร่อยมากๆ ถึงมากๆ อยากให้ทุกคนได้มาลอง
มาถึงเมนูส่งเข้านอนกับของหวานที่ โรแบร์โต ได้เชื้อเชิญว่าต้องชิมคือ Cannolo Siciliano อีกหนึ่งในขนมประจำชาติอิตาเลียนต้นกำเนิดจากเกาะ Sicily ขนมหน้าตาเหมือนโรตีกรอบสอดไส้ครีมและสตรอเบอรี่สด ตัวแป้งกรอบใส่ช็อคโกแลตจากเบลเยียม โรยไอซ์ซิ่งเบาบาง รสชาติไม่หวานมาก เพราะตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของสตรอเบอรี่
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ที่เราอยากลองเมนูที่เชฟแนะนำคือ Grandmother Giovanna’s Apple Cake ขนมหน้าตาบ้านๆ ที่รสชาติไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เชฟเล่าว่าได้สูตรมาจากคุณยาย เป็นแอปเปิ้ลเค้ก ที่มีเนื้อแอปเปิ้ลสอดแทรกไปกับทุกอณูของเนื้อเค้ก ทานคู่กับไอศกรีมวานิลา (Vanilla gelato) ที่ต้อง import เข้ามาจากประเทศบ้านเกิดเท่านั้น เค้กร้อนๆ ทานคู่กับไอศกรีมเย็นๆ ให้ความสมดุลเหมือนหยินหยาง ที่เชฟบอกว่าทานแล้วนอนฝันหวานอย่างแน่นอน
ท้ายสุดที่เราต้องขอพูดถึงการบริการอันอบอุ่นของเทอราซซ่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนการได้กลับมาทานข้าวที่บ้าน ด้วยการต้อนรับของพนักงานที่ทั้งเป็นกันเองและให้ความรู้เรื่องเมนูอาหารได้ดี คอยมาถามไถ่ว่ารสชาติเป็นอย่างไร บรรยากาศโอเคมั้ย? และให้ความรู้เพิ่มเติมว่าที่ห้องอาหารยังคงความเรียบง่ายจากการใช้โต๊ะ เก้าอี้ไม้ธรรมดา ปูทับด้วยผ้ากันเปื้อนที่มีสีของธงชาติอิตาลี เพื่อคงความคลาสสิคและดั้งเดิม ทำให้แขกที่มาทานรู้สึกเป็นกันเองเหมือนได้กลับมานั่งทานข้าวที่บ้านนั่นเอง
ใครที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียน ลองแวะมาที่ห้องอาหาร Terrazza ที่คัดวัตถุดิบส่งตรงมาจากประเทศต้นกำเนิด และเป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมากมายและได้รับการรับรองจาก Ospitalita Italiana ที่การันตีว่าห้องอาหารแห่งนี้ได้มาตรฐานระดับสากล
การเดินทางมาห้องอาหารแห่งนี้ง่ายนิดเดียว ไม่ต้องฝ่ารถติด โดยการใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ทางออก 4 เดินเข้ามาตามป้ายศูนย์การค้า MBK จะมีทางเชื่อมเข้าทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ไปยังโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส แล้วแจ้งพนักงานต้อนรับว่ามา Terrazza ค่ะ
2,012 views
บรรยากาศดีมากๆค่ะ อ่านมาจนจะจบ สะดุดตรงเมนู Duck & Balsamic Glaze เพิ่งเคยเห็นว่าเอาเป็ดมาทำสปาเก็ตตี้ด้วย อยากลองทานค่ะ
เหมาะแก่การไปดินเนอร์ช่วงปีใหม่จริงๆครับ
บรรยากาศดูสงบ อาหารดูเรียบง่ายแต่รสชาติดี น่าไปลองมากๆค่ะ
อาหารอิตาเลียนที่น่าลิ้มลอง
ทำให้คิดถึงบรรยากาศแบบดั้งเดิม
ของอิตาลี ทุกเมนูจัดมาอย่างสวยงาม
????
อาหารน่าทานมาก บรรยากาศก็ดีสุดๆ
อยากจัดทุกเมนูเลยล่ะครับแต่ละเมนูหากินไม่ง่ายเลย เชฟเก่งน่าดู บรรยากาศก็ดีเดินทางสะดวก
บรรยากาศดี อาหารน่าทาน โดยรวมน่าไปมากๆๆ
น้องจัดจ้านในย่านของกิน!! ??
ขอรางวัลนี้ให้น้องไปได้เปิดประสบการณ์ชีวิตนะเจ้าคะ?
อยากไปทานอาหารอิตาเลี่ยน ในบรรยากาศดีๆ ริมสระว่ายน้ำ สวยๆ ไม่ว่าจะปาร์ตี้กับแก๊งค์เพื่อนสาว หรือไปนั่งสบตากับคนรู้ใจ ก็ดีหมดทุกฟีลเลยค่ะ
อาหารน่าทานมากๆ ครับ และบรรยากาศก็ดีมาก เหมาะกับการมาผ่อนคลายหลังเลิกงานมากเลย
บรรยากาศตอนกลางคืนดูโรแมนติกดี ส่วนตัวไม่เคยรับประทานอาหารที่ร้านอิตาเลียนแบบจริงจัง แต่เชื่อว่าด้วยคุณภาพวัตถุ ฝีมือเชฟ และโรงแรมระดับอยู่ใจกลางกรุงเทพแบบนี้ รสชาติคงไม่ทำให้ผิดหวังเป็นที่น่าประทับใจ