คู่รักที่กำลังมองหามื้อดินเนอร์เพื่อเติมเต็มความหวาน สานความสัมพันธ์ สร้างความทรงจำดีดีให้กับค่ำคืนวันวาเลนไทน์ในปีนี้ โซทราเวลเลอร์มีโอกาสได้มาทดลองสัมผัสประสบการณ์การทานมื้อค่ำที่ห้องอาหารไทย ศาลาทิพย์ (Salathip)โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเซ็ทเมนูที่ทางโรงแรมได้เตรียมไว้รอต้อนรับคู่รักทุกคู่ ที่เลือกมาฉลองคืนวันวาเลนไทน์กับทางโรงแรม บรรยากาศริมแม่น้ำและรสชาติอาหารสุดประทับใจ มากแค่ไหนเรามีบรรยากาศและหน้าตาของเซ็ทอาหารมาให้ทุกคนได้อ่านกันที่นี่แล้ว
มื้ออาหาร : “อาหารค่ำสุดโรแมนติก บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในค่ำคืนวันวาเลนไทน์” (Valentine’s Day Dinner by The River)
ราคา : คนละ 3,200 บาท ต่อคน (ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว) รับสปาร์คกลิ้งไวน์หนึ่งแล้วและกุหลาบแดง
ไฮไลท์เด่น : เซ็ทเมนูอาหารไทยที่จัดเตรียมขึ้นมาพิเศษสำหรับค่ำคืนวันแห่งความรักสุดโรแมนติก มีทั้งเมนูกุ้งแม่น้ำสดใหม่ตัวโตจากอยุธยา หอยเชลล์นำเข้าตัวใหญ่และเมนูอาหารไทยที่จะทำให้คุณอิ่มท้องและอิ่มใจไปกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สุดแสนจะโรแมนติก พร้อมรับชมการแสดง นาฏศิลป์ไทยและรำไทยอันงดงาม
สถานที่ : ห้องอาหารไทย ศาลาทิพย์ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การเดินทาง : โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสะพานตากสิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 02-236-7777, 02-236-9952
ปีนี้โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ได้ยกเอาพื้นที่ของห้องอาหารไทย ศาลาทิพย์ (Salathip) ห้องอาหารที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศเรือนไทยไม้สักทอง เป็นพื้นที่หลักที่จะดึงดูดคู่รักมาฉลองค่ำคืนวันวาเลนไทล์ที่นี่ ด้วยเซ็ทอาหารไทยที่เสิร์ฟทั้งหมด 14 รายการ ทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารจะสร้างความประทับใจให้คุณและคนรัก และจะเป็นค่ำคืนดีดีที่น่าประทับใจอีกค่ำคืนหนึ่งของคุณ
เริ่มต้นเมนูเรียกน้ำย่อยเมนูแรก ด้วยชื่อที่เรียกว่า
Crush on You
เมนู พล่าหอยนางรมฝรั่งเศส (Fin De Clair) ที่สดหวาน ราดมาด้วยน้ำยำแบบพล่าสไตล์ไทย รสชาติจัดจ้านกำลังพอดีไม่จัดมากเกินไป เป็นเมนูที่เริ่มต้นมื้ออาหารที่ดีมากทีเดียว
เมนูที่สองจัดเสิร์ฟมาเป็นเซ็ทให้ทานกรุบกริบ มีชื่อเรียกว่า
Hold My Hand
ในเซ็ทประกอบไปด้วยเมนู “สะเต๊ะลือ” รสเข้มข้นเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่ทานได้ยาก เนื้อสะเต๊ะนุ่มทานแล้วติดใจในรสชาติเสียจริง ต่อด้วยเมนู “สกุลณาชมสวน” เมนูกุ้งตัวใหญ่ทอดกรอบชุบเกล็ดขนมปัง ตกแต่งออกมาเป็นรูปนกน่ารักจนเก็บไว้ทานเป็นเมนูหลังสุด
และยังมีเมนู “เมี่ยงเสน่หา” เป็นเมี่ยงค่ำที่ห่อด้วยใบบัวสีชมพูซึ่งเป็นสีที่สอดคล้องกับวันวาเลนไทล์ อุปมาอุปไมยว่าเป็นการรวมกันจากของหลายสิ่งหลายอย่างออกมาเป็นเมนูที่สร้างความสดชื่นเหมือนความรักของคู่รัก เมนูสุดท้าย “ไก่ห่อใบเตย” เปรียบเสมือนความรักที่รักกันแน่นกลมเกลียว เนื้อไก่นุ่มหอมยั่วยวลมาก
เมนูต่อมาเป็นเมนูยำ เรียกชื่อว่า
Have Faith in Me
เมนู “ยำส้มโอทับทิมสยามกุ้ง” ส้มโอทับทิมสยามที่หาทานได้ยากมีราคาสูง ถึงกับมีการขนานนามว่าอัญมณีกินได้แห่งลุ่มแม่น้ำปากพนัง เนื้อฉ่ำมากส่งตรงมาจากนครชัยศรี ซึ่งจะมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ เมื่อนำมาทานคู่กับน้ำยำรสหวานกลมกล่อมแล้วเข้ากันดี ส้มโอทับทิมสยามยังมีสีชมพูเข้ากับวันวาเลนไทล์อีกด้วย
เมนูต่อมาถ้าเทียบแล้วก็จะเป็นเมนูซุปแต่เป็นซุปสไตล์ไทย เรียกชื่อว่า
Two Beating Hearts
เมนู “ต้มยำทะเล” ที่คัดสรรแต่วัตถุดิบที่สด กุ้งตัวใหญ่เนื้อสดแน่น ปลาหมึกเนื้อเด้ง หอยรสหวาน น้ำซุปต้มยำมีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ลงตัวกำลังดี กลมกล่อมมาก
เมนูต่อมาเป็นเมนูคั่นกลางล้างปากก่อนเข้าสู่เมนูจานหลัก เรียกชื่อว่า
Between Us
ไอศกรีมทับทิมซอร์เบท (Pomegranate Sorbet) หอมหวานละมุนมาก ชวนให้ติดใจจริงกับของหวานล้างปากเมนูนี้ ใครที่ได้มาทานต้องประทับใจแน่นอน ทั้งความหวานที่สอดแทรกรสเปรี้ยวไว้เล็กๆ มีความหอมคลุกเคล้าในแต่ละคำที่ทาน ต้องมาลิ้มลองด้วยตัวเอง
เมนูต่อมาเป็นเมนูจานหลักเมนคอร์สแล้ว เรียกชื่อว่า
I Will always Love You
ประกอบไปด้วยเมนูจานหลักถึง 4 เมนู เสิร์ฟพร้อมกับข้าว
“กุ้งย่างน้ำปลาหวาน” กุ้งแม่น้ำสดใหม่ตัวโตจากอยุธยาตัวละครึ่งกิโลกรัม คัดสรรมาพิเศษเนื้อเด้งมาก สัมผัสได้ถึงความสดของกุ้ง ทานพร้อมกับซอสน้ำปลาหวานและสะเดา เปรียบเสมือนความรักที่อาจมีขมบ้างหวานบ้างแต่ก็รักกันกลมเกลียว เคียงข้างกันเสมอ
“หอยเชลล์ตะไคร้” เชฟนำหอยเชลล์นำเข้าจากอเมริกา (US Scallop) ราคาโลละกว่าสามพันบาทมาเสิร์ฟ ซึ่งเป็นหอยเชลล์พันธ์ที่สะอาดมาก สามารถทานได้สดๆแบบซาชิมิ ได้เลย เชฟนำไปเซียร์ให้มีกลิ่นหอมเล็กน้อย เสิร์ฟแบบราดซอสและตะไคร้ทุบเป็นฝอยละเอียด หอยเชลล์รสชาติหวานมาก ทานกับน้ำซอสและตะไคร์ก็เข้ากันได้ดีแบบที่เราไม่เคยทานกันมาก่อน
“แกงขนุนไก่บ้านคีรีวง” เป็นสูตรพิเศษของทางเชฟ รสชาติจัดจ้านและเข้มข้ม เป็นแกงที่เป็นที่นิยมมากในทางภาคใต้ มีกลิ่นหอมยั่วยวน อร่อยติดใจ
“ผัดผักรวม” จานนี้มีความพิเศษ เชฟตั้งให้ว่าเป็นเมนูผัดผักแห่งรัก ที่เชฟเลือกผักที่ปลูกในฤดูหนาว ที่จะไม่ค่อยได้ทานกันบ่อยนักในร้านอาหารทั่วไป
ต่อด้วยเมนูของหวาน เรียกชื่อว่า
Love Destiny
“ข้าวเหนียมมะม่วงโรลเสิร์ฟกับไอศกรีมชาไทย” เป็นเมนูมะม่วงน้ำดอกไม้ห่อด้วยข้าวเหนียวและห่อด้วยแป้งพัฟอีกชั้น จากนั้นนำไปอบ ออกมาเป็นข้าวเหนียมมะม่วงโรลที่มีความหอมยั่วยวนคล้ายข้าวหลาม ทานคู่กับไอศกรีมชาไทย เสิร์ฟในดอกกุหลาบที่ทำจากช๊อกโกแล็ตขาว เปรียบเสมือนความรักที่เหนียวแน่นกลมเกลียวกัน
ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยชา/กาแฟ และ ขนมชิ้นเล็กๆ Thai Petit Fours
เซ็ทเมนูอาหารไทยสำหรับค่ำคืนวันวาเลนไทล์เซ็ทนี้ ราคาอยู่ที่ 3,200 ต่อคน ซึ่งเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว คุ้มค่ากับบรรยากาศและเมนูแบบจัดเต็มแบบนี้
สำหรับใครที่ต้องการใช้บริการศาลาริมแม่น้ำสุดโรแมนติก (The Romantic Gazebo) แบบเป็นส่วนตัว ต้องจองล่วงหน้ากับทางโรงแรม เนื่องจากสามารถติดตั้งได้จำนวนจำกัด แต่จากที่เราได้สัมผัสบรรยากาศมา บรรยากาศริมแม่น้ำ ของห้องอาหารไทย ศาลาทิพย์ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ นั้นใกล้ชิดแม่น้ำ ให้ความโรแมนติกได้สุดๆทุกโต๊ะเลย
มาถึงตรงนี้ คู่รักคู่ไหนที่อยากมาสร้างความทรงจำดีๆ กับมื้ออาหารสุดพิเศษและบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบนี้ ต้องรีบโทรจองกันเลย ความพิเศษแบบนี้ต้องรีบก่อนที่โต๊ะจะถูกจองเต็มเสียก่อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 7777 / 0 2236 9952 / [email protected]