บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินผู้คนเริ่มบทสนทนาโทรถามสมาชิกภายในครอบครัวและคนรักของเค้าว่า “เย็นนี้ทานอะไรกันดี” และหลายๆ ครั้งก็จะจบลงด้วยร้านอาหารในคอมมูนิตี้มอลล์สักที่ ห้างสรรพสินค้าสักแห่ง ซึ่งแน่นอนว่าหากเค้าเหล่านั้นได้รู้จักเรา เค้าจะมีตัวเลือกร้านอาหารคุณภาพดีที่เยอะขึ้นมากๆ ด้วยราคาที่แตกต่างจากมื้ออาหารในห้างหรูที่เคยไปทานกันเป็นประจำไม่มากนัก วันนี้ SOtraveler.com ขอแนะนำอีกหนึ่งร้านเอาไว้มาลองสัมผัสประสบการณ์กันดู เราเรียกว่าประสบการณ์เพราะ ‘ The Journer Set Dinner ‘ ที่ ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) หนึ่งในห้องอาหารมิชลินสตาร์ กรุงเทพฯ ประจำปี 2018 ส่งมอบมื้ออาหารค่ำด้วยรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร แล้วคุณจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับอาหารมื้อนี้แน่นอน
ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) เป็นร้านอาหารไทยโมเดิร์นระดับ 1 ดาวมิชลิน อยู่ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเชฟเฮนริค อูล-แอนเดอร์เซน ผู้ก่อตั้งร้านอาหารไทย กิน กิน (Kiin Kiin) ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยยังร่วมมือกับหัวหน้าพ่อครัวแห่งห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน เชฟชยวีร์ สุจริตจันทร์ คิดค้นเมนูสร้างสรรค์ออกมาให้เราได้ลิ้มรสความอร่อยที่น่าตื่นตาตื่นใจกัน โดยเฉพาะ ‘ The Journer Set Dinner ‘ ที่เราจะมาเล่าประสบการณ์มื้ออาหารนี้ให้ทุกคนได้ติดตามและมาตามรอยมื้ออาหารอร่อยๆ มื้อนี้กัน
ชวนทุกคนมาตั้งแต่หน้าห้องอาหาร เราแนะนำให้โทรสำรองที่นั่งกันก่อนเพื่อความเรียบร้อยในการต้อนรับ มื้อค่ำเริ่มต้นที่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน โดยต้องสั่งเซตเมนูก่อน 3 ทุ่ม เมื่อมาถึงพนักงานต้อนรับก็จะพาทุกคนมานั่งเก้าอี้โซฟาภายในห้องอาหารสระบัว เรารู้สึกเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในเลาจน์ที่แอร์พอร์ตเพื่อเตรียมตัวเดินทางยังงัยยังงั้น อาจจะเพราะชื่อเซ็ตเมนูที่ชื่อว่า ‘ The Journey ‘ ทำให้เรารู้สึกอินในความรู้สึกนี้เป็นพิเศษ
– กรุบกรอบ –
Snack and Street Food
คือเมนูเริ่มต้นต้อนรับทุกคน ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่บริเวณโซฟาภายในห้องอาหารสระบัวนี่แหล่ะ พนักงานจะทะยอยเสิร์ฟเมนูกรุบกรอบสไตล์ street-food คำเล็กๆ ที่นำเสนอภายใต้แรงบรรดาลใจจากการเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมทางอาหารจากทั่วโลกของเชฟเฮนริค นำมาผสมผสานกับเข้าวัตถุดิบไทย รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว เส้นทางการเสิร์ฟเมนูอาหารกรุบกรอบไม่ได้เสิร์ฟพอเป็นพิธี เซ็ตนี้ทะยอยจัดเสิร์ฟหลายอย่างจนคุณจะรู้สึกลุ้นและตื่นเต้นกับเมนูอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการโหมโรงเรียกน้ำย่อยที่สร้างสรรค์และเพลินมาก
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์พร้อมรับประทานในถุงพลาสติกใส
- หนังไก่กรอบกับซอสสะเต๊ะโฟรเซ่น
- ขนมกรอบไข่ขาวซอสถั่วเหลืองพร้อมมายองเนสวาซาบิ
- แคบหมูเสิร์ฟพร้อมยำมะเขือย่าง
หลังจากที่ได้ทานเมนูกรุบกรอบบริเวณโซฟาเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็จะพาเราไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่เตรียมไว้สำหรับเรา และทำให้เรารู้ว่าเมนูอาหารที่เสิร์ฟให้ทานกันช่วงเริ่มต้นยังไม่หมดบนแค่นั้น เมื่อเราพบว่าบนโต๊ะมีแก้วใส่ดอกบัววางอยู่ จากเดิมเราคิดว่าเป็นเพียงของประดับโต๊ะอาหาร แต่เมื่อมองแล้วจะพบว่ามีเมนูบางอย่างอยู่ในดอกบัวด้วย กระทั่งเราได้นั่งและพนักงานช่วยแกะผ้าวางไว้เรียบร้อย จึงได้แนะนำให้เราได้ทาน อามูสบุช (Amuse bouche) ที่เสิร์ฟเป็น ‘ทาร์ทาร์เนื้อปูเสิร์ฟในดอกบัว’ น่าตื่นเต้นไหมล่ะ
จากนั้นก็เริ่มต้นเข้าสู่ คอร์สที่ 1 กันกับเมนู
– ต้มยำซุป เสริฟ์พร้อมเส้นเต้าหู้ ข้าวเกรียบกุ้ง ขนมปังหน้ำกุ้ง และหอยนางรม –
Tom Yum Prawn, Noodles, Prawn Cracker, Prawn Cake and Oyster
ต้มยำซุป เสิร์ฟพร้อมเส้นเต้าหู้ ข้าวเกรียบกุ้ง ขนมปังหน้ำกุ้งและหอยนางรม โดยพนักงานจะเทน้ำซุปจากกาลงไปในชาม จากนั้นให้เราใช้หลอดฉีดยาฉีดแป้งเต้าหู้ลงไปในน้ำซุปให้กลายเป็นเส้นๆ เหมือนเส้นบะหมี่ จุดนี้ก็มีความท้าทายกันเล็กน้อยตรงที่บะหมี่ของใครจะยาวเป็นเส้นสวย และของใครจะกลายเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหักกระท่อนกระแท่น
วิธีทานเมนูนี้ให้ซดน้ำซุปพร้อมเต้าหู้ก่อน จากนั้นก็หยิบข้าวเกรียบกุ้ง ขนมปังหน้ำกุ้ง และหอยนางรมทานสลับกันไปตามความชอบ รสชาติคล้ายไปทางลักซาของประเทศสิงคโปร์ เปรี้ยวหวานกลมกล่อม กระตุ้นต่อมรับรสได้ดี
ตามมาด้วยคอร์สที่ 2
– ยำสายไหม –
Cotton Candy Salad with Red Snapper and Cucumber
ยำสายไหม เป็นเมนูที่เราชื่นชอบมากและไม่เคยทานสลัดแตงกวาปลากะพงแดงสไตล์นี้มาก่อน เมนูนี้เสิร์ฟสลัดแตงกวาปลากะพงแดงคลุมด้วยก้อนสายไหมกับผักชี พนักงานจะตำน้ำยำโชว์กันสดๆด้วยครกหินที่โต๊ะ เสียงป๊อกๆ ๆ ดังขึ้นแต่ละโต๊ะฟังดูน่ารักดี เผ็ดมากเผ็ดน้อยแจ้งพนักงานได้ เมื่อตักน้ำยำราดลงไปบนก้อนสายไหม สายไหมจะละลายผสมเข้ากับน้ำยำ เกิดเป็นรสชาติที่หวานหอมรสชาติดีเซอร์ไพรซ์มาก ตักทานพร้อมกับปลากระพงแดงทอดกรอบอร่อยลงตัวที่สุด
ปรุงน้ำยำกันที่โต๊ะตามรสชาติที่เราชอบ เผ็ดมากเผ็ดน้อยบอกพนักงานได้เลย ลีลาการตำบอกเลยว่าอร่อยแซ่บ ตามแบบฉบับครัวไทย
ตักน้ำยำค่อยๆ ราดแล้วก้อนสายไหมก็จะค่อยๆละลาย
ในระหว่างนี้เราจะได้กลิ่นพริกสดและกลิ่นหอมของสายไหมผสมกัน หอมเตะจมูกจนน้ำลายสอ
ความชุ่มฉ่ำของน้ำยำ ทำให้เราอยากทานพร้อมปลากระพงอีกหลายๆชิ้น ด้วยรสชาติที่อร่อยติดใจมากจริงๆแต่ทั้งนี้ก็เพิ่งจะคอร์สที่ 2 เองจากทั้งหมด 8 คอร์ส ความพิเศษของมื้อนี้ส่วนหนึ่งก็คือการได้ทานเมนูที่อร่อยหลากหลายรสชาติ เป็นการทานเมนูคอร์สที่เพลิดเพลินมากจริงๆ
คอร์สที่ 3
– หน่อไม้ฝรั่งเสิร์ฟพร้อมแกงแดง หรือ ข้าวรีซอตโต้แกงเขียวหวานและกุ้งมังกร –
White Asparagus with Red Curry and Lobster or Green Curry Risotto and Lobster
เมนูนี้มีกิมมิคเล็กน้อยจะสังเกตว่ามีสองเมนูและใช้คำว่า ‘หรือ’ โดยหากเป็นคุณผู้ชายทางห้องอาหารจะเสิร์ฟเมนู ‘ข้าวรีซอตโต้แกงเขียวหวานและกุ้งมังกร’ แต่ถ้าหากเป็นคุณผู้หญิงทางห้องอาหารจะเสิร์ฟเมนู ‘หน่อไม้ฝรั่งเสิร์ฟพร้อมแกงแดง’ แชร์ริ่งกันสนุกๆกันภายในโต๊ะก็ได้นะ
ทั้งเมนู ‘ข้าวรีซอตโต้แกงเขียวหวานและกุ้งมังกร’ และ ‘หน่อไม้ฝรั่งเสิร์ฟพร้อมแกงแดง’ ต่างมีรสชาติที่เข้มข้นไม่แพ้กัน ความอร่อยดีกันไปคนละแบบ น่าติดใจทั้งสองเมนู
คอร์สที่ 4
– เนื้อลูกวัวเปรี้ยวหวาน –
Veal with Lemongrass, Pineapple and Carrot
เนื้อลูกวัวส่วน sweetbread เสิร์ฟพร้อมสัปปะรดดองและซอสเปรี้ยวหวานตะไคร้ เมนูนี้นุ่มลิ้นและเป็นเมนูเบาๆ ตักทานหมดอย่างรวดเร็ว
คอร์สที่ 5
– ตามหาทูน่า –
Tuna Tartar with Sesame and Soy
ทูน่าทาร์ทาร์หรือเมนูปลาทูน่าสดหมักกับเมล็ดงาในซอสถั่วเหลือง สัมผัสได้ถึงรสชาติเปรี้ยวค็มของซอสที่หอมอร่อย เมนูทาร์ทาร์ถ้าไม่สดจริงเราจะไม่ชอบทานแต่ด้วยเมนูนี้ทั้งสดและรสจัด เราตักทานหมดอย่างรวดเร็ว เป็นทาร์ทาร์ที่อร่อยที่สุดที่เราเคยกินมา ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่แช่ในน้ำแข็งเสิร์ฟ ทำให้ทาร์ทาร์มีความสดเย็น รสชาติจัดจ้านทานแล้วสดชื่น
คอร์สที่ 6
– ต้มข่านกกระทำ –
Quail in Aromatic Coconut Milk with Saut?ed Chanterelle and Shimeji Mushrooms
เริ่มเข้าสู่เมนคอร์สกับต้มข่านกกระทาที่มีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมมาก เนื้อสัมผัสนุ่มทานคู่กับซุปต้มข่าแล้วเข้ากันดีที่สุด เมนูนี้ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆให้ทานคู่กัน ทั้งหน้าตาและรสชาติถูกใจเรามากทีเดียว
คอร์สที่ 7
– ชมพู พฤกษชาติ –
Pink Blossom
จบจากเมนคอร์สก็เริ่มเข้าสู่เมนูของหวาน เมนูแรกทำจากดอกไม้และมีส่วนประกอบอื่นๆที่มีดอกไม้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบ เมนูน่ารักน่าชัง กลีบซากุระ กลีบกุหลาบเรียงกันให้ตักทานกันสดๆ ครั้นจะตักทานก็ยังมองแล้วมองอีกน่ารักจนอยากเก็บไว้อย่างนี้ แต่ก็ต้องชิมสินะ พอได้ชิมรู้สึกเซอร์ไพรซ์ยิ่งขึ้นไปอีกกับความหอมของดอกไม้ที่ทานคู่กับไอศกรีมเย็นๆ เกิดเป็นเมนูที่ชื่นใจเป็นอย่างมาก
ตอนยกมาพนักงานจะคว่ำฝาปิดไว้ แต่พอนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะต่อหน้าเรา พนักงานจะเปิดฝาออก ให้ฟิลลิ่งมีขนมหวานซ่อนให้เราตกใจ ดูไปก็คล้ายกับว่าตกแต่งประดับฝาเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่กลับทานได้จริงๆและอร่อยด้วย
เอาช้อนเคาะช็อคโกแล็ตกลมๆเบาๆ ก็จะเห็นไอศกรีมด้านใน ตักทานคู่กันแล้วอร่อยหอมหวานโดนใจ
คอร์สที่ 8
– ไอศกรีมใบเตย เสิร์ฟพร้อมพิตาชิโอซูเฟล์ และลอดช่อง –
Pistachio Souffle, Pandan Ice Cream and Pandan Noodle
ไอศกรีมใบเตยเสริฟ์พรอ้มพิสตาชิโอซูเฟล่ และยังมีลอดช่องใส่ถ้วยเสิร์ฟคู่มาด้วยกัน ตอนยกมาเสิร์ฟจะยกเฉพาะส่วนซูเฟล่จากนั้นเชฟจะตักไอศกรีมใบเตยวางด้านบนให้ ไอศกรีมจะค่อยๆละลายเข้าไปในซุเฟล่ ตักทานคู่กันฟินมากที่สุด
ในส่วนของตัวลอดช่องก็ไม่เหมือนกัน เนื้อเหนียบนุ่มหนับไม่แพ้กันกับลอดช่องเจ้าดังที่คนไทยคุ้นเคย
และยังไม่หมดแค่นี้ The Journey Set ยังมี Petit Fours ขนมขนาดพอคำเสิร์ฟตบท้ายพร้อมชาหรือกาแฟ และนี่คือไฮไลท์ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างฟินนาเล่ ใจนึงเราก็อยากนำเสนอให้ทุกคนได้รู้ แต่อีกใจหนึ่งเราเก็บไว้เป็นไฮไลท์ให้ทุกคนได้ไปตื่นเต้นด้วยตัวเอง เพื่อที่ผู้อ่านจะได้สนุกและลุ้นไปกับเซอร์ไพรซ์ปิดท้ายมื้ออาหารเหมือนที่เราได้รับประสบการณ์นี้มา
และ The Journey Set คือหนึ่งในเมนูเซ็ตคอร์สที่ SOtraveler.COM อยากแนะนำด้วยความลงตัวของรสชาติอาหาร สไตล์การเสิร์ฟและบรรยากาศที่ไม่อึดอัดแบบเป็นทางการสไตล์ไฟน์ไดนิ่งมากเกินไป ได้ความสนุกจากลูกเล่นของการเสิร์ฟที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเราไปด้วยในระหว่างทานแต่ละคอร์ส
เราเชื่อว่าทุกคนจะประทับใจในประสบการณ์ที่ได้มาชิมเซ็ตเมนูอาหารค่ำ The Journey Set ที่ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน โรงแรมสยามเคมปินสกี้แห่งนี้ เหมือนอย่างที่เรารู้สึกอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ยังเปิดโอกาสสำหรับคนที่สะดวกทานมื้อกลางวันมีเวลาไม่มากนักได้สัมผัสประสบการณ์มื้ออาหาร The Journey ด้วยเช่นกันกับเมนู 4 คอร์ส The Mini Journey Set Lunch
ทุกคนสามารถโทรไปสอบถามขอ้มูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่เบอร์โทร 02-162-9000 หรืออีเมล [email protected]
ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin)
โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 991/9 ถนนพระรามที่ 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ
เปิดบริการทุกวัน
- ชุด The Mini Journey Set Lunch: 1,850++ บาท (4 courses) 12.00-15.00 น. (ต้องสั่งเซตเมนูก่อนบ่ายสองโมงครึ่ง)
- ชุด The Journey Set Dinner: THB 3,200++ บาท (8 courses) 18.00- 0.00 น. (ต้องสั่งเซตเมนูก่อนสามทุ่ม)