แฟนซีรีส์ The White Lotus อย่าง SOtraveler จะพลาดได้อย่างไร เมื่อโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซีรีส์ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ ถูกรังสรรค์มาในรูปแบบของชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) ที่ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) นับเป็นประสบการณ์ที่หรูหรากลมกลืนไปกับการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความลึกลับในซีรีส์ ซึ่งสะท้อนความงามของเกาะสมุยในซีซั่น 3 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
The White Lotus เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก HBO โดยเนื้อหาในแต่ละซีซั่นจะพาเราย้อนกลับไปสำรวจความลับในรีสอร์ทหรู ๆ ทั่วโลก อย่างเกาะฮาวาย (Hawaii) ในฤดูกาลแรก และเมืองซิซิลี (Sicily) ของประเทศอิตาลีในฤดูกาลที่สอง จนมาถึงฤดูกาลล่าสุดที่กำลังจะออกอากาศ ซึ่งเราจะได้พบกับเรื่องราวความลึกลับของประเทศไทย ที่ได้มีการถ่ายทำ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เกาะสมุย (Four Seasons Resort Koh Samui) สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ทั่วโลกไม่น้อย โดยเฉพาะการที่ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า แบลคพิ้ง (Blackpink) ร่วมแสดงในบทบาทของ “มุก” พนักงานต้อนรับและนางรำของโรงแรมสุดหรู เพิ่มความน่าสนใจอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของเกาะสมุย โดยมีการค้นหาที่พักบนเกาะเพิ่มขึ้นถึง 40% ตั้งแต่ยังไม่ออกอากาศ
การแปลงโฉมของ The Lounge ใน โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ให้กลายเป็น The White Lotus Bar นั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ด้วยการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ โดยออกแบบพื้นที่ให้เหมือนกับเข้าไปในโลกแห่งความลึกลับและเสน่ห์ของ The White Lotus ท่ามกลางดอกบัวสีขาวที่สวยงามและล่องลอยอยู่ในทะเลลึก การตกแต่งที่ประณีตและหรูหราเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งภาพศิลปะที่เต็มไปด้วยความดราม่าและการเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนถึงความสวยงามและลึกลับในทุกมุมมอง ทำให้ทุกการสัมผัสของ The Lounge กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและไม่เหมือนใคร
เชฟอันเดรีย อัคคอร์ดี (Andrea Accordi) Executive Chef และเชฟอันเดรีย โบนัฟฟินี (Andrea Bonaffini) Executive Pastry Chef ร่วมกันถ่ายทอดเสน่ห์ของเกาะสมุยผ่าน The White Lotus Afternoon Tea ด้วยประสบการณ์ระดับมิชลินสตาร์และความเชี่ยวชาญด้านศิลปะอาหาร เชฟอันเดรีย อัคคอร์ดี เลือกใช้วัตถุดิบไทยแท้ ผสมผสานเทคนิคโมเดิร์นคูซีน ขณะที่ เชฟอันเดรีย โบนัฟฟินี เติมเต็มรสสัมผัสด้วยขนมหวานที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ แต่ละเมนูสะท้อนกลิ่นอายของซีรีส์ผ่านการจัดแต่งและรสชาติที่ลงตัว เสมือนบทบรรยายที่นำเราเข้าสู่โลกของ The White Lotus อย่างแท้จริง เริ่มต้นประสบการณ์ด้วย Thai Crémant และ Jasmine Cold Brew Iced Tea ที่ให้ความสดชื่นและกลิ่นหอมของมะลิ เปรียบเสมือนการก้าวเข้าสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ก่อนจะต่อเนื่องสู่รสชาติอันประณีตจากอาหารและขนมที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน

จุดหมายแรกเริ่มต้นที่ Lotus Garden ที่ให้รสหวานฉ่ำจากล็อบสเตอร์ไทย สอดประสานไปกับกลิ่นหอมของมะกรูดและความละเมียดละไมของคาเวียร์ ราวกับเป็นบทแรกของการเดินทางสู่ดินแดนเมืองร้อนที่สดชื่นและเต็มไปด้วยรสสัมผัสอันหรูหรา ก่อนจะก้าวเข้าสู่ Lotus Delight ที่สะท้อนถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย เนื้อส้มโอฉ่ำ ๆ ผสานกับความหอมมันของกะทิและสัมผัสกรุบกรอบของหอมเจียว เติมเต็มมิติด้วยความเผ็ดร้อนบางเบาของพริก เสมือนสายลมอุ่นที่พัดผ่านเกาะเมืองร้อน

การเดินทางแห่งรสชาติยังคงดำเนินต่อไปด้วยเมนูที่สะท้อนถึงความลึกซึ้งของอาหารไทยในรูปแบบร่วมสมัย Duck Pâté Larb with Crispy Rice & Thai Herbs นำเสนอรสสัมผัสแปลกใหม่ โดยผสานกลิ่นอายของลาบไทยเข้ากับความเนียนละมุนของตับเป็ด ตัดด้วยข้าวกรุบกรอบที่เพิ่มมิติให้กับจานนี้ ต่อด้วย Smoked Eggplant Nam Prik with Tiger Prawn ที่โดดเด่นด้วยรสชาติจัดจ้านของน้ำพริกมะเขือรมควัน โอบล้อมด้วยกุ้งลายเสือเนื้อเด้งที่ช่วยเสริมความกลมกล่อม Lemongrass & Coriander Essence นำเสนอรสชาติที่ชวนให้ดื่มด่ำไปกับความเข้มข้นของต้มข่าในรูปแบบที่แปลกใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเครื่องสมุนไพรไทย และปิดท้ายด้วย Blue Crab Curry with Golden Wafers ที่ให้รสชาติของแกงคั่วปูใบชะพลูอันเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับเวเฟอร์สีทองที่เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ สร้างสมดุลแห่งรสชาติที่ลงตัว


จากรสชาติที่สดชื่นของอาหารคาว การเดินทางนำพาเข้าสู่โลกของขนมหวานที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต โดยแต่ละเมนูล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมไทย Thai Tea Infused Madeleine with Sublime Cream มาในรูปของดอกบัวสีขาว เนื้อเค้กเนียนนุ่ม หวานละมุน พร้อมกลิ่นหอมของชาไทยที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ตามมาด้วย Cashew Nut, Blue Vanilla Mousse, Cacao Nibs Praline, Coffee Milk Chocolate ที่ถูกออกแบบเป็นรูปใบบัว มูสวานิลลาสีฟ้านวลเนียน ผสานกับความกรุบกรอบของถั่วและโกโก้นิบส์ สร้างสัมผัสที่ลึกซึ้งในทุกคำ Corn Tartlet with Whipped Corn Vanilla Ganache and Caramelized Popcorn คือบทสะท้อนของความสนุกสนาน เปรียบเสมือนการลิ้มรสข้าวโพดคั่วขณะชมซีรีส์ วิปครีมข้าวโพดเนียนนุ่มตัดกับป๊อปคอร์นคาราเมลที่เพิ่มมิติแห่งรสชาติ และ Pink Lotus Passion & Mango Cheesecake with Tropical Compote and Rice Coconut Crunch ซึ่งได้รับการออกแบบเป็นดอกบัวสีชมพู เปี่ยมไปด้วยความสดชื่นจากแพชชั่นฟรุต มะม่วง และความกรุบกรอบของข้าวและมะพร้าว มอบสัมผัสที่กลมกล่อมและสมบูรณ์แบบ



ปิดท้ายประสบการณ์น้ำชายามบ่ายด้วยขนมหวานที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัตถุดิบไทย Lotus Blossom ซึ่งถ่ายทอดความงามของดอกบัวที่บานสะพรั่งผ่านรสชาติกลมกล่อมของกล้วยและมะพร้าวรมควัน ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและหอมละมุนในทุกคำ และสำหรับผู้ที่มองหาความสดชื่น Soft Serve คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ไอศกรีมมะพร้าว ใบเตยและมะม่วง เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวด้านล่าง เติมเต็มรสสัมผัสให้มื้อนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับฉากสุดท้ายของซีรีส์ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ

นอกจากนี้ยังมีความพิเศษสำหรับช่วงค่ำที่ The White Lotus Bar พร้อมคอยต้อนรับด้วยเครื่องดื่มค็อกเทล ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อให้สะท้อนถึงแต่ละซีซั่นของซีรีส์ผ่านมาอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Pineapple Suite ให้ความสดชื่นของผลไม้เมืองร้อนราวกับสายลมที่พัดผ่านริมชายหาด The Lotus นำเสนอเสน่ห์โรแมนติกที่นุ่มนวล เปรียบได้กับฉากงดงามของซิซิลี Coconut Paradise ดื่มด่ำไปกับความหอมหวานของมะพร้าวและใบเตยไทยที่ปลุกความรู้สึกของเกาะสมุยให้โลดแล่น และปิดท้ายด้วย The White Lotus Gimlet ที่เป็นการนำค็อกเทลสุดคลาสสิกมาผสานกับดอกบัวและมะพร้าว สร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ความประทับใจที่ได้รับจากประสบการณ์ The White Lotus Afternoon Tea ที่ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะการตกแต่งที่งดงาม การออกแบบที่หรูหราและลึกลับ รวมถึงเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก The White Lotus ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยสามารถสัมผัสประสบการณ์นี้ได้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ถึง 20 เมษายน ในราคาเพียง 2,500++ บาทต่อท่าน และห้ามพลาดกับซีซั่นใหม่ของ The White Lotus ที่จะออกอากาศวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ทาง Max

The Lounge
- Location:โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River)
- Opening Hours: ทุกวัน 14.00 น. ถึง 17.00 น. (สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย)
- Reservations: 02-032-0885
- Facebook: FourSeasonsHotelBangkok
- Instagram: @fsbangkok
- Website: https://www.fourseasons.com/bangkok/