สำหรับใครที่ติดตาม SOtraveler มาอย่างต่อเนื่องคงจะเห็นเราโพสภาพเกี่ยวกับ The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok มาเป็นระยะ และนี่คือ “Luxury Collection” ล่าสุดในประเทศไทยโดยการรีแบรนด์มาจาก Plaza Athénée Bangkok, a Royal Méridien Hotel รีวิวนี้เราขอนำเรื่องราวที่เราได้ไปเข้าพัก The Athenee Hotel หลังจากที่มีการรีแบรนด์ย้ายมาสังกัดแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่นให้ทุกคนได้ติดตามกัน โดยส่วนตัวค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเราจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นเลิศ เหมือนๆกับที่เราเคยได้รับจากโรงแรมกลุ่มลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น ที่อื่นๆ
เช็คราคาและจอง The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok ได้ทันทีที่นี่
หมายเหตุ: The Luxury Collection ในประเทศไทย @2017 มีทั้งหมด 4 ที่คือ
- Sheraton Grande Sukhumvit, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
- The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket
- Vana Belle, a Luxury Collection Resort, Koh Samui
- The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
เราเข้าพักที่ The Athenee Hotel ด้วยแพ็กเกจ “Transformative Journey” ซึ่งเป็นโปรโมชั่นเฉพาะช่วงเปิดตัวจึงจะได้รับสิทธิ์พิเศษในการเข้าพักหลายรายการ ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับใครที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศและใช้บริการโรงแรมใหม่ๆ เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอบรรยากาศของการเข้าพักที่ The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok ให้ทุกท่านได้ติดตามแล้วครับ
ครั้งนี้ เรามีนายแบบหนุ่ม “ดัช-ณัฐกิจ แตงไทย” หนุ่มโครงหน้าคม อารมณ์ดี มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ครั้งนี้ไปกับเรา หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและเพลิดเพลินไปกับผลงานรีวิวของเราในครั้งนี้
The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
Limousine
ครั้งนี้ทางโรงแรมได้จัดรถบีเอ็ม ดับเบิ้ลยู ซีรี่ส์ 7 มารับเราถึงที่บ้าน แต่ถ้าตามแพ็กเกจจะเป็นบีเอ็ม ดับเบิ้ลยู ซีรี่ส์ 5 รับส่งสนามบิน ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถผมได้คุยกับคนขับลีมูซีน ถึงความแตกต่างในมุมของการบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับขนาดและรุ่นของรถว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ คนขับแจ้งว่าไม่ต่างกัน
บนรถมีบริการน้ำดื่ม ซึ่งเป็นน้ำแร่ Acqua Panna และ S.Pellegrino แบรนด์จากมิลาน ประเทศอิตาลี
ผมเห็นป้าย Wifi อยู่ด้านหน้าเบาะจึงสอบถาม คนขับจึงเปิดสัญญาณ Wifi ให้ใช้ สัญญาณถือว่าแรงใช้งาน social ได้ไหลลื่น
ความบันเทิงอื่นๆ เราไม่ได้เล่นสักเท่าไหร่ ระยะเวลาจากที่พักผมถึงโรงแรมประมาณ 20 นาที ขึ้นทางด่วน คนขับสุภาพมาก พูดน้อย ถ้าเทียบจากประสบการณ์การใช้บริการ Limousine ที่เป็นรถรุ่น BMW Series 5 ขึ้นไป แบบที่เราประทับใจคือ
- เมื่อขึ้นมาบนรถ พนักงานกล่าวทักทาย แจ้งระยะเวลาการเดินทางไปยังจุดหมาย
- บนรถเสิร์ฟน้ำแร่ก็จริง แต่ถ้าเสิร์ฟแบบแช่เย็นและมีผ้าเช็ดมือกลิ่นหอมๆ ให้ด้วยจะดีมาก บางที่มีขนมทานเล่นเสิร์ฟให้ด้วย ซึ่งเราเคยเจอตอนไปภูเก็ต
- พนักงานควรแนะนำ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่อยู่บนรถ การเลือกเพลง สอบถามความต้องการในการใช้สัญญาณ Wifi ตั้งแต่แรกเริ่ม
เมื่อเดินทางมาถึงยังโรงแรม มีพนักงานมาต้อนรับและพาเราไปเช็คอินแบบส่วนตัวที่ The Royal Club Lounge ในแพ็คเกจได้นำเสนอการบริการนี้เช่นกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋าและสัมภาระ มีพนักงานคอยจัดการให้เสร็จสรรพ เดินตามพนักงานขึ้นลิฟท์ตรงไป The Royal Club Lounge ได้เลย
ขั้นตอนการ Check In
ความประทับใจตั้งแต่แรกเริ่มกับความเป็นไทย เมื่อก้าวเข้าสู่ The Royal Club Lounge ทางโรงแรมได้มอบ “พวงมาลัยดอกไม้สด” พวงใหญ่เป็นการต้อนรับ อย่างที่เราได้เล่าในเรื่องราวของพื้นที่แห่งนี้ที่เป็นที่ตั้งของ “วังคันธวาส” เดิม สามารถตามไปอ่านกันหลังจากอ่านรีวิวนี้จบนะครับ <เรื่องราวของ The Athenee Hotel> วังนี้เคยเป็นตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ จากที่เราได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมก็ทราบว่า เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ทรงสนพระทัยในด้านการออกแบบ แฟชั่น และงานเย็นปักถักร้อยต่าง ๆ การได้รับ “พวงมาลัยดอกไม้สด” จึงทำให้เรารู้สึกถึงการให้เกียรติด้วยงานประณีตอันยิ่งใหญ่
Welcome Drink สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเครื่องดื่มชนิดไหน มีพนักงานเข้ามาสอบถาม บริการเหมือนเป็นการใช้บริการเลาจน์เลย ดังนั้นก็จะเลือกเครื่องดื่มได้เยอะหน่อย
THE ROYAL CLUB LOUNGE ให้บริการตั้งแต่เวลา 06:00 ถึง 22:00
ห้องพักคืนนี้ The Royal Club Suite
คืนนี้ทางโรงแรมได้จัดให้ผมได้พักที่ห้อง Royal Club Suite ขนาดห้อง 100 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่ห้องนั่งเล่น มุมโต๊ะทำงาน ห้องนอน ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ เข้าห้องพักมาก็พบกับ การ์ดต้อนรับ วาดลวดลายเส้นวังคันธวาส เดิม ผลไม้ต้อนรับ เครื่องดื่มและช็อคโกแล็ตรูปเกมหมากฮอส อันเป็นกิจกรรมที่เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ทรงโปรด นั่นเป็นที่มาของการใช้ เกมหมากฮอส เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของการนำเสนอ The Athenee Hotel ห้องพักที่มีคำว่า Royal Club จะมีความพิเศษในส่วนของกระจกหน้าต่างที่จะยาวตั้งแต่พื้นจนสุดเพดาน นี่คือเตียงนอนในห้องที่เราพัก
Complimentary The Royal Club Benefits
- ทานอาหารเช้าแบบ Selection ได้ที่ The Royal Club Lounge เวลา 06:00 AM ถึง 10:30 AM
- ทานอาหารเช้าแบบ Full International buffet breakfast ได้ที่ The Rain Tree Café เวลา 06:00 AM ถึง 10:30 AM
- บริการซักผ้าแบบต่อวันจำนวนสองชิ้น
- Evening Cocktails เวลา 06:00 PM ถึง 08:00 PM
- เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และ non-alcoholic beverages เวลา 06:00 AM ถึง 10:00 PM
- Afternoon Tea เวลา 03:00 PM ถึง 05:00 PM
- ใช้บริการห้องประชุม สองชั่วโมงต่อห้องพักต่อวัน
- Unlimited city calls (except mobile phone)
- Premium High Speed Internet access & WiFi
ห้องพักระดับอื่นๆ Room and Suite
ห้องพัก The Athenee Hotel เริ่มต้นที่ระดับ Athenee Room, Royal Club Room, Athenee Prestige, Royal Club Prestige, Athenee Suite, Royal Club Suite, Royal Pimai Theme Suite, Ruen Thai Theme Suite, Vimarn Siam Theme Suite และ Ranakosin Theme Suite
ห้องพักและห้องสวีทของ The Athenee Hotel ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์คลาสสิก ใช้ลวดลายผ้าไทยอันปราณีต และให้บริการเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่กาแฟคุณภาพสูงจาก Illy ในห้องพักทุกระดับ การตกแต่งห้องพักทุกขนาด จะใช้อยู่สองสีหลักๆ นั้นคือสีน้ำเงิน และสีแดง ซึ่ง mood & tone ก็จะแตกต่างกันออกไปแม้ขนาดและองค์ประกอบห้องจะเหมือนกันก็ตาม เพราะทั้งห้องจะใช้สีนั้นเป็นสีหลักทั้งพรมบนพื้น ผ้าบุบนผนังห้อง รวมไปสีเบาะของเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องพัก
Ranakosin Theme Suite
เป็นห้องพักระดับสูงสุดของ The Athenee Hotel ขนาด 350 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องนอนแบบ King Bed และมีห้องนอนสำหรับ 2 Single Beds ด้วย ประดับตกแต่งห้องด้วยลวดลายและรายละเอียดอันสง่างาม สะท้อนความเป็นไทยออกมาได้อย่างขนลุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ผ้าไหมไทยมาตกแต่ง
Pool & Garden
สระว่ายน้ำให้บริการ 06:00 – 22:00 สระที่มีสงบร่มรื่นดีแบบพักผ่อนเงียบๆกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ตกแต่งสีเขียวอยู่รอบๆ ก็ผ่อนคลายดีไปอีกแบบ
ติดกับสระว่ายน้ำมีสวนสีเขียวร่มรื่นให้สุดอากาศและยังมีเลนให้วิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าได้อีกสำหรับใครที่ไม่อยากวิ่งบนลู่แต่อยากออกกำลังกายกับสวนสีเขียวๆในเมือง ยามเช้า
Fitness
มีอุปกรณ์ที่ครบครัน มีทั้ง steam rooms, saunas และ Jacuzzis
บรรยากาศอื่นๆ ของ The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok ก็จะเป็นห้องอาหารต่าง ๆ
หลังจากที่เราได้เดินชมบรรยากาศของโรงแรมชั่วครู่ ก็ได้เวลาที่เราจะไปใช้บริการสปา กับ ATHÉNÉE SPA ซึ่งผมได้รีวิวให้ทุกท่านได้ติดตามกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ใครที่อยากอ่านอีกรอบไว้ตามกันอ่านกันนะ หลังจากอ่านรีวิวนี้จบ
ATHÉNÉE SPA รีวิวสปาทรีตเมนต์บำบัดร่างกายผู้ชายกรุ๊บ B
The Reflexions
วันนี้ทางโรงแรมได้จัดให้เรานั่งทานมื้อค่ำที่ห้องอาหาร The Reflexions เป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ให้บริการแบบ Fine Dining
โดยการนำเสนอในค่ำคืนนี้จะเป็น Pre Cocktail และ 6-Course Dinner paired with wines โดยเชฟร็อกแซน แรงจ์ (Roxanne Lange) ภาพรวมของแต่ละเมนูที่เราได้ชิมในคืนนี้ รสชาติค่อนข้างเน้นไปทางเปรี้ยว คือทานแล้วสดชื่น ไม่แน่ใจว่าเป็นสไตล์ของเชฟรึปล่าวแต่ทุกจานจะมีความเปรี้ยวแซมมานิดๆ ในแต่ละเมนู ซึ่งไม่ได้เป็นรสชาติที่เปรี้ยวในแบบเดียวกัน เป็นความเปรี้ยวของวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบ ก็เซอร์ไพรส์ดีนะ
Breakfast at The Rain Tree Cafe
อาหารเช้ามีความหลากหลายดี โดยเฉพาะในส่วนของไลน์อาหารเฮลตี้พวกผลไม้สดที่นี่จัดไว้เยอะมากเป็นพิเศษ
Breakfast at The Royal Club Lounge
บรรยากาศดีพนักงานให้การบริการที่เยี่ยมยอด ผมไม่ค่อยหิวมากในเช้านี้ จึงเลือกมาปักหลักทานที่นี่แทน
เดอะ กลาส บาร์ | The Glaz Bar
เป็นเวลาของการนั่งจิบซิกเนเจอร์ค็อกเทล 2 เมนู “The Last Cocktail” และ “Athenee Hugo” ลำพังเราจิบเพียงเล็กน้อยพอรับรู้รสชาติและกลิ่น เนื่องจากทำเสิร์ฟแบบ Testing จากที่ได้ดูการโชว์และอธิบายส่วนประกอบของดริงค์จาก Mixologis ก็มีรายละเอียดเยอะดี ค่อยหาโอกาสมาลิ้มลองรสชาติที่น่าสนใจในคราวหน้า
เช็คราคาและจอง The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok ได้ทันทีที่นี่
ความคิดเห็นของ SOtraveler.COM
1. ห้องพัก – ตกแต่งได้หรูหรา งดงาม สิ่งอำนวยความสะดวกให้ 10 เต็ม 10 ได้อย่างไม่ลังเลใจ ผมชอบในการคุม mood & tone ของห้องทั้งหมด ในเรื่องของห้องพักดีเยี่ยมมากจริงๆ
2. อาหารและเครื่องดื่ม – ผมได้ลองชิมอาหารมื้อค่ำที่ The Reflexions เครื่องดื่ม Cocktail ที่ The Reflexions และ The Glaz Bar ภาพรวมของเครื่องดื่มน่าจะอยู่ในจังหวะของการดีไซน์อยู่ ผมเชื่อว่าด้วยดีกรีของมิกโซโลจิสต์ของที่นี่จะดีไซต์เครื่องดื่มออกมาได้ว้าวมากยิ่งขึ้นกว่านี้
อาหารมื้อค่ำโดยเชฟร็อกแซน แรงจ์ ก็มีเอกลักษณ์ดี พรีเซนเทชั่นของเมนูทำออกมาสวย รสชาติค่อนข้างจัดและชัดเจนกว่าอาหารฝรั่งเศษที่เราเคยชิมตามปกติ โดยรวมก็เซอร์ไพรส์ดี
ส่วนอาหารเช้า (Breakfast) ที่ The Rain Tree Cafe มีให้เลือกหลากหลายและไลน์อาหารใหญ่ดี น่าประทับใจ โดยส่วนตัวค่อนข้างประทับใจในไลน์อาหารเช้าของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ Starwood อยู่แล้วแต่ละที่ทำออกมาได้ดีในมาตรฐานที่สูงกว่าโรงแรมในระดับเดียวกัน ในส่วนของอาหารเช้าที่ The Royal Club Lounge เป็นส่วนตัวดีมาก พนักงานคอยดูแล โดยไม่ต้องเรียกอะไรเลย จะมีพนักงานคอยสังเกตว่าเราต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เดินมาถามโดยเราไม่ต้องลุกไปเลือกหยิบเอง
3. ราคา –
ราคาระดับกลางค่อนไปทางสูง (Upper-Mid-Range)
หมายเหตุ
การพูดถึงเรื่องราคา เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนนะว่าราคาห้องพัก มีปัจจัยเรื่องวันธรรมดา วันหยุด ช่วงเทศกาล ฤดูท่องเที่ยว เข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถปรับเปลี่ยนขึ้นลงได้ ดังนั้นราคาจะไม่สามารถนำไปอ้างอิงในช่วงระยะเวลาที่เปลี่ยนไปได้ หลายท่านจึงเลี่ยงที่จะพูดราคา เนื่องจากไม่สามารถกำหนดและนำไปอ้างอิงได้ตายตัว เพื่อให้เข้าใจในการจัดกลุ่มราคาของเรา
เราจะดูที่ราคาต่อคืน “ห้องพักระดับเริ่มต้นแบบรวมอาหารเช้าคืนวันเสาร์” ในช่วงที่เราพักเป็นหลัก โดยเรามีช่วงของระดับราคาดังนี้คือ
- 10,001 ขึ้นไป : ราคาระดับสูงมาก (High-Range)
- 8,001 < 10,000 บาทต่อคืน : ราคาสูง (High-Range)
- 5,001 < 8,000 บาทต่อคืน : ราคาระดับกลางค่อนไปทางสูง (Upper-Mid-Range)
- 3,001 < 5,000 บาทต่อคืน : ราคาระดับกลาง (Mid-Range)
- ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคืน : ราคาระดับต่ำ (Low-Range)
4. บริการ – การบริการตั้งแต่ขั้นตอนการเช็คอิน การใช้บริการที่เลาจน์ ห้องอาหาร สปา สร้างความประทับใจดี เอาใจใส่ในรายละเอียดและให้คำแนะนำดี
5. บรรยากาศ – บรรยากาศสงบ ร่มรื่น ภายในห้องก็สะดวกสบายหรูหรามาก
6. ผู้ที่เหมาะไปใช้บริการ – เหมาะทั้งการเดินทางมาพักผ่อนหรือทำงาน ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก บรรยากาศและทำเล ตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งหมด