“มูน บาร์” (Moon Bar) บาร์เปิดโล่งบนตึกพร้อมวิวเมือง 360 องศาที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย บาร์นี้ตั้งอยู่ชั้นเดียวกับห้องอาหาร “เวอร์ทิโก้” (Vertigo) รูฟท็อปชั้น 61 ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ สถานที่สุดโรแมนติกที่เราจะพาทุกคนมาชมกันในวันนี้
การได้นั่งจิบเครื่องดื่มรสเลิศบนชั้นดาดฟ้า ชมวิวพระอาทิตย์โบกมือลาในยามเย็น สลับกับค็อกเทลหลากหลาย จนพระจันทร์ออกมาทักทายในยามค่ำคืน เป็นความสุขที่หาที่เปรียบได้ยากเลยทีเดียว เคาน์เตอร์บาร์ที่ดีไซน์เป็นรูปทรงเพชร มีที่นั่งล้อมรอบทั้ง 360 องศาช่างสะดุดตาเสียจริง
ไฮไลท์ที่ทุกคนไม่พลาดที่จะมาสัมผัสนั่นคือ ทางเดินกระจกใส “มูน วอล์ค” (Moon Walk) สะพานกระจกที่ยื่นออกไปนอกอาคาร ขอบอกว่าเฟียสสุด ๆ สำหรับการถ่ายภาพ เพราะจะเห็นวิวเมืิองมหานครที่ชัดเจน
ในส่วนของค็อกเทลแนะนำในวันนี้แก้วแรก Vertigo Sunset ซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของรัม มาลิบู น้ำสัปปะรด น้ำแคนเบอรี่และน้ำมะนาว รสชาติเปรี้ยวอมหวานทานแล้วสดชื่น
The Haole ค็อกเทลที่มีกลิ่นอายความเป็นฮาวาย มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์คือรัมและวอร์มุท มิกซ์กับน้ำเลม่อน ไซรัปกลิ่นสับปะรด และจินเจอร์เอล เสิร์ฟมากับสับปะรดชิ้นใหญ่ในแก้วทรงสูง ค็อกเทลแก้วนี้มีรางวัลการันตีความดีงาม มิน่าล่ะหลายโต๊ะถึงสั่งมาจิบกัน
Bird of Paradise ติกิค็อกเทลที่มีส่วนผสมหลักคือรัมและน้ำสับปะรด ตกแต่งด้านบนด้วยสับปะรดอบแห้ง รสชาติหอมหวานเหมาะกับการจิบชมบรรยากาศพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
The Horizon ม็อกเทลที่มิกซ์ด้วยน้ำแตงโม เสาวรส น้ำอัญชัญ น้ำมะนาว รสชาติเปรี้ยวหวานจิบแล้วชุ่มคอ
หลังจากที่ได้จิบค็อกเทลเคล้าวิวเมืองกันไปได้ซักระยะ ก็ได้เวลาที่จะไปทานดินเนอร์กันต่อที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ (Vertigo) ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าเช่นเดียวกัน เพียงแค่เราเดินข้ามไปอีกฝั่งก็ถึงแล้ว
เมนูอาหารของที่นี่จะมีให้เลือกทั้งเสิร์ฟเป็นคอร์สและอะลาคาร์ท เลือกได้ตามใจชอบในส่วนอาหารที่เป็นเซ็ทคอร์สนั้นจะมีทั้งแบบ 3 คอร์ส 5 คอร์ส และ 7 คอร์ส
วันนี้เราเลือกทานเซ็ท 7 คอร์ส ประกอบไปด้วยแอพพิไทเซอร์ 3 อย่าง ซุป 1 อย่าง เมนคอร์ส 2 อย่าง และของหวานปิดท้าย 1 อย่าง ในราคา 7,500 บาท หรือเลือกทานคู่กับไวน์ 8,900 บาท
เริ่มต้นกันที่แอพพิไทเซอร์อย่างแรก คาร์ปาชิโอ้ ล็อปสเตอร์ ครีม คาเวียร์ (Carpaccio Lobster Cream Caviar)
เนื้อล็อปสเตอร์สไลซ์ชิ้นบาง ทานคู่กับครีมและคาเวียร์ โรยหน้าด้วยกระเทียมหอม ขิงฝาน และวาซาบิสด เปิดมาด้วยจานแรกที่เรียกน้ำย่อยได้ดีมากๆ ด้วยความสด หวานของเนื้อล็อปสเตอร์ ทำให้ต่อมน้ำลายเราทำงานได้ดีเกินคาด คำแรกที่ทานคือคำที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและฟินมากที่สุด
ซูก้าร์ เคิร์ล ออสเตรเลียน บีฟ รัมพ์ (Sugar Cured Australian Beef Rump) สะโพกวัวออสเตรเลียสไลซ์ ทานคู่กับหน่อไม้ฝรั่ง เชดด้าชีสคิ้วบ์ (Aged Cheddar) ราดด้วยซอสเฮลเซนัท
แอพพิไทเซอร์จานถัดมาต้องบอกว่าผิดคาดมาก เพราะเราไม่เคยทานเนื้อคู่กับเชดด้าชีสแล้วเข้ากันมากขนาดนี้มาก่อน บวกกับความหวานมัน กลมกล่อมของซอสเฮลเซนัทแล้ว ถือเป็นอีกคอมบิเนชั่นที่อยากแนะนำให้ลองมากๆ
ฮอกไกโด สแกลล็อป (Hokkaido Scallop) สแกลลอปจากฮอกไกโดไซส์ XL ราดด้วยซอสทะบูล่า ทานคู่กับบลัดซอสเซจ (Blood Sausage) และพริกเผา
อีกหนึ่งจานเรียกน้ำย่อยที่เราประทับใจ ด้วยความสดของสแกลล็อปตัวอ้วนจากฮอกไกโด ทำให้ทุกคำที่เคี้ยวมีรสหวาน ทานคู่กับซอสทะบูล่าที่มีความหอมของเครื่องเทศเข้มข้น จนเราอยากสั่งเพิ่มอีกจานเลย
ซุปฟักทองพาร์เมซาน (Melted Parmesan Pumpkin Soup) ซุปฟักทองเข้มข้นผสมกับน้ำมันทรัฟเฟิลสกัด ด้านล่างเป็นพาร์เมซานชีสเหลว และต้นหอมจีน
ใครจะไปคิดล่ะว่าซุปฟักทองจะเข้ากันกับกลิ่นของน้ำมันทรัฟเฟิลได้ดีขนาดนี้ คำแรกที่ได้ชิมในใจก็ร้องว้าวออกมาทันที เพราะกลิ่นของทั้งสองไม่ได้ตีกัน หากแต่ช่วยกันชูความหอมสลับกันไปมาอย่างลงตัว ซ้ำยังมีพาเมซานในรูปคล้ายเกี๊ยวให้ได้ทานคู่กันไปด้วยอีก หาทานได้ไม่ง่ายเลยสำหรับเมนูนี้
วากิวชอร์ทริปส์ตุ๋น (Crispy Wagyu Beef Short Rib) เนื้อวากิวชอร์ทริปส์ตุ๋นกับน้ำซุปหัวผักกาดเข้มข้น ทานคู่กับมันบดเนื้อเนียนละเอียด
สำหรับเมนคอร์สจานนี้ ตอนแรกยังแอบคิดว่า มันจะคุ้มค่าหรอที่นำเนื้อวากิวชอร์ทริปส์มาตุ๋น เพราะกลัวจะเสียจุดเด่นของมันไป แต่กลับไม่เลย เพราะเป็นเนื้อวากิวตุ๋นที่นุ่มละมุนมาก ๆ ละลายไปในปาก ยิ่งได้ทานคู่กับมันบดเนื้อเนียนแล้วด้วย จานนี้ถือว่าเป็นอาหารรสเลิศที่เราแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย
เบบี้สแนปเปอร์ตุ๋น (Steamed Fillet Baby Snapper) เนื้อฟิลเล่ท์กระพงแดงตุ๋น ทานคู่กับหอยแมลงภู่ ข้าวแซฟฟรอน มันฝรั่ง และซอสครีมมะเขือเทศ
ฟิลเล่ท์กระพงเนื้อแน่นไร้มันตุ๋นจนนุ่ม เราใช้เวลาไม่นานกับจานปลาจานนี้ ปลาชิ้นโตก็หายไปในพริบตา เพราะทานเพลินมากๆ ซอสครีมมะเขือเทศมีความเข้มข้นกำลังดี ไม่ทำให้เลี่ยนเลย
พานา คอตต้า มาสคาโปเน่ (Mascapone Panna Cotta, Berries, Pistachios) พานา คอตต้าชีสมาสคาโปเน่ แต่งหน้าด้วยเบอร์รี่หลากชนิด และถั่วพิสตาชิโอ
ปิดท้ายด้วยขนมหวานของคอร์สอย่างพานาคอตต้าที่ทำจากชีสมาสคาโปเน่(แช่เย็น) ให้เนื้อสัมผัสที่เนียน และไม่เหลวจนเกินไป เนื้อแน่นกำลังดี ทานคู่กับเบอร์รี่และผลไม้ต่างๆ ทำให้ได้รสชาติหวานมัน ตัดกับหวานอมเปรี้ยวได้กำลังดีสุดๆ
ใครที่กำลังมองหารูฟท็อปบาร์เพื่อนั่งชิวจิบค็อกเทลเคล้าบรรยากาศกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืนแล้วละก็ หากไม่เคยมาลองที่นี่ถือว่าพลาดมาก เวอร์ทิโก้ (Vertigo) แอนด์ มูน บาร์ (Moon Bar) พร้อมให้คุณได้เช็คอินแล้ววันนี้ ที่โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ
เวลาทำการ
- มูนบาร์ (Moonbar) 17:00 – 01:00
- ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ (Vertigo) 18:00 – 22:30
ที่ตั้ง
ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี 21/100 ถนนสาทรใต้ สาทร กรุงเทพมหานคร
ติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่ง
- โทร: 02-679-1200
- อีเมล : [email protected]